เดินป่า เตรียมออกเดินป่ากับเราได้แล้ว


881 ผู้ชม


แนะนำน้องใหม่เริ่มเดินป่า

    ทุกวันนี้มีป่าไม้ธรรมชาติที่งดงามรอเราอยู่หลายแห่งครับ ใครที่เกิดมายังไม่เคย เดินป่า ออกลุยเลยคงต้องเริ่มต้น จากการเดินทางง่าย ๆ และมีคนแนะนำให้ก่อนนะครับ เท่าที่ผมเคยไปมาคนที่เดินครั้งแรกบ่นแล้วบ่นอีกว่าเหนื่อย ว่าร้อน ยังโง้นยังงี้ แต่ก็กลับไปเที่ยวใหม่ทุกคนล่ะครับ เพราะการท่องเที่ยว เดินป่า นี่มีเสน่ห์ตรงที่ความลำบาก และท้าทายนี่แหละ การ เดินป่า ไม่ใช่การเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในป่าโดยไม่เตรียมอะไรไว้เลยนะครับ ซึ่งอันตรายมาก แล้วก็การเดินโดยไม่มีคนนำทางก็อันตรายพอๆ กัน จะพากันไปหลงให้เค้าต้องเอา ฮ. ตามกันเปล่า ๆ  
การเตรียมตัวไปแคมปิ้ง
    หลายๆท่านที่อยู่อาศัยในตัวเมือง หรือศูนย์การค้าเป็นหลักที่คิดจะเริ่มลองออกไปแสวงหาธรรมชาติพิสุทธิ์และงดงาม ต้องหัดเตรียมตัวกันนิดนึงก่อน โดยทั่ว ๆ ไปวิธีที่ง่ายสุดคือไปกับคนที่รู้ไม่งั้นก็ไปกินอยู่กันลำบากแน่ แบบไม่สนุกเพราะขาดการเตรียมตัวที่ดีนั่นเอง จนอีกหน่อยเที่ยวไป ๆ ของในเป้คุณจะน้อยลงไปเองโดยอัตโนมัติและความลำบากเล็ก ๆ น้อย ๆ จะกลับกลายเป็นเรื่องสนุกไป  มือใหม่อย่างเราควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเพราะเรายังไม่รู้ความต้องการใช้สิ่งของที่แท้จริง ในป่า ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากัน
   
การหาข้อมูลก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ...ต้องเลือกจุดหมายปลายทางที่จะไปเสียก่อน ที่เที่ยวอย่าง เขาใหญ่ แก่งกระจาน ปัจจุบันก็หนาแน่นไปด้วยผู้คนและร้านค้าจนแทบไม่ต้องเตรียมอะไรแล้วครับ แต่ถ้าเริ่มต้นเดินป่า ค้างแรมที่ ๆ แปลกออกไปสักนิด (แน่นอนว่าบรรยากาศย่อม "สด" กว่าฮะ เลือกให้ตรงใจว่าจะไปที่ไหนแน่ ดูให้ตรงกับฤดูกาลด้วย เช่นไปน้ำตกที่มีโอกาสเจอน้ำป่าหรืออุทกภัยช่วง เดือนตุลาคมก็คงไม่ปลอดภัย ก็เลี่ยงไปเปนการเดินทุ่งดอกไม้หรือไปทางอีสานซึ่งสวยสุดหน้าเดียวคือหน้าฝนซะเลย อย่างนี้เป็นต้น แหล่งข้อมูลทางหนังสือที่มีก็ทั้งอนุสาร อสท. หนังสือทริป แหล่งท่องเที่ยว ATG สารคดี Update แหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เนท
    จากนั้นก็เป็นการวางแผน..... อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น เดินเข้าป่าดุ่ม ๆ ไปนี่ก็คงจะมีแต่ชาวบ้านกะพรานที่อยู่แถวนั้นที่เขาทำกัน เราต้องวางแผนก่อนว่าจะไปกันยังไงดี บางที่ขืนตะบึงตะบันขับรถไปเอง แต่เจอทางยากเดินเหนื่อย ขาขับรถกลับ จะอันตรายเปล่า ๆ รึจะลองไปรถหวานเย็นดู ไม่ก็ลองนั่งรถไฟหรือโบกรถกันซะเลย นอกจากนี้ก็ต้องรู้ว่าจะไปกันกี่วัน บางคนไปยอดเขาแห่งหนึ่ง ยังเผื่อไว้ 9 วันครับ เดินจริงไม่ถึงหรอก แต่ต้องเผื่อหลงไว้ เพราะเป็นเส้นที่ไม่มีใครเคยเดิน สักกี่คน มือใหม่คงเอาแค่หอมปากหอมคอ ถ้าไปได้ในวันธรรมดาก็จะดีมาก เพราะคนไม่เยอะครับแต่ถ้าทำไม่ได้ก็หลีกเลี่ยงเทศกาล ที่มีผู้คนมากมายเหลือเกิน อาจทำให้ท่านเสียความรู้สึกซะเปล่า ๆ
    เมื่อวางแผนเรียบร้อย และได้เดินทางไปจนถึงที่เริ่มเดินเท้าแล้ว เราจะต้องตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนว่าอยู่ครบถ้วนหรือไม่ โดยปกติแล้วเมื่อเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ลงในเป้หลังแล้ว จะพบว่าข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จะมีที่ที่เหมาะสมของมันอยู่แล้วตามช่องเป้หลังต่าง ๆ เมื่อท่านเริ่มเดินป่าไปหลาย ๆ ครั้ง ทุกอย่างก็จะเข้าที่ไปโดยอัตโนมัติ แต่ช่วงแรกควรถามผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จะทำให้เราได้รับความรู้และประโยชน์มากที่สุด ก่อนจะเริ่มเดินทางสัก 30 นาที ขอให้ดื่มน้ำให้อิ่มและเติมน้ำในกระติกให้เต็ม เพราะน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องเก็บไว้ใช้ และขอแนะนำว่าให้นำอาหารแห้ง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารกระป๋องและข้าวสารใสไปในสัมภาระส่วนตัวของคุณสัก 1 ชุดไว้ก่อนเสมอ ในกรณีที่มีคนหาบสัมภาระให้ แต่ถ้าหากไม่มีคนหาบก็ขอให้แบ่งอาหารกระจายไปในกลุ่มโดยทั่วถึงกันเป็นชุด ๆ เผื่อว่าในกรณีที่พลัดหลงกันจะได้มีอาหารรับประทานกันทุกคน และอีกอย่างหนึ่งที่จะละเลยกันไม่ได้ก็คือ การศึกษาเส้นทางที่เราจะเดินทางไป เพราะในบางครั้งอาจมีลำธารมาขวางกั้น หรืออาจมีป่าทึบมากจนไม่สามารถ ผ่านไปได้ ทำให้เราต้องเปลี่ยนทิศทางในการเดิน หรือถ้าคุณต้องการเดินทางไปให้ถึงหมู่บ้านของชาวบ้านท้องถิ่นให้เดินเลาะลำธารและแม่น้ำ เพราะชาวบ้านมักจะอาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำชุมทางแม่น้ำทุกแห่ง มักจะเป็นเส้นทางการคมนาคม และประกอบการค้าของชาวบ้านเสมอ เพื่อเป็นการเตรียมตัวในการผจญภัยให้เต็มที่ จึงควรตรวจดูแผนที่และทิศทางก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางด้วย
    เมื่อทุกอย่างได้เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลย ในการเดินทางนั้นควรจะเดินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเดินทางเป็นเส้นตรงเลยทีเดียว เมื่อพบว่าจะมีสิ่งกีดขวาง ก็ให้พยายามใช้วิธีหลีกเลี่ยงเพื่อเป็นการออมกำลังไว้ จึงไม่ควรใช้กำลังฝ่าอุปสรรคนั้นเข้าไปโดยไม่จำเป็น เช่น เดินหลบเลี่ยงไปสักหน่อยดีกว่าที่เราจะต้องใช้กำลังบุกฝ่าป่าที่รกทึบเข้าไป เพียงเพราะมองเห็นแค่ระยะทางสั้นกว่า และในการเดินป่าไม่ควรเดินอย่างรีบร้อน แต่ควรเดินพิจารณาไปอย่างช้า ๆ และมองดูสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันสัตว์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามทางเดิน ตลอดเวลาของการเดินทางต้องใช้ความระมัดระวังให้เป็นพิเศษ อย่าเดินด้วยความซุ่มซ่าม เพราะจะทำให้เกิดการฟกฟ้ำดำเขียวหรือบาดแผลขึ้นกับตัวเราได้ อีกทั้งยังต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนที่มีสายตาว่องไว และคุ้นเคยกับสภาพของป่า นั่นคือการหัดสังเกตสิ่งที่กีดขวางให้ดีเสียก่อน ซึ่งการใช้สายตาในการสังเกตจะใช้ 2 ลักษณะคือ
    1. ใช้สายตามองแบบกว้าง ๆ เมื่อตอนแรกที่เรามองป่า ก็มองสภาพทั่ว ๆ ไปของป่า ก้มมองสภาพทั่ว ๆ ไปของป่า กวาดสายตาไปอย่างรวดเร็วให้ทั่วบริเวณนั้น เก็บสภาพทั่ว ๆ ไปของบริเวณนั้นเอาไว้ก่อน เช่น ลักษณะของป่า ลักษณะของกลุ่มไม้ แนวเส้นทาง ฯลฯ
    2. ใช้สายตามองเฉพาะจุด เมื่อเรามองสภาพทั่ว ๆ ไป ของป่าแล้ว จากนั้นให้มองพิจารณาจุดเด่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ต้นไม้มีขนาดใหญ่หรือมีสีสันที่แปลกออกไปจากต้นอื่น ๆ ที่สังเกตและจำได้ง่าย นักเดินป่าที่ดีไม่ควรใช้เสียงในการเดินทาง หากจำเป็นก็ขอให้เสียงที่ใช้นั้นเบาที่สุดและน้อยครั้งที่สุด ใช้ประสาททั้งหมดจดจ่ออยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด ทั้งประสาทตา ประสาทหูและประสาทจมูก ควรทำการตรวจสอบทิศทางในการเดินทางอยู่เสมอ คือควรจะรู้ว่าตัวเราและคณะกำลังมุ่งไปทิศทางใดบ้าง เช่น มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกบางครั้งก็หักเหไปทางตะวันออกเฉียงเหนือบ้างเล็กน้อย พอหยุดพักก็หมั่นตรวจสอบกับแผนที่ จะทำให้เราสามารถคาดคะเนได้ว่า เราอยู่ตรงจุดใดของพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดและถูกต้องที่สุด เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ ที่เราคาดไม่ถึง
    เมื่อการเดินทางของเราจะต้องเดินตามลำห้วย จะต้องใช้ความระมัดระวังให้ดี ขอแนะนำว่าห้ามถอดรองเท้าเดินในลำห้วยเพราะอาจจะทำให้เท้าบาดเจ็บ ซึ่งจะทำให้กลายมาเป็นอุปสรรคในการเดินป่า จึงควรยอมให้รองเท้าเปียกจะดีกว่า เนื่องจากในลำน้ำอาจมีหอยที่เปลือกบางแตกบาดเราได้ แม้ว่าจะช่วยทรงตัวได้ดีกว่าบ้างก็ตาม ในขณะเดินป่าควรป้องกันอันตรายจากแมลงต่าง ๆ โดยการสวมเสื้ออยู่ตลอดเวลา อย่าถลกแขนเสื้อขึ้นถ้าไม่ได้อยู่ในที่โล่งแจ้งที่มีอากาศโปร่งสบาย จงพยายามปกปิดทุกส่วนของร่างกาย ในการเดินป่าถ้าพบกิ่งไม้ที่เป็นราหรือหญ้าเขียว ที่เป็นฝอยที่เกิดขึ้นทั่วไป ควรจะเดินหลีกเลี่ยงเพราะหากว่าเราเดินเหยียบอาจจะทำให้ลื่น จนถึงขั้นหกล้มได้ ในกรณีที่เกิดการพลัดหลงกันอย่าได้ตะโกนเรียกหากันโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เหนื่อยเปล่า อีกประการหนึ่งก็คือการกู่เรียกโดยไม่รู้ถึงวิธีการ ที่ถูกต้องนั้นจะยิ่งทำให้ยิ่งหลงทิศหนักเข้าไปอีก ควรจะใช้วิธีการเคาะหรือตีต้นไม้สูง ๆ ด้วยท่อนไม้ เพราะจะทำให้เกิดเสียงได้ยินก้องไปไกลกว่าเสียงก้องตะโกน ในเวลากลางคืนสัตว์ป่าทั้งหลายจะเดินตามลำห้วยและตามสันเขา ดังนั้นเราควรจะอยู่ให้ห่างจากบริเวณดังกล่าว หากจะเดินทางออกไปจากที่พักและมีความต้องการที่จะเดินกลับเข้ามาอีกในภายหลังควรจะต้องทำเครื่องหมายไว้ตามทางที่เดินไปให้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อที่จะสามารถกลับที่พักได้อย่างถูกต้องและไม่พลัดหลง ในการเดินทางข้ามลำห้วยคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ควรเดินข้ามคู่ไปกับคนที่ว่ายน้ำเป็น เพื่อที่จะได้ช่วยดูแลช่วยเหลือกันได้ เพราะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นมักจะตื่นกลัวแม้ว่าน้ำไม่ลึกนัก ยิ่งถ้าข้ามรวมเป็นกลุ่มเดียวกันแล้วก็จะมีปัญหาเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในการข้ามลำห้วยหรือลำธารถ้าน้ำไม่ลึกมากนักเพื่อความปลอดภัยของตัวเรา ควรใช้เชือกขึงข้ามลำธารไว้พยุงตัวไม่ให้ลื่นล้ม เพื่อเป็นการป้องกันที่ดีอีกวิธีหนึ่ง 
    ในการเดินป่าย่อมจะมีจุดหมายปลายทางที่เรากำหนดไว้ว่าจะต้องไปให้ถึง แต่บางครั้งการเดินทางสู่จุดหมายอาจจะมีทางเลือกให้เดินหลายเส้นทาง แต่เราควรจะพิจารณา ถึงหลัก 3 ประการคือ ความปลอดภัย ความสะดวกในการเดินทาง และระยะทางซึ่งทั้ง 3 ประการนี้ เราจะต้องนำมาพิจารณาเข้าด้วยกัน เพื่อหาเส้นทางที่เหมาะสมในการเดินทาง แต่ทว่าในเส้นทางนั้นอาจมีอุปสรรค สิ่ง กีดขวาง หรือภูมิประเทศที่แตกต่างกันออกไป เราจึงมีข้อแนะนำถึงวิธีการเดินผ่านภูมิประเทศต่าง ๆ ดังนี้
 

    การเดินทางตามสันเขา ... โดยทั่วไปแล้วเส้นทางเดินบนสันเขาจะเดินได้ง่ายกว่าการเดินตามหุบเขา ทางเดินของสัตว์มักจะผ่านไปบนสันเขาบ่อย ๆ และสัตว์ต่าง ๆ อาจจะใช้เส้นทางนี้ในการเดินก็ได้ นอกจากนี้บนสันเขามักจะมีต้นไม้หรือพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคกีดขวางการเดินขึ้นอยู่น้อยมาก แต่จะมีจุดสูง ๆ ที่เราสามารถขึ้นไปสังเกตภูมิประเทศเบื้องล่างได้อีกด้วย การเดินบนสันเขาจะช่วยให้เราประหยัดพลังงานได้เยอะทีเดียว เพราะเราไม่ต้องปีนขึ้นปีนลงหรือลุยข้ามลำน้ำ ลำห้วย ดังจะเห็นได้จากชาวเขาที่มักชอบเดินตามสันเขาและมักจะเลี่ยงที่สูงชันหรือหุบเหว แต่การเดินบนสันเขาก็จะมีปัญหาอยู่บ้างเหมือนกัน คือ บนสันเขามักมีหลายเส้นทางทับกันอยู่อย่างสับสน อาจจะทำให้หลงทางได้ง่าย ดังนั้นจึงควรต้องทำการตรวจสอบทิศทางกับเข็มทิสหรือด้วยวิธีอื่นอยุ่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาในการหลงทาง

    การเดินทางตามลำห้วย ...ในบริเวณริมลำห้วยต่าง ๆ จะมีความชื้นสูง ทำให้มีพันธุ์ไม้รกทึบยากแก่การเดินทาง ดังนั้นการเดินทางจึงมีความลำบากและเป็นไปอย่างล่าช้า บางแห่งเป็นปลักโคลน ทำให้พืชที่เป็นเครือเถาขึ้นอยู่หนาแน่น รวมทั้งพืชที่ทำให้คัน เช่น หมามุ่ยชอบขึ้นอยู่ด้วย หากจะต้องเดินในลำน้ำควรจะต้องระวังความลื่นที่เกิดจากก้อนหินกับตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่ หินทรายในน้ำมักจะลื่น แต่ถ้าเป็นหินอัคนีก็จะมีความลื่นมาก จึงไม่ควรเดินในลำน้ำที่มีหินอัคนีเป็นพื้น เพราะจะทำให้ลื่นได้ง่ายมาก ในบริเวณป่าห่างจากชุมชนไม่นานนัก ตามริมลำห้วยมักจะมีทางเดินของชาวบ้านที่มาหาปลาอยู่ด้วยเสมอ แต่จุดที่จะใช้ตรวจสอบกับแผนที่ได้ก็คือ หน้าผาริมน้ำหรือริมห้วยต่าง ๆ การเดินทางตามลำห้วย มีข้อดีตรงที่เราสามารถหาน้ำและอาหารเพื่อบริโภคได้ง่าย นอกจากนี้ยังต้องระวังงูซึ่งมักอยู่ใต้หลืบหินและขอนไม้ ต้นไม้ริมน้ำด้วย
    การเดินทางตามชายฝั่งทะเล ...โดยปกติตามชายฝั่งทะเลมักจะมีความยาวและอ้อมโค้ง แต่นั่นก็เป็นแนวหลักที่ดีที่สุดในการหาทิศและยังหาอาหารได้ง่ายอีกด้วย ชายฝั่งทะเลที่เป็นหาดทรายหรือว่าชะง่อนหิน ก็จะมีความสะดวกในการเดินทางพอประมาณ แต่หากเป็น หาดเลนที่มีป่าเลนน้ำเค็มขึ้นอยู่ จะเป็นอุปสรรคที่กีดขวางการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะหาทางเดินอื่นหลีกเลี่ยงไป

    การเดินทางในป่าทึบ ...การเดินทางในป่าทึบนั้นจะต้องใช้ความระมัดระวังมากที่สุด และนักเดินป่าที่ดีนั้นย่อมเป็นผู้ที่รู้จักใช้เสียงในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ในการเดินป่า เราจะต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น หู ตา จมูก และสัมผัสที่เราต้องใช้ให้น้อยที่สุดคือ เสียง ที่จะต้องใช้ในตอนหยุดพัก ในแต่ละชั่วโมงหรือเมื่อมีเหตุจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ดังนั้นนักเดินป่าที่ดีจึงต้องฝึกตนเองให้มีความสามารถเดินผ่านป่ารกทึบอย่างเงียบ ๆ ได้อยู่เสมอ โดยจะค่อย ๆ แหวกต้นไม้ไป ซึ่งอาจจะมีโอกาสได้พบเห็นสัตว์ป่าได้อีกด้วย  ต้องระวังอย่าให้กิ่งไม้ครูดเป็นแผลหรือถลอกฟกช้ำ และระวังอย่าเดินหลงทางจะทำให้เสียกำลังใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ควรต้องจดจำเอาไว้ อย่า ใสใจกับต้นไม้ พุ่มไม้ที่อยู่ตรงหน้าเรามากนัก ให้ใช้สายตามองออกไปไกล ๆ อย่าสักแต่ว่ามองดูป่า จงมองให้ทะลุปรุโปร่ง ควรจะหยุดเดินบ้างเป็นครั้งคราว สำรวจดูตามพื้นดิน คอยเงี่ยหูฟังเสียงต่าง ๆ และสังเกตทิศทางเอาไว้ให้ดี ๆ ในพื้นที่ ๆ มีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ควรใช้มีดตัดป่าตัดเป็นช่องพอที่จะเดินผ่านไปได้เท่านั้น การ ตัดไม้ด้วยมีดควรใช้มีดฟันเฉียงขึ้นหรือเฉียงลงอย่างรวดเร็ว จะทำให้เกิดเสียงเบากว่าการฟันอย่างช้า ๆ เพราะนอกจากจะเป็นการทำลายพันธุ์แล้วยังก่อให้เกิดเสียงดังได้ยินไปก้องป่า สัตว์ป่ามักจะใช้เส้นทางด่านสัตวืในการเดิน ทางด่านสัตว์นี้มักคดเคี้ยว วกวน แต่ก็จะนำเราไปสุ่แหล่งน้ำหรือที่โล่งได้ ถ้าเราจะเดินตามต้องตรวสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่าเป็นทิศทางเดียวกับที่เราต้องการไป โดยหมั่นตรวจสอบทิศทางอยู่เสมอเมื่อเดินไปตามทิศทางนั้นเมื่อจำเป็นที่จะต้องปีนต้นไม้เพื่อสังเกตการณ์หรือเก็บอาหารต้องลองตรวจสอบดูเสียก่อนว่ากิ่งไม้ที่จะปีนขึ้นไปนั้นมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักตัวของเราได้รึเปล่า และจะต้องยึดกิ่งที่ใหญ่ไว้ให้แน่นและมั่นคง ในขณะปีนพยายามเหยียบกิ่งให้ชิดกับลำต้น เพราะจะเป็นส่วนที่แข็งแรงมากที่สุด

การกินอยู่
    แน่นอนอยู่แล้วว่าการใช้ชีวิตอยู่ในป่าและในเมืองก็ตาม ร่างกายของคนเราก็ต้องมีความต้องการอาหารและน้ำเป็นธรรมดา แต่เมื่อเราอยู่ในป่า อาหารและน้ำคงจะหาไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกับเราอยู่ในเมือง ดังนั้นการแสวงหาอาหารในป่า จึงเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจให้ละเอียดเพราะหากว่าเราไม่มีความรู้จริง การนำพืชบางชนิดมาเป็นอาหาร จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายจากอาหารเป็นพิษได้ เราจึงแนะนำวิธีการแสวงหาอาหารในป่าโดยใช้น้ำและพืชที่จะนำมาเป็นอาหาร เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในป่าได้อย่างไม่อดอาหาร
    ร่างกายของคนเรามีความต้องการน้ำวันละ 2-5 ลิตร แต่ไม่ใช่ว่าน้ำทุกชนิดจะปลอดภัยสำหรับดื่ม การแสวงหาน้ำในฤดูฝนไม่มีความลำบากมากนัก เพราะน้ำฝนมักจะมีขังอยู่ทั่ว ๆ ไป ตามลำธารและแอ่งน้ำ และถึงแม้ว่าตามลำธารจะไม่มีน้ำขังอยู่ แต่เราจะสามารถขุดบ่อลงไปในบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำและในลำห้วยตามท้องธาร หรือหุบเขาก็จะได้น้ำกินและน้ำใช้ตามที่ต้องการ แต่สำหรับฤดูแล้งการแสวงหาน้ำ อาจจะมีความยากลำบากและยุ่งยากมากพอสมควร แต่เราก็ยังพอมีวิธีในการแสวงหาน้ำอยู่

การหาแหล่งน้ำ
   1. สอบถามชาวบ้านถึงแหล่งน้ำ เพื่อเป็นการสะดวกควรให้ชาวบ้านที่รู้ว่ามีแหล่งน้ำที่ใดนำทางหรือชี้บอกทางให้
   2. หาตามหุบเขา,ซอกหิน หน้าแล้งจะสังเกตเห็นว่าต้นไม้ ต้นหญ้าบนภูเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแห้งกรอบ ให้เราสังเกตที่หุบเขา ถ้าพบว่าหุบเขาใดมีต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดปี ก็ให้เราไปหาน้ำตามหุบเขานั้น ซึ่งจะมีน้ำไหลซึมออกจากซอกหินตลอดปี
   3. ขุดเลาะลำธารที่น้ำแห้งใหม่ ๆ ทำเป็นบ่อเล็ก ๆ ลึกลงไป ก็จะพบเจอน้ำตามที่เราต้องการ
   4. หาจากเถาวัลย์ ผลไม้ ต้นไม้ เถาวัลย์น้ำจะขึ้นอยู่ตามพื้นที่แห้งแล้งเป็นส่วนมาก เช่น สะแกเถาว์,เถานางนูน,หวาย และต้นไม้ต่าง ๆ เช่น ต้นพลวง ,ต้นกล้วยป่า,รวมทั้งน้ำจากผลไม้และ ต้นไผ่ก็ใช้ดื่มได้ทั้งนั้น
   5. ใช้อุปกรณ์ที่นำติดตัวไปทำเครื่องกักไอน้ำ เช่น เสื้อกันฝนหรือพลาสติคก็ได้ โดยเมื่อเข้าไปในพื้นที่ที่แห้งแล้งและเป็นพื้นที่โล่งแจ้งปราศจากต้นไม้ ให้ขุดหลุมกว้าง 3 ฟุต ลึกประมาณ 18 นิ้ว เอาก้อนหินใส่ลงไปก้นหลุม หาภาชนะรองน้ำไว้ตรงกลางหลุม เอาพลาสติคคลุมปากหลุมแล้วเอาดินกลบไว้รอบ ๆ ตรงกลางเอาก้อนหินวางไว้เพื่อถ่วงให้เป็นรูปกรวย เมื่อความร้อนจากดวงอาทิตย์ เผาก้อนหินและดินในหลุม ความชื้นที่มีอยู่จะระเหยเป็นไอขึ้นมากระทบกับพลาสติกมากเข้าก็จะกลายเป็นหยดน้ำไหลไปยังภาชนะที่เราเตรียมไว้รองรับเพื่อนำน้ำขึ้นมาใช้บริโภคต่อไป

อัพเดทล่าสุด