ระดูขาว + ตกขาวมีกลิ่น รู้ปัญหาจะได้แก้ตรงจุด


1,882 ผู้ชม


ตกขาว ไม่ต้องเหน็บยาเสมอไป 

ผู้เรียบเรียง ภญ. อมรรัตน์ รุ่งเรืองฝั่งสาย
          ภาวะตกขาว หรือระดูขาวนั้น เป็นเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เคยประสบพบเจอกันมา หลาย ๆ คนเมื่อมีอาการตกขาว มักหาซื้อยาเหน็บมาใช้ ทั้งที่จริงแล้ว ภาวะดังกล่าวอาจเป็นอาการตกขาวที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ

ตกขาวเกิดจากอะไร?
          ตกขาวตามปกติ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ในช่วงใกล้ตกไข่ ตกขาวจะมีลักษณะเหลวใส ส่วนช่วงอื่นอาจมีลักษณะขาวขุ่น ภาวะตกขาวก่อนมีประจำเดือนนี้เกิดจากเยื่อบุช่องคลอดที่หนาตัวเพิ่มขึ้น ถ้าตกขาวไม่มีลักษณะผิดปกติ เช่น กลิ่นเหม็นรุนแรง มีเลือดปน หรือมีอาการคันมาก ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อยาเหน็บช่องคลอดมาใช้
          ผู้หญิงแต่ละคนมีตกขาวแตกต่างกัน บางคนตกขาวมากนานหลายวัน บางคนมีตกขาวน้อย เพราะฉะนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
ตกขาวลักษณะไหนถือว่าผิดปกติ?
          ตกขาวผิดปกติ คือ ตกขาวที่มีลักษณะผิดไปจากธรรมดาที่เคยเป็น ตกขาวที่จัดว่าเป็นโรคได้แก่
         ตกขาวลักษณะคล้ายโยเกิร์ต เป็นก้อนขาวขุ่น มีอาการคันช่องคลอด เกิดจากเชื้อราแคนดิดา (Candida) ซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์
         อาจจะเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะนานจนเกินไป ทำให้รบกวนสมดุลของจุลชีพในช่องคลอด หรือการใช้น้ำยาสวนล้างช่องคลอดบ่อยเกินไป ตกขาวสีเขียว หรือเหลือง มีกลิ่นเหม็น และคันมาก เกิดจากเชื้อทริโคโมแนส (Tricomonas Vaginalis) หรือที่เรียกกันว่า พยาธิในช่องคลอด
         ตกขาวสีเหลือง หรือเหลืองคล้ายหนอง เกิดจากแบคทีเรีย (bacterial vaginosis)
         การติดเชื้อเริม อาจมีตกขาวร่วมด้วย ทั้งนี้หากตกขาวมีลักษณะกลิ่น สี ผิดจากที่เคยเป็น ควรปรึกษาแพทย์
 การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอดเป็นประจำสามารถป้องกันการตกขาวได้หรือไม่ ?
          ไม่ค่ะ ตรงกันข้าม การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอดเป็นประจำ สามารถส่งผลให้เกิดภาวะตกขาวแบบผิดปกติได้ หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอด ก็สามารถใช้ได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรใช้ทุกวัน และแนะนำให้ใช้แต่ภายนอก ไม่ควรสวนล้างภายในช่องคลอด
 ทำไมถึงห้ามไม่ให้ใช้ยาเหน็บช่องคลอดเป็นประจำ ?
          เหตุผลเดียวกันกับเรื่องการใช้ยาปฏิชีวะนะเป็นประจำ คือการใช้ยาเหน็บช่องคลอดแบบพร่ำเพรื่อโดยที่ไม่ได้เป็นโรค เป็นการรบกวนสมดุลของเชื้อประจำถิ่น (normal flora) ในช่องคลอด และอาจเกิดอาการดื้อยาของเชื้อโรคได้ด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.yaandyou.net/druglist2.

-------------

ตกขาวมีกลิ่นเสี่ยง “เชื้อราในช่องคลอด” เหตุใส่ชุดรัดรูปทำให้อับชื้น

  

          เชื้อราในช่องคลอด ไม่ใช่โรคร้ายแรง เพียงแต่ทำให้มีอาการคัน ทำให้รำคาญและทำลายบุคลิกภาพเท่านั้น ไม่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นอันตรายต่อรังไข่ โพรงมดลูก หรืออุ้งเชิงกรานได้

           เชื้อราในช่องคลอดเป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ ในคนที่มาตรวจภายใน จะพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 10-30% ส่วนผู้หญิงปกติพบได้ประมาณ 10% และยังพบว่าคนที่ไม่มีอาการใดๆ เมื่อตรวจภายในบางรายก็พบว่ามีเชื้อราในช่องคลอดแอบแฝงอยู่ มีทั้งเชื้อราที่ไม่แสดงอาการคือเมื่อตรวจจะพบว่าภายในช่องคลอดมีเชื้อราส่วนใหญ่ 80-90% เป็นสายพันธุ์ Candida Albicans และแบบที่แสดงอาการอย่างชัดเจน จนทำให้ต้องไปพบแพทย์ในที่สุด

 

          อาการที่แสดงออก เมื่อเกิดเชื้อราในช่องคลอดขึ้น คือ ตกขาวและอาการคัน โดยตกขาวที่เกิดจากเชื้อราจะต่างจากตกขาวที่เกิดจากธรรมชาติ โดยจะมีสีขาวหรือเหลืองและเป็นก้อนคล้ายนมบูด หรือแป้ง โดยช่องคลอดจะเกิดการระคายเคืองจนทำให้คันยิบๆ จนแทบทนไม่ได้ คนที่มีอาการรุนแรงมากจะคันมาถึงบริเวณขาหนีบและมีอาการแสบ แดง และระคายเคืองอย่างรุนแรงได้

          ข้อที่ผู้หญิงพึงต้องสังเกตอีกอย่างคือ อาการตกขาว หากเกิดขึ้นแบบผิดปกติ เช่น มีสีที่แปลกไป เหลือง เขียว เป็นฟอง หรือมีกลิ่นผิดปกติ หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น มีเลือดออก มีอาการปวดท้องแบบผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการ เพราะอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือสาเหตุอื่นที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

          สาเหตุของการติดเชื้อรา เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งชุดชั้นในที่มีเชื้อรา เกิดจากการตากในที่อับชื้นหรือไม่โดนแสงแดด โดยเฉพาะผ้าไนลอนจะสามารถเกิดเชื้อราได้ง่าย ควรเลือกชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายเพราะระบายความอับชื้นได้ดีกว่า การใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปมากๆ หรือการใส่สเตย์เพื่อกระชับรูปร่าง ทำให้เกิดความอับชื้นในจุดซ่อนเร้น โดยเฉพาะคนที่มีเหงื่อเยอะและผู้หญิงเจ้าเนื้อควรต้องระวังเป็นพิเศษ รวมทั้งการใส่แผ่นอนามัยโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนระหว่างวันหรือใส่เป็นเวลานานในกรณีที่มีน้ำเมือกธรรมชาติเยอะ

          อีกสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดควบคู่กับความอับชื้น คือ ภาวะร่างกายที่อ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ เช่น กรณีเจ็บป่วย ทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ หรือทานยากดภูมิต้านทาน เช่น สเตียรอยด์ หรือกรณีมีโรคประจำตัว เช่น โรคไต หรือเบาหวาน ซึ่งควบคุมได้ไม่ดี เป็นต้น

          เมื่อเป็นเชื้อราในช่องคลอดแล้ว สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีบางส่วนประมาณ 5-8% กลับมาเป็นซ้ำได้อาจเพราะยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความอับชื้น หรือมีภาวะที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ

 

          ในช่วงฤดูฝนที่ยังไม่จางแบบนี้ โรคผิวหนังที่เกิดจากความอับชื้น เชื้อรา เป็นสิ่งที่พบบ่อย ไม่ว่าจะกลาก เกลื้อน เชื้อราในร่มผ้า แม้กระทั่งช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา เพราะฉะนั้นการดูแลความสะอาดและอนามัยส่วนบุคคลจึงจำเป็น ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำทำความสะอาด ต้องเช็ดให้แห้ง ช่วงที่มีประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการแต่งตัวฟิต รัด กระชับ ควรแต่งตัวเน้นให้โปร่ง โล่ง สบาย เพื่อลดความอับชื้น อันจะนำไปสู่ปัญหาช่องคลอดอักเสบได้

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

อัพเดทล่าสุด