ศัลยกรรมความสวย โบทอกส์ ความสวยชั่วคราวที่ต้องเสี่ยง


819 ผู้ชม


โบทอกส์ ความสวยชั่วคราวที่ต้องเสี่ยง

ฉีดยา


            โบทอกส์คืออะไร 
          โบทอกส์ (Botox®) เป็นชื่อการค้าของสารชีวภาพ โบตูลินุ่มทอกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารพิษของเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง (Clostridium botulinum) ซึ่งก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษหากปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่รับประทานเข้าไป 

          แบคทีเรียชนิดนี้จะสร้างสารพิษที่สามารถทำลายปลายประสาทในกล้ามเนื้อ มีผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและไม่ทำงานในที่สุด ทางการแพทย์ได้มีการคิดค้นนำผลเสียดังกล่าวมาเป็นยาในการรักษาอาการเกร็ง ของกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนที่เกร็งผ่อนคลายลง เช่น กล้ามเนื้อเกร็งบริเวณต้นคอทำให้ปวดต้นคอมาก บริเวณใบหน้าซึ่งกล้ามเนื้อเกร็งก่อให้เกิดอาการบูดเบี้ยวครึ่งซีก (hemifacial spasm) 
          โบทอกส์ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์ใช้ยับยั้งเหงื่อที่ออกมามากผิดปกติ (hyperhidrosis) ที่บริเวณใต้วงแขนและฝ่ามืออย่างเห็นผล อย่างไรก็ตามหากปนเปื้อนในอาหาร ผู้ที่ได้รับสารพิษชนิดนี้เข้าไปกับอาหารก็จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่ว ร่างกายได้ อันตรายอาจถึงตายได้เพราะอาจมีผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณทรวงอกอ่อนแรงไม่ สามารถควบคุมการหายใจได้ 
            โบทอกส์กับการแต่งสวย 

          โบตูลินุ่ม ทอกซิน ได้ถูกนักวิทยาศาสตร์นำมาทำให้บริสุทธิ์ นอกจากใช้เป็นยารักษาโรค แล้วยังมีการนำมาใช้ประโยชน์ทางอ้อมโดยนำมาฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก หางตา ร่องแก้ม มุมปาก ปลายคาง เพื่อลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าฝาก และรอยตีน หลักการคือสารโบทอกส์จะถูกฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการ ภายในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวจะคลายตัว อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อผิวที่ทำให้เกิดร่องและริ้วรอยจะผ่อนคลาย ทำให้ร่องที่ลึกจางลง และริ้วรอยลดลง แพทย์ผิวหนังจะเป็นผู้ประเมินขนาดของยาว่าต้องฉีดในปริมาณมากน้อยเพียงใด ฉีดกี่เข็มจึงจะเห็นผล ผลที่ได้รับโดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน และหากยังต้องการผลต่อเนื่องอีก ก็ต้องกลับไปให้แพทย์ฉีดใหม่อีกทุก ๆ 3-4 เดือน ค่าใช้จ่ายต่อครั้งรวมค่ายาค่าแพทย์ประมาณ 25,000 - 30,000 บาทเป็นอย่างน้อย ถ้าริ้วรอยมาก ต้องฉีดยามาก ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้น 
            ความเสี่ยงหรืออันตรายจากการฉีดโบทอกส์ 
          อยู่ตรงที่อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น บางคนอาจมีไข้และปวดศีรษะอยู่หลายสัปดาห์ เกิดอาการฟกช้ำบริเวณเข็มฉีดยา อาการหนังตาตก (ptosis) อันเกิดเนื่องจากสารพิษโบตูลินุ่มทอกซินแทรกซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อบริเวณ เปลือกตาบน บางคนเกิดภาพซ้อนในการมอง ตาแห้ง บางคนอาจมีผลเพียง 3-4 วันแรก แต่บางรายก็อาจมีอาการหนังตาตกอยู่นานได้ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อนที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตร ไม่ควรฉีดโบทอกส์ รวมทั้งคนป่วยที่มีอาการเกี่ยวข้องกับระบบปลายประสาทอักเสบต่าง ๆ และคนป่วยที่ได้รับยารักษาโรคบางชนิดซึ่งอาจมีผลทำให้อาการข้างเคียงรุนแรง มากขึ้น 
          บางรายการฉีดโบทอกส์ก็อาจไม่ได้ผลตามที่ต้องการ และอาจต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง แม้ว่าจะมีรายงานทางการแพทย์ว่าการฉีดโบทอกส์จะค่อนข้างปลอดภัยเพราะเป็นการ ฉีดเฉพาะที่ก็ตาม แต่ความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียงขั้นอ่อนจนถึงรุนแรงมาก ก็มีอยู่ในรายงานทางการแพทย์ไม่น้อยเพราะความสมบูรณ์ของร่างกายแต่ละบุคคล ไม่เท่ากัน หากผิวหน้าสวยเพียงชั่วคราว แต่ต้องเดินหนังตาตกหรือมีปัญหาอื่นแทรกซ้อนตามมา คงไม่ค่อยเข้าท่า สู้สวยแบบมั่นใจตามวัยที่เหมาะสมโดยไม่ต้องเสี่ยงจะสบายใจและไม่เสียเงินดี กว่านะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://old.consumerthai.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=46&Itemid=63

อัพเดทล่าสุด