กันก่อนเป็นมะเร็ง ด้วยการตรวจภายใน
"นิสัยขี้อาย" เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสาวไทย เพราะได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็นกุลสตรีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จนทุกวันนี้ แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับโลกยุคไร้พรมแดน แต่ผู้หญิงก็ยังคงมีความอายอยู่ ต่อให้เป็นหญิงเก่งหญิงแกร่งแค่ไหนก็เถอะ เพราะ ความอายนี่เอง ทำให้ผู้หญิงไม่น้อยไม่กล้าไปพบแพทย์เพื่อ "ตรวจภายใน" เพราะการตรวจดังกล่าวต้องเปลือยส่วนที่เป็นส่วนตัวมากๆ ซึ่งไม่อยากให้ใครเห็น นอกจากนี้ยังกลัวเจ็บ และกลัวในอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะในรายที่ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยแต่งงาน หรือคลอดลูกมาก่อน
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ในจำนวนนั้นอาจมีหลายรายที่มีความผิดปกติของอวัยวะภายในเกิดขึ้น ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่สืบพันธุ์ ทำให้คนแต่งงานแล้วมีลูกยาก หรือมีโรคติดเชื้อบางอย่างที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางเพศ และที่ร้ายแรงก็คือ อาจมีไวรัสเอชพีวี (Human Papillma Virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่มีโอกาสพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งต่อไป ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ โดยสาวไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกมากอันดับ 1
โรคที่ต้องตรวจภายใน
สำหรับผู้หญิง มีโรคมากมายที่เกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องของอวัยวะทั้ง 7 ได้แก่ รังไข่ ท่อนำไข่ มดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก ปากมดลูก ช่องคลอด และอวัยวะสืบพันธุ์ส่วนนอก ซึ่งต้องตรวจภายในเท่านั้นจึงจะทราบถึงความผิดปกติ เช่น ช็อกโกแลตชีสต์ ที่เป็นสาเหตุหลักของการปวดประจำเดือน และมีลูกยาก ซึ่งผู้หญิงเป็นกันมาก
"ช็อกโกแลตซีสต์" เป็นอาการของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกเมื่อไปเกาะที่เกาะที่บริเวณรังไข่ จะมีเลือดออกเหมือนประจำเดือน แต่ไม่ไหลออกมานอกร่างกาย จะขังอยู่ภายใน พอเก่าเข้าจะเป็นสีน้ำตาลข้นเหมือนช็อกโกแลตเหลว จึงเรียกกันว่า ช็อกโกแลตชีสต์" นพ.ฉันทวัฒน์ เชนะกุล สูตินรีแพทย์ มะเร็งนรีเวช กล่าว
เหตุผลที่ต้องตรวจ
มะเร็งที่พบมากในผู้หญิง คือ มะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะพบได้ก็ต่อเมื่อต้องตรวจภายในเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้รับผลพวงอื่นๆ เกี่ยวกับระบบอวัยวะภายใน เช่น มดลูก รังไข่ ฯลฯ โดยปัญหาที่พบมากคือ ปวดท้องประจำเดือนเรื้อรัง มีลูกยาก หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตถ้าเป็นมะเร็ง คุณหมอบอกว่า อวัยวะเหล่านี้ไม่เหมือนอวัยวะอื่นๆ ที่เป็นระบบปิด ซึ่งมีปัจจัยรบกวนจากภายนอกน้อย แต่อวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิงมีปัจจัยภายนอกเข้าไปรบกวน นั่นคือการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้มีการขยายตัว และเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย โดยเฉพาะเมื่อมีลูก ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นอะไรได้มาก
"ถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ โอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก เกือบจะเป็นศูนย์ แต่ยังมีรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกที่อาจเกิดความผิดปกติขึ้นได้ ดังนั้น นี่คือประโยชน์ของการตรวจภายใน" คุณหมอบอก
เตรียมตัวอย่างไร
แทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เว้นเสียแต่ในระหว่างที่มีรอบเดือนไม่ควรมาตรวจ โดยก่อนตรวจ แพทย์จะซักถามประวัติ เช่น ประวัติความสัมพันธ์ทางเพศ หรือแต่งงานหรือยัง มีลูกหรือยัง เพื่อจะได้เลือกวิธีการตรวจรวมทั้งเลือกใช้ขนาดเครื่องมือแพทย์ที่เหมาะสม ในกรณีที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศมาก่อนเลย เครื่องมือแพทย์ที่ใช้จะมีขนาดเล็กกว่า เป็นต้น และใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ในการตรวจแต่ละครั้ง โดยแพทย์จะส่งเซลล์ที่ได้ไปยังห้องปฏิบัติการ หรือส่งต่อไปอัลตราซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งขึ้นอยู่กับความผิดปกติของแต่ละคน
ตรวจอย่างไร
สำหรับวิธีการตรวจ แพทย์จะให้ผู้ป่วยเปลี่ยนไปสวมชุดคลุม แล้วใช้เครื่องมือแพทย์ลักษณะคล้ายปากเป็ดขนาดเล็กๆ แบนๆ สองอัน สอดเบาๆ เข้าไปในช่องคลอด เพื่อเปิดขยายออกให้เห็นปากมดลูก จากนั้นจะใช้เครื่องมือเข้าไปเก็บเซลล์ที่ปากมดลูก จากนั้นจะใช้เครื่องมือเข้าไปเก็บเซลล์ที่ปากมดลูกไปตรวจหาความผิดปกติต่อไป โดยทุกขั้นตอนจะมีพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอยู่ในห้องด้วย
"ในรายที่แต่งงานมีลูกแล้ว แพทย์อาจใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อกระดกมดลูกขึ้น อีกมือหนึ่งคลำที่หน้าท้อง เพื่อจะทราบว่ามดลูกโตไหม และมีความเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า เพราะบางโรค เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ บางทียังไม่ถึงขั้นเป็นซีสต์ใหญ่ แต่คนไข้มีอาการปวดมาก เพราะโรคไปเกาะบริเวณเส้นประสาท หรือบริเวณด้านหลังมดลูกที่มีการเคลื่อนไหว เช่น รอยต่อระหว่างมดลูกกับลำไส้ใหญ่ เวลาถ่ายแล้วจะปวดมาก หรือเวลามีประจำเดือนจะปวดเหมือนอยากถ่ายอุจจาระ หรือท้องเสีย การตรวจวิธีนั้จะทำให้รู้ว่ามีเม็ด มีตุ่ม หรือเจ็บปวดเกิดขึ้นหรือไม่"
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาทุกอย่าง ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายในได้แล้ว เพื่อจะได้ทราบว่า ตัวเองมีปัญหาอะไรหรือไม่ ถ้ามีจะได้แก้ไขทันเวลา และเพื่อสุขภาพที่ดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ที่มา : โรงพยาบาลวัฒโนสถ
- bangkokhealth.com