หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์...อันดามันปลายด้ามขวาน
โดย วายุกา
หลีเป๊ะ แปลว่า แผ่นกระดาษ เพราะผืนแผ่นดินนี้แบนราบคล้ายกับกระดาษที่ลอยน้ำได้ มีกลุ่มชาวเลที่อพยพมาจากมลายู ที่เรียกว่า อุรัก ลาโว้ย อาศัยอยู่อย่างถาวรมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ปัจจุบันชาวเลกลุ่มนี้ได้รับพระราชทานนามสกุล หาญทะเล ผู้ชายส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ประเพณีที่มีชื่อเสียงมากของชาวเล คือ ประเพณีลอยเรือ แต่ผู้เขียนเองไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวกับเพลงลอยทะเลของโจอี้บอยหรือเปล่านะ ประเพณีลอยเรือจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ระหว่างวันขึ้น 13-15 ค่ำเดือนพฤษภาคมและตุลาคม พิธีลอยเรือจะคึกคักมากในตอนกลางคืนเพราะทั้งหนุ่มสาวผู้เฒ่าาผู้แก่จะชวนกันร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานไปจนฟ้าสางโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่ามีใครหลายคนที่ทราบความเป็นมาเป็นไปเกี่ยวกับเกาะหลีเป๊ะ และก็มีใครอีกหลายคนเช่นกันที่เพิ่งจะทราบจากงานเขียนฉบับนี้ แต่จะอย่างไรก็ตามผู้เขียนเพียงแต่อยากจะให้คุณเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้มาเหยียบผืนแผ่นดินผืนนี้ หลีเป๊ะ เกาะสวรรค์...อันดามันปลายด้ามขวาน
สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์ นี่คือคำขวัญของจังหวัดสตูล พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของเกาะหลีเป๊ะ แต่ใช่ว่าความสงบ ความสวยงาม และความสุขที่จะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติมันจะเดินเข้ามาหาคุณเอง คุณจะต้องออกเดินทางไปแสวงหา ณ ผืนน้ำเวิ้งฟ้า ทะเลอันดามัน ระยะห่างจากฝั่งท่าเทียบเรือปากบารา ประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเดินทาง ซึ่งมันเคยทำให้เพื่อนของผู้เขียนหลายคนเผลอให้อาหารปลาไปตั้งหลายรอบแต่ไม่รู้ว่าจะได้บุญหรืออะไรกันแน่กับการทำทานครั้งนี้ แต่ผู้เขียนว่าดีนะอย่างน้อยก็ทำให้เราอดทนในการใช้ชีวิตมากขึ้น ระหว่างทางเราจะผ่านเกาะตะรุเตา เกาะกลาง เกาะไข่ และเกาะอาดัง แต่เกาะไข่จะเด่นที่สุดเพราะหาดทรายขาวละเอียด น้ำใส ฟ้าสวย มีซุ้มประตูหินที่มีช่องตรงกลางที่กลายเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวจังหวัดสตูลไปแล้ว ที่สำคัญคือเคยมีคนบอกผู้เขียนว่าถ้าเราเดินลอดซุ้มกับใครเราจะได้แต่งงานกับคนๆ นั้น
เมื่อเรือใหญ่แล่นเข้าสู่เขตเกาะหลีเป๊ะจะมีเรือเล็กมารอรับนักท่องเที่ยวเพื่อเข้าพักตามที่ต่างๆ ทันทีที่เท้าเราเหยียบลงบนผืนทรายที่ขาวสะอาดดุจปุยเมฆ เรารู้สึกได้ทันทีเลยว่าสถานที่แห่งนี้คือที่พักผ่อนจริงๆ ที่จะทำให้เราผ่อนคลายและลืมปัญหาต่างๆทิ้งไว้ ณ เบื้องหลังที่เราจากมา ผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้หรืออาจจะเป็นเพราะเกาะแห่งนี้มีประเพณีลอยเรือ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าการลอยเรือจะเป็นการลอยเอาทุกข์โศกออกไปจากหมู่บ้านสิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะจึงเต็มไปด้วยความสุข ผู้เขียนเลือกพักที่หาดพัทยาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นด้านหลังเกาะ มีชายหาดโค้งเว้ารูปครึ่งวงกลมหาดขาวตลอดแนว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของทะเลสตูล สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนประทับใจมากคือถัดจากหาดเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทซึ่งปลูกสร้างเป็นเนินบนแนวหินมีสะพานไม้เชื่อมต่อเดินได้ตลอดแนว ผู้เขียนคิดว่าด้านบนนั้นวิวน่าจะสวยงามมากเพราะสามารถมองได้จากมุมสูงแต่ส่วนใหญ่คนที่พักจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำไมผู้เขียนถึงรู้น่ะหรือω ก็เพราะว่าผู้เขียนแอบไปแหงนมองมาแล้ว ยังแอบคิดในใจเลยว่าถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้เป็นเจ้าสาวจะมาฮันนีมูนที่นี่ ( ตื่นได้แล้ว! )
กิจกรรมที่ผู้เขียนนะนำให้ทำมากที่สุดคือการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นหรือแบบสนอร์เกิล หรือแบบที่หลายคนเคยเห็นในโทรทัศน์ที่มีหน้ากากปิดตาและจมูกมีท่อหายใจทางปากเวลาที่เราดำดูปะการัง ทะเลที่นี่ถือว่ายังสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ยังมีปะการังและปลามากมายหลายชนิด บนเกาะมีเรือหางยาวให้เราเหมาลำเพื่อไปดำน้ำดูปะการังตามเกาะต่างๆ ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะราวี เกาะหินงาม เกาะหินซ้อน ร่องน้ำจาบัง ส่วนที่เหลือจำชื่อไม่ได้แล้วเพราะไกด์ที่นำพวกเราไปทัวร์ครั้งที่ทรหดน่าดูกะว่าจะให้พวกเราได้เต็มที่ แต่ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ทำให้เราได้เห็นโลกอีกมุมหนึ่งที่เราไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสมากนัก โลกแห่งท้องทะเลมีอะไรให้เราค้นหาอีกเยอะ อ้อ! เกือบลืมบอกไปว่าที่เกาะหินงามบริเวณหาดจะมีหินกรวดสีดำลวดลายสวยงามรูปร่างต่างๆ บนเกาะจะมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาเขียนไว้ว่า ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไปผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานาประการ แต่ในความคิดของผู้เขียนเชื่อว่าเหตุผลที่มีคำสาปเกิดขึ้นเพราะหินที่เกาะแห่งนี้มีความสวยงามมาก ผู้คนที่ไปเยือนต่างก็อยากจะเก็บมาเป็นที่ระลึกคนละก้อนสองก้อนร้อยคนก็ร้อยก้อนแล้ว นับวันก็จะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆวันหนึ่งก็คงจะหมดไปอย่างแน่นอน แล้วในอนาคตข้างหน้าเราจะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน เมื่อในวันนี้เรามีโอกาสได้ชื่นชมกับธรรมชาติอันสวยงามเราก็น่าจะช่วยกันอนุรักษ์บำรุงรักษาไว้ให้คนรุ่นต่อๆไปได้ชื่นชมด้วย ไกด์บอกกับเราว่าให้นำก้อนหินสิบก้อนมาซ้อนต่อๆกันถ้าเราทำได้ก็ให้อธิษฐานแล้วคำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง ไม่อยากบอกว่าผู้เขียนทำได้นะ ไม่ได้โม้ ! ส่วนร่องน้ำจาบังก็จะมีกอกัลปังหาแต่ผู้เขียนไม่กล้าลงไปเพราะน้ำค่อนข้างแรงเอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน
ส่วนคนที่ไม่ชอบการดำน้ำก็สามารถหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายบนเกาะได้เพราะมีทางเดินเชื่อมต่อกันตลอดเกาะ ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าเกาะแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่าย ความสงบ และไม่มีสิ่งยั่วยวนใจมากมายเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวที่อื่นๆ หรือแม้แต่เพียงเรารู้สึกอ่อนล้า หมดหวัง หมดกำลังใจ อยากจะนั่งลงมองน้ำมองฟ้าให้สบายใจก็สามารถทำได้บนเกาะแห่งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวบนโลกใบนี้มีอยู่มากมายและเราคงจะไปไม่ได้หมดทุกที่ เช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยเราก็คงจะไปไม่ได้หมดทุกที่เช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสักแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะไปกับเพื่อน คนรัก หรือกับครอบครัว ให้ เกาะหลีเป๊ะ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คุณจะเลือกเพื่อคุณจะได้มีประสบการณ์และความทรงจำที่ดีๆ ณ สถานที่แห่งนี้ที่ใครๆก็ต่างโจษขานให้สมญานามว่า มัลดีฟเมืองไทย