เที่ยวภูกับคนรู้ใจ
โดย...กระเป๋าหนัก
การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ผจญภัยอะไรมากมายนักคะ เพราะว่าเราจำเป็นต้องเดินทางในช่วงวันหยุดรับปีใหม่พอดี เรา 4 คนจึงเตรียมตัวกันอย่างหนัก ซึ่งดูได้จากจำนวนกระเป๋า ปลายทางก็คือ เชียงราย บ้านของเจี๊ยบเพื่อน 1 ใน 4 คนจี้แหละค่ะ และ 1 ใน 4 นี้ก็มีคุณแม่ของเพื่อนอีกหนึ่งคนด้วย เรา 3 คนก็ถือโอกาสนี้พักบ้านเจี๊ยบเป็นเวลา 5 วัน ประหยัดไปเยอะเลย
วันแรกของการเดินทางนั้นถือว่าเหนื่อยมาก เราใช้เวลาส่วนใหญ่เดิน ตลอดทั้งวันและตลอดทั้งคืนอีกด้วย เพราะเราไปที่ตลาดแม่สายในตอนเช้า ซึ่งแม่สายถือเป็นที่ที่ควร ช้อบปิ้งเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณเจี๊ยบที่ทำให้เรามีเงินเหลือมากมาย ทำให้เรามีความสุขมากในการซื้อ ซื้อ และซื้อ เราหอบถุงกันหลายใบแล้วแต่ก็ยังไม่หนำใจ เราจึงได้เดินข้ามไปใช้เงินต่อที่พม่า ตกตอนเย็นเราก็ไปเดินต่อที่ถนนคนเดิน ถึงแม้ทุกคนจะเหนื่อยมากแล้ว แต่ทุกคนก็ยังเดิน เดิน และเดินไปที่ถนนคนเดิน เดินกันจนสุดถนนเลยที่เดียว วันที่สองเราได้ไปวัดร่องขุ่น งดงามมาก เหมือนกับภาพวาดเลยค่ะ หลังจากไว้พระแล้ว เราไปเยี่ยมกระเหรี่ยงคอยาว ได้เห็นเด็กนักเรียนกระเหรี่ยงวาดรูปนก กับช้าง เด็กๆได้เรียนรู้ภาษาไทย และภาษาอังกฤษค่ะ ดิฉันได้เข้าไปวาดรูปกับเด็กๆ ด้วย และเด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็ถามฉันว่า พี่ พี่วาดรูป elephant เป็นมั้ยคะ ฉันก็ได้แต่อมยิ้ม บอกไปว่า วาดได้แต่ปลาค่ะ เสียดายที่เราต้องรีบกลับ เพราะเรายังต้องไปที่ไร่แก้วมังกร ซึ่งคุณพ่อเจี๊ยบภูมิใจเสนอ เพราะปลูกเอง ทำเองกับมือ คุณแม่เจี๊ยบรีบจัดแจงปูเสื่อให้เรา นั่งทานอาหารเย็นกันที่ไร่นี่แหละค่ะ เพราะว่ายังมีไร่ข้าวโพดให้เราได้ไปเก็บ นำมาเผากินกันสดๆ อีกด้วย ใกล้ๆ กันก็มีบ่อปลาที่พ่อเพิ่งไปช้อนมาได้ 2 ตัว ถือเป็นชีวิตที่ไม่ยุ่งยากเลย และยังถือเป็นการใช้ชีวิตที่พอเพียง เหมือนที่ในหลวงได้ตรัสกับพวกเราชาวไทยไงคะ วันที่เรารอคอยก็มาถึง เราตั้งตารอจนตี 4 เพราะเราจะไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า พวกเรากระปรี้กระเปร่าสุดๆ เพราะนานๆ เราจะตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากเราไม่ได้นำไฟฉายติดตัวไป การเดินขึ้นไปจึงลำบาก แต่ไม่ปัญหากับฉันค่ะ ฉันรีบวิ่งไปก่อนใครเพราะ ไม่อยากจะพลาดแม้สักนาที และในนาทีที่พระอาทิตย์ส่องแสงให้เห็น ทุกคนที่นั่น (ขอบอกว่าเยอะมาก จนไม่มีที่จะให้ยืนเลย) ส่งเสียงร้องด้วยคามตื่นเต้น แม้แต่ดิฉันเองยังปรบมือให้กับท่านพระอาทิตย์ ที่ให้แสงของวันใหม่ที่สดใส สวยงาม มองไปรอบๆ ก็มีแต่ปุยเมฆสีทอง กับแสงอาทิตย์ส่องเห็นเป็นแฉกๆ ซึ่งฉันเองก็ไม่สามารถจะหาคำใดมาเปรียบเปรยได้ เมื่อเพื่อนของฉันตามขึ้นมาทันต่างคนก็ได้แต่เงียบไปกับภาพเบื้องหน้า และเริ่มการถ่ายภาพแบบไม่หยุด ชนิดที่เบียดกันจนเกือบจะตกเขากันเลยทีเดียว
5 วันของการได้มาที่เชียงรายนั้นผ่านไปเร็วมาก เพราะเรายังต้องไปเที่ยว ไปเล่น ไปกิน ไปเจอ และไปรู้กับวัฒนธรรมต่างๆ แน่นอนว่ายังไม่หมดแค่นี้ และก็ไม่ยากหรอกค่ะที่จะไป เพราะว่าอยู่ในเมืองไทยนี่เอง