บทความประกอบภาพ
โดย...บุญชัยรัตน์
เบิกฟ้าอินทนนท์ หลังจากที่ได้เดินทางสู่ยอดดอยอินทนน์ ยอดดอยที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดแห่งสยามเมืองยิ้มแห่งนี้ ไม่ใช่เพียงความงามที่ธรรมชาติได้ถ่ายทอดสู่สายตาเท่านั้น แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับความรู้สึก ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ระหว่างเก็บภาพ กลับทำให้เห็นแง่มุมอีกด้าน ซึ่งมีความหมายลึกซึ้ง และมีคุณค่าให้น่าจดจำ
ทะเลหมอกสีทอง แสงอาทิตย์ปรับสีของท้องฟ้ายามมืด โดยค่อยๆ ปรุงแต่งสีต่างๆ ของแสงให้มีความ
หลากกหลายขึ้นบนท้องฟ้าอินทนนท์ ปลุกผืนป่าที่ห่มด้วยปุยเมฆคล้ายขนแกะสีขาวหนานุ่ม
ให้ตื่นขึ้นมารับสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันใหม่ที่จะมาถึง อีกครั้ง...
ทะเลหมอก อินทนนท์ ภาพ ที่ดูคล้ายระรอกคลื่นสีขาวขนาดใหญ่ ทำให้นึกถึงฟองคลี่นบนหาดทรายและโขดหินกลาง ท้องทะเล แต่ความจริง..กลับเป็นปุยเมฆที่ลอยตัวสูง กลบผืนป่าเขาแทนผืนทราย และโขดหิน กลางท้องทะเลนี้ก็เช่นเดียวกัน กลับกลายเป็นยอดเขาสูงที่ยังคงตระหง่านเหนือฟองคลื่น
อรุณ สาดแสง สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า สะท้องให้เห็นแสงขาวเข้มของดวงอาทิตย์ ซึ่งเริ่มสะท้อนจากขอบฟ้าสุดสายตา ผ่านผืนเมฆลอยสูงสีขาว ที่ปกคลุมพื้นผิวเบื้องล่างที่ยังคงหลับใหล ให้ผู้เสาะหาได้เก็บไว้เป็นของขวัญที่ทรงคุณค่ากับความทรงจำ
ปลูกสร้างเพื่อสร้างสรรค์ ทางเดินไม้เบื้องหน้า แม้นไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่ธรรมชาติก็ไม่เคยปฏิเสธสิ่งที่เพิ่มเข้ามาทางกลับกัน.. กลับยอมรับและเติมเต็มสิ่งที่เพิ่มเข้ามานั้น ให้มีคุณค่ามากขึ้น ภายใต้ความสอดคล้องที่ลงตัว เพื่อให้ผู้เสาะหาได้เข้าถึงการเกื้อกูลนี้ และสืบสานเจตนาให้คงอยู่ต่อไป
ธรรมชาติสร้างชีวิต เพื่อชีวิตได้สร้างสรรค์
สองสิ่งเกื้อกูลกัน สู่นิรันดร์ซึ่งดำรง
เชื่อมโยง ทุกๆ ก้าว ที่ผู้เสาะแสวงหาเดินผ่านลงบนแผ่นไม้ทุกแผ่นของสะพาน สามารถเชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างธรรมชาติ กับชีวต ได้ระลึกอยู่เสมอ ว่า.. สิ่งใดสร้างชีวิต สิ่งใดรักษาชีวิต
ชีวิตใหม่ ณ เบื่องหน้า สิ่งที่ถ่ายทอดผ่านภาพๆ นี้ ไม่ใช่เพียงความรัก ความผูกพันธ์ของพ่อกับลูก หากแต่วันนึง ณ เบื่องหน้า ผู้ที่ได้พบเห็นภาพนี้.. จะมองเห็นความรัก ความงาม และคุณค่าของของสิ่งต่างๆ ที่ ประกอบกันเป็นภาพๆ นี้ ซึ้งนั่นก็คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความสุข อยู่เบื่องหลังเป็นนิจ