หลงเสน่ห์เมืองเหนือ
โดย Kitty >*o*<
หวัดดีค่ะ เพิ่งกลับมาจากแอ่วเหนือ 7 วัน 6 คืน การเดินทางอันยาวนานที่จบลงอย่างรวดเร็ว trip นี้เรามีทีมไปกัน 3 สาว ขับรถกันไปเรื่อยๆ เลาะ หัวขวานชาติไทยจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก จากน่านไปเชียงราย เราตั้งใจว่าไม่อยากไปเส้นทางที่ popular มากนัก อยากไปที่ ๆ คนไม่พลุกพล่าน พอที่เราจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เราเริ่ม trip กันที่น่านพวกเราไปถึงก็ได้กิน dinner ที่น่านพอดี ประทับใจบรรยากาศริมแม่น้ำน่านมากๆ เลย พวกเราไปช่วงต้นธันวาอากาศหนาวกำลังดีเชียวแหละ เราพักกันที่โรงแรมน่านฟ้าเป็นโรงแรมเก่าที่ยังคงเอกลักษณ์อย่างดั้งเดิมไว้ ทำให้โรงแรมนี้มีเสน่ห์ชวนให้กลับมาอีกครั้งจริงๆ น่านเป็นจังหวัดที่เงียบๆ ผู้คนไม่พลุกพล่านเพราะแม้เราจะรู้สึกว่าเวลาทุ่ม2ทุ่มเป็นเวลาไม่ดึกมาก (ปกติเรายังนั่งทำงานกันอยู่เลย) แต่ที่นี่บนถนนกลับไม่มีคน ร้านรวงต่างๆ ปิดกันหมดแล้ว แม้ว่าจะเป็น long weekend ก็ตาม พวกเราตื่นเช้ากันไปตลาดเช้าก็พบของกินต่างๆ มากมายและผักสดๆ เรียงรายกันตามถนนมีหมอกลงบางๆ ปกคลุมถนนเห็นบรรยากาศอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าอิจฉาคนเมืองน่านจัง ช่วงสายๆ หน่อยเราได้ไปเที่ยววัดต่างๆ ในตัวเมืองทั้งวัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑ์น่าน วัดพระธาตุช้างค้ำ คุ้มเจ้าราชบุตร วัดพระธาตุแช่แห้ง หอศิลป์ริมน่าน แต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์ศิลปะที่ไม่เหมือนกันแต่ก็ล้วนน่าประทับใจในความงด งามทั้งสิ้นสมแล้วที่จะได้ยกย่องขึ้นเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง นอกจากวัดในตัวเมืองเรายังได้ไปนอนที่ดอยภูคา สัมผัสอากาศหนาวและวิวสวยๆ บนดอย ได้ชมทะเลหมอกยามเช้า และได้ไปชมวิวสวยๆ ที่อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ช่างเป็นการเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไปของชาวเมืองหลวงได้ดีจริงๆ ที่ปกติเราได้แต่สัมผัสกับหมอกควัน ท่อไอเสีย
การ เดินทางของเรายังคงดำเนินต่อไปหลังจากที่เราออกจากเมืองน่าน เราขับรถเลาะเส้นทางตามหัวขวานไปยัง เชียงรายที่แรกที่เราไปคือภูชี้ฟ้า อากาศไม่ใช่หนาวธรรมดาแต่ต้องขอบอกว่าหนาวมากจริงๆ ค่ะ เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อขึ้นไปถึงยอดภู พวกเรามีเพื่อนร่วมทางมากมายทุกคนต่างมีจุดหมายเดียวกัน ยิ่งเดินขึ้นไปเราก็ยิ่งรู้สึกว่าเราเข้าใกล้ดาวจนแทบจะคว้าลงมาได้ และในที่สุดทุกคนก็ได้มาชมความงามบนภูชี้ฟ้า เย้ ..สำเร็จแล้วขอปรบมือให้กับทุกคนค่ะเป็นชัยชนะที่ทุกคนแบ่งปันกันได้ จากภูชี้ฟ้าเรามุ่งไปยังเชียงของซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ริมแม่น้ำโขงแต่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหลสำหรับคนที่ชอบความสงบไม่พลุกพล่าน นอกจากนี้เราก็ยังได้ไปแม่สาย ดอยตุง วัดร่องขุ่น วัดพระแก้ว วัดสิงห์ ดอยแม่สลอง ที่นี่เราได้ไปอธิษฐานกับพระธาตุตั้งเหรียญบนแผ่นหินอ่อนด้วย ได้ชิมขาหมูหมั่นโถวสูตรยูนนานที่ขึ้นชื่อและที่สุดท้ายคือดอยเลาลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดอยวาวี เป็นดอยที่อาจจะไม่ค่อยมีใครไปมากนักแต่ขอบอกว่า เส้นทางระหว่างที่ขับขึ้นดอยนั้นสวยมากมีจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้ ที่ไหนเลยล่ะ การเดินทางครั้งนี้ได้เห็นสิ่งต่างๆ มากมาย ได้ประสบการณ์ ได้ชิมอาหารรสชาติดีตามสไตล์คนเมือง การเดินทางครั้งนี้ของพวกเราที่ลุล่วงมาได้ด้วยดีคงต้องขอบคุณ ลุง ป้า น้า อา พี่ๆ น้องๆ ใจดีชาวเหนือทุกท่านที่มีไมตรีจิตกับนักเดินทางอย่างพวกเราสัญญาว่าพวกเราจะ กลับมาแอ่วเหนืออีกแน่นอน เมืองไทยยังมีสิ่งดีๆ ให้ค้นหาอีกเยอะ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้