|
| เขาค้อความประทับใจที่ไม่รู้ลืม
|
| โดย.....ชิดา
|
| ถ้าพูดชื่อเขาค้อหลายคนคงจะต้องถึงบางอ้อเป็นแน่ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากหรือที่เรารู้จักกันใน นาม สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย วันที่ 1 มกราคม 2550 หรือง่ายๆ ก็คือปีใหม่ไทย ผู้เขียนและครอบครัวได้เดินทางจากสมุทปรารการ จุดหมายปลายทางของเราก็คือเขาค้อ โดยพาหนะคู่ใจของเราก็คือ กระบะ Nissan Big M เจ้าเก่าของเรานี่แหละ การเดินทางของเราไม่ได้กางแผ่นที่ดูหลอกค่ะ (คือที่จริงเป็นคนดูแผ่นที่ไม่ค่อยเก่ง) อาศัยการถามทางไปเรื่อย ๆ ค่ะ และในที่สุด เราก็มาถึงเขาค้อจนได้ค่ะ บอกตรงๆ นะคะเมื่อถึงทางขึ้นเขาค้อแล้วผ่าน เนินมหัศจรรย์ มาทางค่อนข้างคดเคี้ยวขึ้นเวลารถขับขึ้นเขาก็เหมือนรถกำลังปีนหน้าผา เวลาขับลงก็เหมือนตกเหว ตื่นเต้น ปนขนลุกคะแรกๆ ก็แอบชำเรืองคนขับคะว่าจะไหวไหมเนี่ย แต่เมื่อมองสองข้างทางทั้งต้นไม้พรรณไม้ นอกจากนี้ยังมีต้นค้อขึ้นสลับกับกล้วยป่ามองแล้วชื่นใจ หายเหนื่อยไปเลยค่ะสวยจริงๆ จุดหมายแรกของเราบนเขาค้อก็คือพิชิตภูแม่ย่าค่ะซึ่งภูแม่ย่า ขึ้นไปแล้วจะรู้สึกว่าจุดชมวิวที่นี่สวยมากคะ อากาศก็เย็นสบายนอกจากนี้ยังสามารถมองภาพรวมของเขาค้อได้ดีจากจุดนี้อีกด้วย ยิ่งถ้าคุณได้ขึ้นมาช่วงเช้าแล้วละก็จะเห็นทะเลหมอกสวยๆที่นี่ก็คือคือ สวรรค์บนดินเลยทีเดียว ใกล้ๆ กันนั้นก็คือพระตำหนักเขาค้อคะ ซึ่งรอบพระตำหนักจะปลูกดอกกุหลาบ และดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายพันธ์ เชื่อไหมคะดอกกุหลาบของที่นี่ดอกใหญ่มากขนาดผู้เขียนลองเอาหน้าไปเทียบก็ ใหญ่พอๆกันเลยคะแต่ความสวยนี่คงต้องยอมเขา เพราะอากาศที่นี่ดีจริงคะถ้าใครที่อยู่ในกรุงเทพเมื่อคุณมาที่นี่แล้วจะ รู้สึกว่าหายใจได้โล่งมากเหมือนเราได้เอาปลอดมาฟอกค่ะ หลังจากเยี่ยมชมพระตำหนักถ่ายรูปจนพอใจแล้วท้องก็เริ่มหิวค่ะ เราจึงออกจากพระตำหนัก มุ่งตรงไปหอสมุดนานาชาติคะ เหลือบไปเห็นไก่ย่างส่งกลิ่นหอมหวนค่ะราคาก็ไม่แพง แม่ค้าบอกว่าใครมาเที่ยวเพชรบูรณ์ก็ต้องกินไก่ย่างสูตรวิเชียรบุรีค่ะอร่อย จริงๆแม้จะเป็นไก่ที่ขายข้างทางแต่รสชาตินี่ระดับภัตคารเลยค่ะ ซึ่งผู้เขียนคิดว่าขากลับผ่านวิเชียรบุรีต้องแวะไปทานที่อำเภอวิเชียร ร้านตาแป๊ะที่แม่ค้าเขาแนะนำสักหน่อยค่ะเพราะที่นั่นเป็นต้นตำหรับ หลังจากอิ่มหนำแล้วก็ขึ้นไปชมหอสมุดนานาชาติค่ะที่นี่ก็อีกเช่นกันคะมีดอก ไม้เมืองหนาวตกแต่งไปทั่วบริเวณสวยงามมากๆภายในมีพวกภาชนะดินเผา โอ่งโบราณ วัตถุโบราณให้ดูคะคุ้มค่ามากคะ นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่อนุสรณ์สถานผู้เสียสละอยู่บนยอดเขาสูงค่ะรอบบริเวณ ก็มีของขาย ของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีนักท่องเที่ยวเลือกซื้อกันเช่น ผักสดปลอดสารพิษ อาทิ ฟักแม้ว แครอท กะหล่ำปลี หรือแม้แต่เสื้อผ้า พื้นเมืองเหลือบดูเวลาอีกทีก็ 5 โมงเย็นแล้วค่ะเราจึงเข้าที่พักกันซึ่งที่พักเราคือ เขาค้อทะเลหมอกค่ะ เป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารักค่ะ ราคาก็ 1,500 บาทค่ะ และที่นี่ก็เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยมากอีกจุดหนึ่ง แต่ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาวคะแบบที่เขาบอกว่าหนาวสุดขั้วหัวใจเลยค ะอุณภูมิตอนกลางคืนจะอยู่ที่4 องศาหลังจากนอนหลับสบายและตื่นมาชมทะเลหมอกในตอนเช้ารับประทานขนมปัง กาแฟง่ายสไตล์เรา แล้วเราก็มุ่งไปยังแก่งวังน้ำเย็นคะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขา แสลงหลวง ห่างจากเขาค้อประมาณ 32 กิโลเมตร คะตามเส้นทางจะมีทุ่งหญ้าสะวันน่า และป่าดงดิบ มีนกและสัตว์ป่าให้พอได้เห็นกันคะแก่งวังน้ำเย็นนี้สามารถลงเล่นน้ำได้คะน้ำ ใสและเย็นมากคะถ้าชอบใจสามารถแค้มปิ้งได้คะมีเจ้าหน้าที่ดูแลให้หลังจากเล่น น้ำจนชุ่มชื่นใจแล้วเป็นเวลาประมาณบ่ายโมงเราจึงเตรียมตัวกลับคะ จริงๆยังไม่อยากกลับคะเพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆอีกมากมายแต่ เนื่องจากเรามีเวลามาแค่ 2วันจึงต้องจำใจกลับ ขาลงจากเขาเราแวะซื้อส้มและปลาส้มของฝากชื่อดังจากไร่กำนัลจุล จากนั้นก็มุ่งตรงไปผ่านวิเชียรบุรี แวะทานไก่ย่าง ส้มตำอร่อยจากร้านตาแป๊ะ อร่อยสมคำเล่าลือจริงๆคะ อ้อรู้สึกว่าอำเภอวิเชียรบุรีนี่เขาขายไก่กันทั้งอำเภอเลยกลิ่นหอมตลบอบบอ วลไปทั้งสองฝากถนนเลยคะ จากนั้นเราก็มุ่งตรงกลับบ้านโดยสวัสดิภาพคะ
|
|