กรุงเทพมหานคร : ตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยว
|
| วันเดียวเที่ยวสนุก เส้นทางที่ 8 กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี |
|
| ตะลอนไพรสู่สายน้ำตก ตะลุยบุกถึงถิ่นซาฟารี จากตัวเมืองกาญจนบุรี ไปทางสี่แยกแก่งเสี้ยน สู่ทางหลวงหมายเลข ๓๑๙๙ ผ่านเขื่อนท่าทุ่งนา ขับรถเลาะเลี้ยวตามแนวสันเขื่อน ชมธรรมชาติที่สมบูรณ์ ฟังเสียงน้ำตกกระทบหินที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ แล้วเปลี่ยนบรรยากาศไปตะลุยแดนซาฟารี ชมความน่ารักของสัตว์แสนรู้ ก่อนกลับแวะซื้อผลิตภัณฑ์จากกล้วยและน้ำนมข้าวโพดติดมือกลับบ้าน เป็นของฝากถูกใจ เทียบเวลายามสายกับนาฬิกาแดด ชมทัศนียภาพทะเลสาบเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และแวะเทียบเวลายามสายกับนาฬิกาแดด ที่สวนเวลารำลึก ซึ่งสามารถบอกทั้งเวลา เดือน และฤดู มองลงไปที่เงาของปลายเข็มนาฬิกา ที่ทอดลงบนแผ่นหน้าปัทม์ที่มีเส้นกราฟและจุดบอกช่วงเวลา และเดือน ณ จุดที่ปลายเข็มชี้ นั่นคือเวลาปัจจุบัน นาฬิกาแดดนี้ได้มีการคำนวณมุมเอียงของแผ่นหน้าปัด และทิศทางของเข็ม ให้รับกับทิศทางการหักเหของดวงอาทิตย์ ในแต่ละช่วงเดือน เขื่อนศรีนครินทร์เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ ๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. มีบริการเรือชมเขื่อน โทร. ๐ ๓๔๕๗ ๔๐๐๑ - ๒ ต่อ ๒๐๑๐ , ๒๐๑๖ เล่นน้ำกับปลาพลวงในแอ่งน้ำตก เข้าสู่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ชมเรื่องราวธรรมชาติน่ารู้ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพพื้นที่ในอุทยาน ซึ่งจัดเป็นนิทรรศการไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ ชวนเด็กๆ ไปหาคำตอบว่า ระหว่างต้นไม้ผิวเรียบกับผิวหยาบ ชนิดไหนเก็บน้ำได้ดีกว่ากัน หรือ สัตว์ประเภทใดกินเก่งที่สุด ทางเดินไปน้ำตกจะผ่านป่าสัก ป่าไผ่ น้ำตกแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่าง จะไปไถลตัวลงตามลานหินกว้างที่น้ำตกชั้น ๔ หรือนั่งชมแสงแดด ที่ส่องลอดผ่านเงาใบไม้ของต้นกันเกรา ลงกระทบบนสายน้ำตกกระเซ็นที่ผาน้ำตก ชั้น ๓ แล้วค่อยลงมาดำผุดดำว่ายกับปลาพลวงแสนเชื่องนับร้อยตัว ที่แอ่งน้ำตกชั้น ๒ พักรับประทานอาหารกลางวันที่เตรียมมาบนแคร่ไม้ไผ่ ได้บรรยากาศปิกนิกที่แสนจะเป็นธรรมชาติ ถ้ายังมีแรงจะเดินขึ้นไปถึงชั้น ๗ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๓ ชั่วโมง ทางเดินกลับ อาจแยกเดินป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เริ่มต้นตรงบริเวณน้ำตกชั้นที่สอง ผ่านป่าประเภทต่างๆ และเรียนรู้สื่อสัญลักษณ์แทนความหมายต่างๆ ที่จำเป็นในการเดินป่า นอกจากนั้น ในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง สามารถเช่าจักรยานขี่เที่ยวรอบบริเวณ ค่าเช่าชั่วโมงละ ๒๐ บาท อุทยานฯ เปิดทุกวัน ๘.๓๐ - ๑๗.๓๐ น. ค่าเข้าอุทยานฯ คนละ ๒๐ บาท รถยนต์คันละ ๓๐ บาท สอบถามรายละเอียด โทร. ๐ ๓๔๕๗ ๔๒๒๒ , ๐ ๓๔๕๗ ๔๒๓๔
นั่งรถชมสัตว์แบบซาฟารี เข้าสู่เขตอำเภอบ่อพลอย นั่งรถชมสัตว์แบบท่องแดนซาฟารี ที่ซาฟารีปาร์ค จะเลือกนั่งรถบัสขนาดเล็กของทางสวนสัตว์ ที่มีโชเฟอร์อารมณ์ดีคอยชี้ชวนให้ดูสัตว์ประเภทต่างๆ หรือจะสวมวิญญาณนักขับรถท่องซาฟารีด้วยตนเองก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมซื้ออาหารติดมือไปเลี้ยงสัตว์ด้วย เริ่มกันตั้งแต่กวางหลากหลายพันธุ์ ที่กรูกันมายื่นหน้าสลอนริมหน้าต่างรถ เลือกส่งอาหารให้กับตัวที่ถูกใจ ผ่านกรงหมีควายที่มักนอนพักผ่อนยามบ่าย เสือโคร่ง ซึ่งมีอาณาจักรพื้นที่ของแต่ละตัว แล้วก็นั่น
สิงโตที่มักรวมอยู่เป็นกลุ่ม โดยมีตัวผู้ ซึ่งมีแผงคอฟูเป็นหัวหน้า และเสือชีตาห์ สัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุด ผ่านมาถึงกรงสุดท้าย ฝูงยีราฟ สัตว์คอยาวพากันส่ายหัวมุดเข้ามาขออาหารกันถึงในรถทีเดียว จะจับเขาจับคอจับหัวอย่างไรก็ไม่ว่ากัน นอกจากนั้นยังมีตัวลามะ และอูฐ สัตว์ทะเลทรายที่ดูแปลกตาสำหรับเด็กๆ ที่สวนสัตว์ซาฟารีปาร์คมีการแสดงโชว์ของสัตว์แสนรู้ อย่างสุนัข และช้าง รวมทั้งการโชว์จับจระเข้ทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ ๑๒๐ บาท โทร. ๐ ๓๔๖๒ ๘๒๗๐ - ๑
แวะชิมของกล้วยๆ ที่ไร่คุณมน จากซาฟารีปาร์ค เพียง ๑ กิโลเมตร มีป้ายบอกทางเข้าไร่คุณมน ขับรถตามทางลูกรังต่ออีกประมาณ ๒ กิโลเมตร ก็ถึงแหล่งผลิตกล้วยทอดสูญญากาศ ที่ผลิตส่งเป็นขนมขบเคี้ยวสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินการบินไทย รวมทั้งยังเป็นสินค้า OTOP ของเมืองกาญจน์ ชมกรรมวิธีการผลิตตั้งแต่ยังเป็นกล้วยในหวี จนทอดเป็นแผ่นเหลืองกรอบน่ากิน ก่อนเลือกซื้อเป็นขนมกินเล่นระหว่างทาง หรือเป็นของฝากก็ถูกใจผู้รับ นอกจากนั้นยังมีน้ำนมข้าวโพด และกระยาสารทสมุนไพร เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ โทร.๐ ๑๙๔๔ ๗๙๗๑ , ๐ ๓๔๕๓ ๑๔๘๗ |
|