นนทบุรี : สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ


1,157 ผู้ชม


วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์


      ตั้งอยู่ที่ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง  วัดแห่งนี้เดิมเป็นเพียงโรงเจขนาดเล็ก ต่อมาเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ กรุงเทพฯ ร่วมกับพุทธบริษัทไทย-จีน ได้พัฒนาเป็นวัดที่สมบูรณ์สวยงามในเนื้อที่รวม 12 ไร่ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างถึง 12 ปี จึงแล้วเสร็จ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ ประกอบพิธีสมโภชเปิดวัดบรมราชากาญจนภิเษกอนุสรณ์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 
     วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ ก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมในยุคหมิง-ชิง โดยจำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง มีความสง่างามและมีรายละเอียดการตกแต่งที่ประณีตยิ่ง โดยทางวัดได้เชิญช่างฝีมือชั้นครูจากประเทศจีนมาดำเนินการก่อสร้างโดยตรง  วิหารแต่ละหลังประดับด้วยลวดลายภาพเขียนสีพุทธศิลป์แบบจีนใช้สีน้ำเงิน แดงและทองเป็นหลัก  ตามผนังและเพดานมีคาถา โอม มา นี ปะ หมี่ ฮง เป็นตัวอักษรสีทอง ที่เชื่อว่าขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้  หลังคาวิหารมุงด้วยกระเบื้องเผาแบบจีน สีเหลืองเข้ม ที่ตรงมุมหลังคาทั้ง 4 มุมประดับด้วยรูปสัตว์มงคล ได้แก่ เทวดาขี่หงส์ มังกร สิงโต ม้าน้ำ ม้าเทวดา แพะเทวดาเขาเดียว กระทิงเทวดา ปลาเทวดาและนกเค้าแมว  นอกจากนี้ รายรอบพระวิหารยังประดับด้วยหินแกะสลักต่าง ๆ มากมายซึ่งล้วนนำมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเหมาะอย่างยิ่งแก่การศึกษาพุทธศิลป์ของจีน 
   ภายในวัดประกอบด้วยอาคารหลัก  ได้แก่ 
   วิหารท้าวจตุโลกบาล เป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์และเทพต่าง ๆ ที่พิทักษ์ปกปักษ์พระพุทธศาสนา ด้านข้างวิหารเป็นหอกลอง และหอระฆัง
    พระอุโบสถ เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง ประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ คือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระอมิตาภพุทธเจ้า และ พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้าซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในอดีต แต่ละองค์ มีความสูงถึง 4.30 เมตร นับเป็นพระประธานแบบจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพุทธลักษณะที่เด่นเป็นสง่า พระพักตร์มีเมตตากรุณา  ด้านข้างของพระประธานทั้งสองด้าน เป็นเสาขนาดใหญ่ มีกลอนอักษรจีน ตามผนังประดับด้วยแผ่นไม้สักแกะสลัก 7 ชิ้นเป็นเรื่องราวพระพุทธเจ้าในอดีต พระอรหันต์ และจตุมหาบรรพตหรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่ง  ส่วนด้านนอกของพระอุโบสถมีเสมาเป็นศิลปะแบบจีนอยู่ทั้งสองด้าน
     วิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ และวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ  เป็นอาคารสองชั้นอยู่ด้านหลังถัดจากพระอุโบสถ ด้านล่างเป็นวิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ เมื่อขึ้นบันไดไปด้านบนจะเป็นวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า  พระอวโลกิเตศวร  และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์  ตามผนังวิหารด้านในรายล้อมพระพุทธรูปเล็ก ๆ หนึ่งหมื่นพระองค์ วิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนสุขาวดี ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกมนุษย์ เชื่อกันว่าผู้ที่บำเพ็ญภาวนา จะได้ไปเกิด ณ ดินแดนสุขาวดีซึ่งมีแต่ความสุข 
      นอกจากนี้ยังมีอาคารอื่น ๆ อาทิ หอธรรม  วิหารบูรพาจารย์ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม 
      วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 18.00 น.

การเดินทาง
      จากตัวเมืองนนทบุรี ไปตามถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้าฯ ถึงสี่แยกบางพลู เลี้ยวขวาไปยังอำเภอบางบัวทอง ทางเข้าวัดจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงโรงเรียนเทศบาลวัดละหาร หรือหากเดินทางจากกรุงเทพฯ มาตามถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) กลับรถเลี้ยวเข้าตามเส้นทางไปโรงเรียนพระแม่สกลสงเคราะห์ ผ่านศูนย์เยาวชนเทศบาลไปยังวัดได้เช่นกัน
สิ่งอำนวยความสะดวก
      มีจุดจำหน่ายของเซ่นไหว้ต่าง ๆ ลานจอดรถ ห้องสุขา บริเวณตลาดบางบัวทองซึ่งอยู่ใกล้กับวัดมีบริการร้านอาหารมากมาย

การติดต่อ
      วัดพระบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ ตั้งอยู่เลขที่ 75 หมู่ 4 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง นนทบุรี 11110 โทรศัพท์ 0 2571 1155 หรือ 0 2920 2131 โทรสาร 0 2571 1155 เว็บไซต์ www.watboromracha.org


ตลาดน้ำไทรน้อย

           ตั้งอยู่ริมคลองพระพิมลราชา ที่วัดไทรใหญ่ เป็นแพอาหาร เป็นศูนย์รวมของอาหารคาวหวาน ผักปลอดสารพิษ ผลไม้ หลายชนิดที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายริมฝั่งคลอง มีรสชาติอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัยและราคาเป็นกันเอง  สามารถเลือกซื้อเลือกหาตามต้องการ   นอกจากนี้ชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตของชาวนนทบุรี ที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งคลอง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติและความเป็นไทยอยู่ มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤษก์ ตั้งแต่เวลา 06.00-16.00 น. และมีรถยนต์บริการนำชมสวนเกษตรท่องเที่ยว ชมไม้ดอก ไม้ประดับ เช่น บอนสี กล้วยไม้ สวนผลไม้ทางการเกษตร เช่น มะม่วง ทุเรียน 
การเดินทาง
          รถยนต์   สายบางบัวทอง-ตลิ่งชัน แยกซ้ายมือเข้าสู่ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ประมาณ 13 กิโลเมตร เข้าตลาดน้ำไทรน้อย ข้างที่ว่าการอำเภอไทรน้อย
          รถตู้   (สาย ต.8) สายพาต้าปิ่นเกล้า-ไทรน้อยและสายเดอะมอลล์งามวงศ์วาน-ไทรน้อย


เกาะเกร็ด

        เกาะเกร็ด เกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี     พ.ศ. 2265 เรียกว่า “คลองลัดเกร็ดน้อย” (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี  ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย  แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ  ชื่อเดิมเรียกว่า เกาะศาลากุน
        เกาะเกร็ดมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้จากวัดวาอารามต่างๆบนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยา  หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญที่เข้ารีตมาตั้งถิ่นฐานที่นี่  ชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้นมีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้วเกาะศาลากุน จึงมีฐานะเป็นตำบลและเรียกว่าตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงมีชื่อว่า เกาะเกร็ด การคมนาคมบนเกาะจะใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ 
        เกาะเกร็ดเป็นหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบภาคกลาง เป็นแหล่งเรียนรู้ภิมูปัญญาท้องถิ่นที่พร้อมต้อนรับทุกคนเข้าสู่ศูนย์กลางการเรียนรู้ในด้านการผลิตสินค้าหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยรามัญที่ได้สืบทอดกันมายาวนานและการทำขนมมงคลอันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ควรอนุรักษ์และถ่ายทอดสู่ลูกหลานชมวิถีชีวิตวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานท่องเที่ยวตำบลเกาะเกร็ด โทร. 0 2583 7993
        สถานที่น่าสนใจบนเกาะ ได้แก่  วัดปรมัยยิกาวาส (วัดปากอ่าว) ภายในวัดมี พระอุโบสถ พระวิหาร พิพิธภัณฑ์วัดปรมัยยิกาวาส  กวานอาม่าน  วัดเสาธงทอง วัดไผ่ล้อม วัดฉิมพลีสุทธาวาส  ศูนย์เครื่องปั้นดินเผาหมู่ 1 สวนเกร็ดพุทธ คลองขนมหวาน  
การเดินทาง สู่เกาะเกร็ด
       รถยนต์  เดินทางโดยรถยนต์มาที่ห้าแยกปากเกร็ดตรงไปตามถนนแจ้งวัฒนะทางไปเทศบาลปากเกร็ด จากห้าแยกประมาณ 20 เมตร ก่อนถึงโรงหนังเมเจอร์ฮอลลีวู้ด เลี้ยวซ้ายเข้าถนนภูมิเวท ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงวัดสนามเหนือจอดรถทิ้งไว้ที่วัดแล้วนั่งเรือข้ามไปเกาะเกร็ดไปขึ้นเกาะเกร็ดที่วัดปรมัยยิกาวาส หรือไปที่วัดกลางเกร็ด นั่งเรือข้ามฟากไปขึ้นเกาะเกร็ดที่วัดป่าฝ้าย (เรือข้ามฟากบริการเวลา 05.00-21.30 น. ค่าโดยสารคนละ 2 บาท วัดสนามเหนือมีบริการจัดที่จอดรถรถยนต์สำหรับนักท่องเที่ยวค่าจอดรถคันละ 30 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถประจำทางลงที่ป้ายโรงหนังเมเจอร์ฮอลลีวูด แล้วนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปที่ท่าเรือวัดสนามเหนือหรือวัดกลางเกร็ด ค่าโดยสารประมาณ 10 บาท) 
        เรือ  เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเรือด่วยเจ้าพระยาออกจากท่าวัดสิงขรลงที่ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี ค่าโดยสารคนละ  22 บาท (เรือทัวร์) จากนั้นเช่าเหมาเรือหางยาวที่ท่าน้ำนนทบุรีไปที่เกาะเกร็ด หรือนั่งเรือรถประจำทางจากท่านน้ำนนทบุรีไปที่อำเภอปากเกร็ดแล้วลงเรือที่วัดสนามเหนือหรือวัดกลาง เรือบริการระหว่างเวลา 08.30-18.30 น. ติดต่อบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา โทร. 0 2222 5330, 0 2225 3002-3 หรือ www.chaophrayaboat.cp.th
        ใช้บริการแพ็กเกจเดินทางท่องเที่ยวเกาะเกร็ด 1 วัด เรือออกจากท่าช้างวังหน้า กรุงเทพฯ เที่ยวเกาะเกร็ด มีบริการมัคคุเทศน์นำชม ในวันเสาร์และอาทิตย์ เดินทางระหว่างเวลา 09.00-16.30 น. โดยเรือมิตรเจ้าพระยา โทร. 0 2623 6169 ค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 250 บาท
ตัวอย่างรายการท่องเที่ยวบนเกาะเกร็ด
1. ลงเรือข้ามฟากที่วัดสนามเหนือ และมาขึ้นที่ท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส นมัสการพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี ชมพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 5 ชมพิพิธภัณฑ์ชาวบ้านกวนอาหม่าน เดินเท้าหรือเช่าจักรยานเที่ยวชมวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญและสินค้าหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด ระหว่างทางเดินไปที่วัดไผ่ล้อมแล้วเดินย้อนมาที่วัดปรมัยยิกาวาสเพื่อลงเรือข้ามฟากกลับ
2. ลงเรือข้ามฝากที่วัดกลางเกร็ดแล้วขึ้นเรือที่ท่าน้ำวัดป่าฝ้าย เดินเท้าหรือปั่นจักรยานไปที่วัดฉิมพลี  ชมและเลือกซื้อผลิตผลทางการเกษตร ชมกลุ่มอาชีพหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา ชมนิทรรศการและการสาธิตการแกะลายเครื่องปั้นดินเผา เตาเผาภาชนะดินเผาแบบโบราณ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญ และสวนเกร็ดพุทธ เลือกซื้อของฝากและของที่ระลึกแล้วกลับมาขึ้นเรือที่วัดป่าฝ้าย ล่องเรือข้ามฟากไปวัดกลางเกร็ด แล้วเดินทางกลับสวนเกร็ดพุทธ โทร. 0 2503 4886-7, 08 1438 4792
3. ลงเรือที่ท่าน้ำหน้าวัดเสาธงทอง ล่องเรือไปทางท้ายเกาะสู่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ตำบลอ้อมเกร็ด ให้อาหารปลาหน้าวัด ซึ่งเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด รายได้ถวายวัดฯ มีมะพร้าวน้ำหอมจำหน่าย
4. นั่งเรือเที่ยวรอบเกาะเกร็ด ที่ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาสมีบริการล่องเรือเที่ยวรอบเกาะเกร็ดชมวิถีชีวิตริมน้ำ แวะสถานที่ท่องเที่ยวและวัดวาอาราม ได้แก่ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ วัดศาลากุน ชมการสาธิตการผลิตเครื่องปั้นดินเผา เข้าคลองบางบัวทองชมการทำขนมหวานที่ขึ้นชื่อของเกาะเกร็ด มีเรือออกทุก ๆ ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเรือคนละ 50 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2584 5012, 08 1845 3800, 08 9033 5599, 08 1584 1900 หรือหากต้องการเช่าเรือ มีตั้งแต่ราคา 350-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและขนาดของเรือ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
5. กิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวบนเกาะเกร็ด มีบริการจักรยานให้เช่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่นใจท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติบนเกาะเกร็ด 2 จุด คือ ที่ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส และท่าเรือวัดป่าฝ้าย มีจักรยานให้เช่าวันละ 40 บาท  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ด โทร. 0 2583 9544

     เกาะเกร็ด เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า “คลองลัดเกร็ดน้อย” (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) 
ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ ชื่อที่เรียกนั้น ชื่อเดิมเรียกว่า เกาะศาลากุน 
          เกาะเกร็ดมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้จากวัดวาอารามต่าง ๆ บนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยาได้ หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญที่เข้ารีตมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้นมีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้วเกาะศาลากุน จึงมีฐานะเป็นตำบลและเรียกว่าตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงมีชื่อว่า เกาะเกร็ด การคมนาคมบนเกาะจะใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ เดินเท้า และเรือ
           เกาะเกร็ดเป็นหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบภาคกลาง เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่พร้อมต้อนรับทุกคนเข้าสู่ ศูนย์กลางการเรียนรู้ในด้านการผลิตสินค้าหัตกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยรามัญที่ได้สืบทอดกันมายาวนานและการทำขนมมงคลอันเป็นสมบัติลำค่าที่ควรอนุรักษ์และถ่ายทอดสู่ลูกหลานสืบไป ชมวิถีชีวิตวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานท่องเที่ยวตำบลเกาะเกร็ด โทร. 0 258 7993
สถานที่น่าสนใจบนเกาะ ได้แก่
           วัดปรมัยยิกาวาส (วัดปากอ่าว) ในวัดนี้มีสิ่งที่น่าชมอยู่หลายอย่าง ที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอดซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม(โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาสตั้งตระหง่านอยู่  ส่วนพระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้นพระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริ่มการสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบันนี้ ที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษาพระไตรปิฏกภาษามอญไว้ พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นพระปางมารวิชัย   ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช รัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องว่าพระประธานองค์นี้งามด้วยฝีพระพักตร์ดูมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริง ด้านหลังพระอุโบสถ มีพระมหารามัญเจดีย์ จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากอง ของพม่า     
           พระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย ขนาดยาว 9.50 เมตร ภาพจิตรกรรมที่เพดานนั้นแปลกตากว่าที่อื่น เป็นภาพลายปฐมจุลจอมเกล้า หน้าพระวิหารประดับตราพระเกี้ยว เป็นตราประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านหลังพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี “พระนนทมุนินท์” เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลาย ปางขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในบุษบกแบบมอญ(จองพารา) สลักโดยฝีมือช่างที่นี่ ที่มุขเด็จหน้าวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน ซึ่ง ซาง ซิว ซูน ชาวพม่าถวายให้กับรัชกาลที่ 5 พระวิหารเปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00-16.00 น.
          เอกลักษณ์ของมอญอีกอย่างหนึ่งในวัดนี้คือ เจดีย์ทรงรามัญที่จำลองแบบมาจากพระธาตุเจดีย์มุเตา เมืองหงสาวดี ซึ่งคนมอญนับถือมาก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เนื่องจากเจดีย์อยู่ติดแม่น้ำ กระแสน้ำกัดเซาะฐานราก ทำให้เจดีย์มีลักษณะเอียง ดูแปลกตา นับเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเกาะเกร็ด    
          พิพิธภัณฑ์วัดปรมัยยิกาวาสและหอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผา จัดแสดงวัตถุต่าง ๆ ที่ล้วนน่าชม เช่น พระพิมพ์ เครื่องแก้ว เครื่องถ้วยชาม รวมทั้ง “เหม” ที่ พ.อ. ชาติวัฒน์ งามนิยม บรรจงสร้างขึ้นจนนับว่าเป็นงานศิลป์ ชิ้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้าง การต่อลาย การตอกไข่ปลาเพื่อต่อลายบนกระดาษอลูมิเนียม ทุกชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นเหมนี้ล้วนแต่ต้องทำอย่างละเอียด ประณีต เชื่อว่าชาวมอญคงดัดแปลงลักษณะของเหมมาจากโลงของพระพุทธเจ้าซึ่งก้นสอบปากบานข้างแคบเช่นกัน (ในพิพิธภัณฑ์แสดงภาพไว้) โลงเหมใช้กับศพแห้ง เหมพระจะมีลักษณะพิเศษกว่าตรงที่เจาะหน้าต่างมองเห็นศพด้านในได้ วันจันทร์-ศุกร์เปิดเวลา 13.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์เปิดเวลา 9.00-16.30 น. สอบถามรายละเอียดที่พิพิธภัณฑ์ โทร. 0 2584 512
          วัดเสาธงทอง เป็นวัดเก่าเดิมชื่อ “วัดสวนหมาก” นอกจากเป็นที่ตั้งโรงเรียนประถมแห่งแรกของอำเภอปากเกร็ดแล้ว ด้านหลังโบสถ์ยังประดิษฐานเจดีย์ที่สูงที่สุดของอำเภอปากเกร็ดด้วย พระเจดีย์เป็นศิลปะอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง มีเจดีย์องค์เล็กเป็นบริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ส่วนด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงลังกา อีกองค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงมะเฟือง ภายในโบสถ์มีลายเพดานสวยงามมากเขียนลายทองกรวยเชิงอย่างงดงาม พระประธานเป็นพระปางมารวิชัยปูนปั้นขนาดใหญ่ คนมอญเรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะอาล๊าต”หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์รูปทรงคล้ายมะเฟืองฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง ประดับลายปูนปั้น

         วัดไผ่ล้อม สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีโบสถ์ที่งดงามมาก ลายหน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน คนมอญเรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะโต้”

         วัดฉิมพลีสุทธาวาส มีโบสถ์ขนาดเล็กงดงามมากและยังมีสภาพสมบูรณ์แบบดั้งเดิม หน้าบันจำหลักไม้เป็นรูปเทพทรงราชรถล้อมรอบด้วยลายดอกไม้ ซุ้มประตูเป็นทรงมณฑป ซุ้มหน้าต่างแบบหน้านาง ยังคงเห็นความงามอยู่ และฐานโบสถ์โค้งแบบเรือสำเภา  

         กวานอาม่าน   พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา เป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ การปั้นเครื่องปั้นดินเผานั้นเป็นอาชีพชาวมอญมาตั้งแต่ครั้งตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำอิรวดี และมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี นับเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ลวดลายประณีตสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และยังเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดนนทบุรี สองข้างทางเดินบนเกาะมีบางบ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะของใช้ ในชีวิตประจำวัน เช่น กระถาง ครก โอ่งน้ำ ฯลฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-17น.  สอบถามรายละเอียดได้ที่   โทร.  0 2584 5086  
         คลองขนมหวาน  บริเวณคลองขนมหวานและคลองอื่นๆ รอบเกาะเกร็ด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งคลองจะทำขนมหวาน จำพวกทองหยิบ ทองหยอด ขายส่งและยังสาธิตให้นักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมซื้อกลับไปเป็นของฝาก 
  
การเดินทาง   ลงเรือข้ามฟากได้สองท่า คือ ท่าเรือวัดสนามเหนือ (ไม่ไกลจากท่าน้ำปากเกร็ด) หรือท่าเรือวัดกลางเกร็ด มีเรือบริการระหว่าง 05.00-21.30 น.
ตัวอย่างรายการท่องเที่ยวบนเกาะเกร็ด

1. ลงเรือข้ามฟากที่วัดสนามเหนือ และมาขึ้นที่ท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาสนมัสการพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี ชมพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 5 (ค่าเข้าชม คนละ 5 บาท)
2. เดินเท้าจากวัดปรมัยยิกาวาสสู่หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ชมและซื้อเครื่องปั้นดินเผาสองข้างทาง ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผากวานอาม่าน
3. ลงเรือที่ท่าน้ำหน้าวัดเสาธงทอง ล่องเรือไปทางท้ายเกาะสู่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ตำบลอ้อมเกร็ด ให้อาหารปลาหน้าวัด ซึ่งเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด รายได้ถวายวัดฯ มีมะพร้าวน้ำหอมจำหน่าย
4. ล่องเรือไปทางใต้เลี้ยวขวาเข้าคลองบางบัวทอง หรือคลองขนมหวาน ชมหมู่บ้านขนมไทยสองฟากฝั่งคลอง และซื้อหาขนมเป็นของฝาก
5. ย้อนกลับออกมาตรงปากคลอง มีปล่องเตาอิฐที่ผลิตอิฐ บ.บ.ท. อิฐทนไฟแห่งแรกของเมืองไทยล่องเรือผ่านบ้านเกร็ดตระการ วิ่งตรงมาขึ้นท่าน้ำหน้าวัดฉิมพลี เลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตร เดินเท้าจากวัดฉิมพลีถึงกลุ่มอาชีพหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา ชมการสาธิตการแกะลายเครื่องปั้นดินเผาและซื้อเป็นของฝากของขวัญ ล่องเรือข้ามฟากไปวัดกลางเกร็ด เดินทางกลับ
การนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะเกร็ด มีเรือออกทุกหนึ่งชั่วโมงเริ่มตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. คนละ 50 บาท หรือหากต้องการเช่าเรือ ราคามีตั้งแต่ 500-4,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและขนาดของเรือ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อบต.เกาะเกร็ด โทร. 0 2960 9063 หรือท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาสโทร. 0 2584 5012
บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด จัดนำเที่ยวเกาะเกร็ดในเวลา 1 วัน โดยเรือด่วนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 2623 6001-3 เว็บไซต์ www.chaophrayaboat.co.th


ปากคลองบางคูเวียง

                                                                                   
                                                                                                                                                                                                                                                                     ตั้งอยู่ปากคลองบางคูเวียง ตำบลบางคูเวียง ตลาดจะมีช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00 - 08.00 น. ชาวบ้านจะนำผลไม้ตามฤดูกาลบรรทุกเรือมาค้าขายกันที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาหารและสินค้าอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทุกเช้าพระภิกษุจากวัดบริเวณใกล้เคียงจะออกบิณฑบาตโดยใช้เรือลำเล็ก ๆ เป็นพาหนะ  นับเป็นภาพชีวิตแบบไทยที่นับวันจะหาดูได้ยาก

การเดินทาง

-   โดยสารเรือจากท่าน้ำวัดชะลอ อำเภอบางกรวย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 5 บาท ออกทุกๆ 15 นาที ระหว่าง 05.00-20.00 น.

-   โดยสารเรือจากท่าน้ำนนทบุรี (ท่าพิบูลสงคราม 2) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 5 บาท กรณีเช่าเรือเหมาลำใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง        ค่าเช่าประมาณ 300 บาท

-   เช่าเรือจากท่าช้าง กรุงเทพฯ ใช้เส้นทางคลองบางกอกน้อย-คลองอ้อมตลาดน้ำ บางคูเวียใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าเช่าเรือประมาณ 300 บาท


สวนเกร็ดพุทธ

         สวนเกร็ดพุทธ  อยู่บนเกาะเกร็ด ตั้งอยู่ที่ 59/4 หมู่ 2 ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ จัดอบรมประชุมสัมมนา สถานที่ศึกษาวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย สถานที่ปฏิบัติธรรมสงบจิตใจ แหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมหลากหลายวิถีชีวิตภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปกรรม จิตรกรรม และหัตถกรรม อาหารพื้นบ้านและเครื่องดื่มสมุนไพร ชมไม้ดอกนานาพันธุ์ มีเนื้อที่ 8 ไร่ และสวนผลไม้ การเข้าชมบริจาคบำรุงสถานที่ตามศรัทธา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุมาลี โทร. 0 2583 1076, 0 2503 4886-7,  08 1438 4792, 08 1455 5534
        การเดินทาง     เริ่มจากห้าแยกปากเกร็ดแล้วเลี้ยวเข้าถนนภูมิเวศไปจนสุดถนน (เป็นถนนที่สวยที่สุดของเทศบาลปากเกร็ด) แล้วข้ามเรือที่วัดกลางเกร็ด ค่าเรือคนละ 2 บาท ไปขึ้นที่ท่าเรือป่าฝ้าย หรือนั่งเรือข้ามฝั่งไปที่วัดปรมัยยิกาวาสแล้วเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรจนถึงสวนเกร็ดพุทธ


ศูนย์ท่องเที่ยวและจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ (ซอยช้าง)

ตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ หมู่ 3 ตำบลบางรักน้อย อำเภอเมือง ศูนย์จำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้จัดสวน บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ด้วยร้านค้ากว่า 60 ร้าน พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร บริการตกแต่งสวนนอกสถานที่  เปิดทุกวันเวลา 8.00-18.00 น.


ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม

         ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์-ตลาดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ เป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้มีโอกาสนำสินค้ามาแสดงและจำหน่าย และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2962 5391, 0 2584 4778



หมู่บ้านบอนสีเฉลิมพระเกียรติ ฯ

แหล่งที่ปลูกบอนสี (ราชินีแห่งใบไม้) คือที่ตำบลไทรน้อย และตำบลกลองขวาง อำเภอไทรน้อย ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงโปรดและพระราชทานพระราชเสาวนีย์ให้อนุรักษ์ โดยทางเกษตร ฯ ได้กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ฯ ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ของทุก ๆ ปี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เกษตรอำเภอไทรน้อย โทร. 0 2597 1373


หมู่บ้านบอนสีเฉลิมพระเกียรติ ฯ

แหล่งที่ปลูกบอนสี (ราชินีแห่งใบไม้) คือที่ตำบลไทรน้อย และตำบลกลองขวาง อำเภอไทรน้อย ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงโปรดและพระราชทานพระราชเสาวนีย์ให้อนุรักษ์ โดยทางเกษตร ฯ ได้กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ฯ ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ของทุก ๆ ปี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เกษตรอำเภอไทรน้อย โทร. 0 2597 1373


มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ

        มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว) ตั้งอยู่เลขที่ 15/1 หมู่ 1 ซอยพระมหาการุณย์ 
ถนนติวานนท์ ตำบลบ้านใหม่ ปัจจุบันมีสุนัขอยู่ในความดูแล 800 ตัว แมว 150 ตัว ผู้สนใจบริจาคเงินหรือสิ่งของ เช่น หนังสือพิมพ์ ข้าวสาร น้ำยาทำความสะอาด ฯลฯ สามารถร่วมทำบุญกับทางมูลนิธิฯ และทางมูลนิธิยังมีโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ “ วันละบาท ต่อชีวิตหมา-แมว”, โครงการ “ หนูอยากมีพ่อ-แม่” ทุกปีอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน จะจัดงานประจำปี มีการประมูลของดารา แสดงสุนัขดารา

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่   โทร. 0 2584 4896, 0 2961 5625, 0 2961 3799 โทรสาร 0 2961 5305

พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี   

แหล่งเรียนรู้เพื่อสืบสานจิตวิญญาณแห่งเมืองนนท์ ตั้งอยู่ใกล้กับท่าน้ำนนท์ เดิมเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า ซึ่งเป็นเรื่อนไม้สักที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นอาคารทรงคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรมและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของจังหวัดนนทบุรี     ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็น “พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวม เก็บรักษาและจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาวนนทบุรี เพื่อการเรียนรู้ สืบทอดและอนุรักษ์ให้ยั่งยืนสืบต่อไป
ภายในอาคารจัดแสดงเรื่องราวที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์ ย้อนรอยอดีตเล่าเรื่องวันวานของจังหวัดนนทบุรี  แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงงานวิจิตรศิลป์ชั้นเยี่ยม ประติมากรรมดินเผา และชมภาพอดีตในยุคทองของการค้าเครื่องปั้นดินเผาที่เกาะเกร็ดซึ่งกลับคืนชีวิตด้วยเทคนิคพิเศษ
แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 8 ห้อง ได้แก่


ห้องที่ 1 โถงต้อนรับ
        รู้จักนนทบุรีวันนี้จากแผนที่ดาวเทียม และมองความเป็นไปของชีวิตประจำวันรอบศาลากลางจังหวัดหลังเก่าตั้งแต่เช้าถึงค่ำจากวีดิทัศน์ รวมถึงคำขวัญ สัญลักษณ์ และต้นไม้ประจำจังหวัดนนทบุรี
 
ห้องที่ 2 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า
      มองภาพรวมของอาคารจากหุ่นจำลอง ก่อนศึกษาองค์ประกอบสถาปัตยกรรม  แล้วแกะรอยความเปลี่ยนแปลงในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาจากภาพถ่ายเก่าหายาก

ห้องที่ 3 ภาพอดีตนนทบุรี เมืองสวนผลไม้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
     ย้อนอดีตผืนดินนนทบุรีนับแต่กำเนิดขึ้นจากแม่น้ำ จนกระทั่งกลายเป็นเมืองสวนผลไม้ลือชื่อ ชมฉากจำลองสวนผลไม้เมืองนนท์ในอดีต ดูวิธีการทำสวนที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ห้องที่ 4 วิจิตรศิลป์ถิ่นนนท์ /เกียรติยศแห่งนนทบุรี
    เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดนนทบุรี ภาพจิตรกรรมฝาผนังชิ้นเยี่ยม และงานวิจิตรศิลป์ชั้นยอดของนนทบุรี  แล้วรู้จักกับบุคคลสำคัญชาวนนทบุรีที่มีผลงานดีเด่นระดับชาติ       
ห้องที่ 5 เครื่องปั้นดินเผา สัญลักษณ์แห่งนนทบุรี
      ชมประติมากรรมดินเผาขนาดใหญ่รูปตราประจำจังหวัดนนทบุรี  สืบหาต้นกำเนิดและแกะรอยการเดินทางของ “ หม้อน้ำลายวิจิตร ” สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ซึ่งมีที่มาจากแดนไกล
ห้องที่ 6  เครื่องปั้นดินเผาบ้านเกาะเกร็ด และบ้านบางตะนาวศรี
     ชมความงามของหม้อน้ำลายวิจิตรแบบต่างๆ และศึกษารูปแบบอันหลากหลายของเครื่องปั้นดินเผานนทบุรีในอดีตจากแหล่งผลิตใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งเคยผลิตสินค้าส่งขายทั่วประเทศ
ห้อง 7 ภูมิปัญญาการผลิตเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดนนทบุรี
       ชมหุ่นดินเผาแสดงขั้นตอนการผลิตเครื่องปั้นดินเผาตามวิธีการดั้งเดิมของบ้านเกาะเกร็ดที่ไม่มีให้เห็นแล้ว และติดตามพัฒนาการที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน
ห้อง 8 การค้าเครื่องปั้นดินเผานนทบุรีในอดีต
       ชมภาพอดีตในยุคทองของการค้าเครื่องปั้นดินเผาที่เกาะเกร็ดซึ่งกลับคืนชีวิตขึ้นใหม่ด้วยเทคนิคพิเศษ และตามรอยวิถีการค้าของพ่อค้าเรือโอ่ง

การเดินทาง
ทางบก รถประจำทางสาย 32, 63, 97, 114, 175, 203, 543 และ 545
ทางน้ำ  เรือด่วนเจ้าพระยา จากท่าช้างสุดทางท่าน้ำนนท์

พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี เปิดให้เข้าชมฟรี  ทุกวันอังคารถึงวันศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์และนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-18.00 น. หยุดให้บริการทุกวันจันทร์ สอบถามรายละเอีนดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 5984 4465


คลองขนมหวาน   (คลองบางบัวทอง)  บริเวณคลองขนมหวานและคลองอื่น ๆ รอบเกาะเกร็ด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งคลองจะทำขนมหวาน จำพวกทองหยิบ ทองหยอด ขายส่งและยังสาธิตให้นักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมซื้อกลับเป็นของฝาก 
         การเดินทาง    ลงเรือข้ามฟากได้สองท่า คือ ท่าเรือวัดสนามเหนือ (ไม่ไกลจากท่าน้ำปากเกร็ด) หรือท่าเรือวัดกลางเกร็ด มีเรือบริการระหว่าง 05.00-21.30 น.
ศูนย์เครื่องปั้นดินเผา  เป็นหมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาภาชนะของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระถาง โอ่งน้ำ ครกที่ใหญ่และเก่าแก่ มีการสาธิตการแกะสลักลายเครื่องปั้นดินเผา การทำเครื่องปั้นดินเผาตั้งแต่การเตรียมดินจนถึงวิธีการนำเข้าเตาเผา นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อเป็นของที่ระลึก หรือไว้ประดับตกแต่งบ้านและสวนได้
กวานอาม่าน พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา เป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ การปั้นเครื่องปั้นดินเผานั้นเป็นอาชีพชาวมอญมาตั้งแต่ครั้งตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำอิรวดี และมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี นับเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ลวดลายประณีตสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และยังเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดนนทบุรี สองข้างทางเดินบนเกาะมีบางบ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระถาง ครก โอ่งน้ำ ฯลฯ  เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-17.00 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2584 5086   
บ้านครูมนตรีตราโมท ( บ้านโสมส่องแสง )
ครูมนตรี  ตราโมท  ดุริยางคศิลปินแห่งบ้านโสมส่องแสง  คีตกวี 5 แผ่นดิน  ผู้มีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนกระ ทั่งถึงรัชกาลที่ 9  ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ  สาขาดุริยางคศิลป์  ดนตรีไทย  ประจำปี  พ.ศ. 2528  ได้รังสรรค์ผลงานประพันธ์ทำนองเพลงไทยไว้มากกว่า  200 เพลง  รวมทั้งบทร้องอีกจำนวนมาก  เช่น เพลงโสมส่องแสง โดยภายในบ้านจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็๋นอยู่ที่เรียบง่าย  สมถะ  แสดงชีวะประวัติของครูมนตรี รวมทั้งผลงานเพลงที่เป็นลายมือต้นฉบับนับตั้งแต่แรกเมื่อมีอายุ 20 ปี  ถึงเพลงสุดท้ายเมื่อมีอายุ 91 ปี  รวมทั้งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่  ปัจจุบันลูกหลานของท่านยังอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ และยังได้จัดสอนดนตรีไทยให้กับผู้สนใจทั่วไปทุกวันเสาร์ - อาทิตย์  และในช่วงอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะมีจัดพิธีไหว้ครูดนตรีไทย  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  บ้านครูมนตรี  ถนนติวานนท์ 3 ซอยพิชยนันท์ 2 ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง นนทบุรี โทร . 0 2968  9498, 0 2527 5257  เปิดให้เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

 ศูนย์เกษตรบางรักน้อย
 เป็นสวนผลไม้ในเขตอำเภอไทรน้อย ปลูกผลไม้ประเภททุเรียน มังคุด มะไฟ มะม่วง สามารถเข้าเยี่ยมชมและชิมผลไม้สดๆ ได้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที - 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผลไม้กลับไปเป็นของฝากจากอำเภอไทรน้อย ในช่วงฤดูผลไม้ออก สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2903 5766, 0 1362 9338
สวนชวนชมปรีชา
อยู่ที่อำเภอบางบัวทองมีประมาณ 90 ไร่ มีพันธุ์ชวนชมหลากหลายชนิดให้เลือกชมเลือกซื้อมากมาย และมีต้นลีลาวดีจำหน่ายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสวนชวนชมอีก 1 ไร่ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านวังใหญ่ซิตี้ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สวนชวนชมปรีชา โทร. 0 2903 0877–9, 0 1309 6086
 

 ถนนสายดอกไม้
  ที่อำเภอบางใหญ่ มีการส่งเสริมการปลูกดอกไม้ประดับจนทำให้ถนนกาญจนาภิเษกที่อยู่ในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ได้ชื่อว่าเป็น “ถนนสายดอกไม้” เนื่องจากทั้งสองข้างทางมีเหล่าพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด สะพรั่งด้วยสีสันเสมือนหนึ่งเชิญชวนผู้พบเห็นได้แวะชื่นชมและเลือกซื้อ ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม – มกราคม ของทุกปี อำเภอบางใหญ่ได้จัดงาน “อเมซิ่งบางใหญ่ ถนนสายดอกไม้” ณ บริเวณห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ที่ว่าการอำเภอบางใหญ่เพื่อให้เกษตรกรนำไม้ดอกประดับมาจำหน่ายโดยตรงในราคาถูกพิเศษ ให้ผู้ที่สนใจเลือกซื้อเพื่อไปมอบให้ญาติมิตรในเทศกาลปีใหม่หรือในโอกาสสำคัญอื่น ๆ
 

 กลุ่มส่งเสริมผู้ปลูกกล้วยไม้
 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ เป็นแหล่งเพาะปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย โดยมีสวนกล้วยไม้หลายสวนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม และเลือกซื้อพันธุ์กล้วยไม้นานาชนิด ในทุก ๆ เช้าเกษตรกรจากสวนต่าง ๆ จะตัดช่อกล้วยไม้ เพื่อนำมาคัดเกรดที่ศูนย์รวบรวมของกลุ่ม สำหรับการบรรจุห่อส่งขายทั้งในและต่างประเทศ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณพนม  พึ่งสุขแดง โทร. 0 1649 1076 หรือ คุณสมศักดิ์ ดุสฎีกาญจน โทร. 0 1806 7423
 
  พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์
  ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 27/8 หมู่ 6 ถนนประชาราษฏร์ ตำบลตลาดขวัญ เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่รวบรวมเขาสัตว์และวัตถุโบราณไว้จำนวนมาก ดำเนินงานโดยคุณประเสริฐ ศรียรรยงค์  ภายในจัดแสดงเขาสัตว์และวัตถุโบราณนับแสนชิ้นมีอายุตั้งแต่ 100 ปี ถึง 16 ล้านปี โดยเฉพาะเขาสัตว์และส่วนหัวกระโหลกมีครบทุกชนิดทั้งสัตว์กินพืชและกินเนื้อ  เน้นสัตว์ที่มีอยู่ในประเทศไทย ชิ้นที่เด่นคือ  งาช้างแมมมอธยาว 2 เมตร พบในภาคอีสาน เขาเนื้อสมันซึ่งเป็นสัตว์ที่สูญพันธ์ไปแล้ว เขาวัวกูปรีและเขาสัตว์อื่น ๆ ทุกชนิดที่มีในประเทศไทยและต่างประเทศ  รวมทั้งยังมีวัตถุโบราณของไทยมากกว่า 30,000 ชิ้น  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมวันเสาร์-อาทิตย์  09.00 - 16.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท สนใจเข้าชมติดต่อ โทร. 0 2562 2681, 0 2968 5956 โทรสาร 0 2526 5741 
 

 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
  ตั้งอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด มีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมกว่า 160,000 ตารางเมตร ครบครันด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการจัดแสดงสินค้า การจัดนิทรรศการ การประชุม สัมมนา การแสดงโชว์ การประกวด การแข่งขันกีฬา การจัดเลี้ยงทุกรูปแบบ ในระดับชาติและระดับนานาชาติหมุนเวียนมาจัดแสดงเป็นประจำตลอดทั้งปี เป็นโลกแห่งพื้นที่ในการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ มีลานจอดรถที่มาตราฐาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เช่น ลิฟท์สำหรับคนพิการ สะพานเชื่อมอาคารและศูนย์การประชุม ห้องฝากกระเป๋า ห้องข่าว ธนาคารย่อย ห้องลงทะเบียน บริการอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดทั้งไทยและนานาชาติ ประกอบไปด้วยอาคารอิมแพ็ค อารีน่า และอาคารชาเลนเจอร์ ซึ่งเป็นอาคารจัดแสดงที่ปราศจากเสากลางห้อง มีพื้นที่รวมทั้งหมด 60,000 ตารางเมตร สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่และกิจกรรมการจัดงานได้ที่ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด อาคารบางกอกแลนด์ 99 อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โทร. 0 2504 5050 โทรสาร 0 2504 4445  หรือ www.impact.co.th, E-mail: [email protected]
การเดินทาง  สู่เมืองทองธานี โดยระบบขนส่งมวลชน
Impact Link
จากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต มีรถบัสของอิมแพค เมืองทองธานี (Impact Link) บริการระหว่างเวลา 5.30 - 22.30 น. รถออกทุก 30 นาที ค่าโดยสาร 30 บาท
รถประจำทาง
จากแยกแจ้งวัฒนะ-วิภาวดี รังสิต
สาย 29 , 59 , 95 และ ปอ.4 , 10 , 13 , 19 (สายเหนือ)
สาย 29 , 52 และ ปอ.4 , 10 , 29 (สายใต้)
สาย 59 , 95 , 150 และ ปอ.13 (สายตะวันออก)
 
จากแยกปากเกร็ด
สาย 33 , 90 , 367 , 359 (สายเหนือ)
สาย 32 , 33 , 51 , 90 , 104 , ปอ.56 และ
ปอ.พิเศษ 1 (สายใต้)
 
จากถนนแจ้งวัฒนะ
สาย 52 , 150 , 356 และ ปอ. 150 , 356
สาย 166 , ปอ.166 (สีฟ้า) ท่าน้ำนนท์-เมืองทอง
 
(จุดขึ้นรถที่อิมแพ็คบริเวณ ลานแอ็คทีฟ สแควร์)
รถตู้บริการ (Mini-van)
เมืองทองธานี ไป อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เมืองทองธานี ไป รามคำแหง 1
เมืองทองธานี ไป เดอะมอลล์งามวงศ์วาน
เมืองทองธานี ไป เมเจอร์ซินิพล็กซ์ รังสิต
เมืองทองธานี ไป สนามหลวง
สวนผลไม้เกาะเกร็ด
ตั้งอยู่บริเวณ หมู่ที่ 1, 2, 3,  4, และ 5 ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด มีสวนผลไม้หลากหลายชนิด เช่น สวนทุเรียน ชมพู่มะเหมี่ยว ลิ้นจี่ มะปราง กะท้อน และสวนผลไม้อื่น ๆ ผู้ที่สนใจท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนเกาะเกร็ดสามารถเดินทางไปชมและเลือกซื้อผลไม้ได้ทุกวัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอปากเกร็ด โทร. 0 2583 2139 (ในวันเวลาราชการ)
 
พิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย 
           สังกัดกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  กระทรวงสาธารณสุข  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์  ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารทรงไทยแบบเครื่องก่อ 9 หลัง ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ดร.ภิญโญ  สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ภายในตัวอาคารทรงไทยจัดแบ่งเป็น 3 ชั้นคือ ชั้นใต้ดิน ชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง  ชั้นที่สองเป็นส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาและวิวัฒนาการการแพทย์แผนไทย ปรัชญาการแพทย์พื้นบ้าน จัดแสดงเครื่องยาไทยประเภทต่าง ๆ และยังแสดงให้เห็นการนำภูมิปัญญาไทยมาใช้ในชีวิตประจำวัน  ประกอบด้วยห้องต่าง ๆ 7 ห้อง
       ห้องที่ 1 หอพระไภษัชคุรุไวทูรยประภา แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ความเชื่อทางพุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทยหรือที่เรียกว่า พุทธศาสน์การแพทย์
       ห้องที่ 2 หอบรมครูการแพทย์แผนไทย เพื่อแสดงให้เห็นถึงพิธีไหว้ครู ตามหลักความเชื่อของไทย
       ห้องที่ 3 ห้องวิวัฒนาการการแพทย์แผนไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แสดงวิวัฒนาการทาง
การแพทย์แผนไทยตั้งแต่ยุคก่อนสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลปัจจุบัน
       ห้องที่ 4 ห้องภูมิปัญญาไทย ด้านแพทย์พื้นบ้านทั้ง 4 ภาคของไทย
       ห้องที่ 5 ห้องการนวดไทย แสดงประวัติความเป็นมาของการนวด อุปกรณ์เครื่องมือการนวดต่าง ๆ
       ห้องที่ 6 ห้องอาหารไทย แสดงวัฒนธรรมการกินอยู่ตามฤดูกาลและตามธาตุของคนไทยทั้ง 4 ภาค ซึ่งเหมาะสมต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ประจำภาค และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
       ห้องที่ 7 ห้องยา แสดงถึงหลัก 4  ประการในการปรุงยา เครื่องยา และยาไทยสมุนไพรประเภทต่าง ๆ
       จากตัวพิพิธภัณฑ์ ลงไปชั้นที่หนึ่งของอาคารพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย ห้องอาหารเพื่อสุขภาพ ขายอาหารเพื่อสุขภาพ และมีห้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ยาดม ยาทา ลูกอม สบู่ ยาสระผม ในบริเวณเดียวกันจะเห็น ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแพทย์แผนไทย ห้องตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนไทย  ห้องอบสมุนไพร ห้องนวด มีบริการนวดรักษาโดยสมัครเป็นสมาชิกก่อน  และเปิดบริการ 08.30-17.00 น. ทุกวัน   นวดรักษา นวดสุขภาพ 200 บาท  นวดฝ่าเท้า 150 บาท  ประคบสมุนไพร 150 บาท  อบสมุนไพร 100 บาท  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0 2590 2606       
       ชั้นใต้ดิน ประกอบด้วย ห้องประชุม ห้องสมุด ศูนย์จำหน่ายหนังสือของโครงการพัฒนาต่าง ๆ   ด้านนอกอาคารมีเขามอซึ่งจำลองมาจากวัดโพธิ์ บนเขามอคัดเลือกท่าฤาษีดัดตนขนาดเท่าคนจริงจัดแสดง 25 ท่าและปลูกสมุนไพรที่เป็นยาต่างๆไว้บนเขาด้วย  ภายในเขามอมี “ถ้ำฤาษีเขามอหรือถ้ำครูแผนไทย” ภายในถ้ำติดแอร์และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปฤาษีดัดตนในท่าต่าง ๆ   รอบ ๆ เขามอแวดล้อมด้วยต้นไม้สมุนไพร  บางต้นติดระบบสัญญาณเมื่อกดปุ่ม  ต้นไม้สามารถพูดบอกข้อมูลรายละเอียดของต้นไม้
       บริเวณรอบ ๆ อาคาร ยังแวดล้อมด้วยสวนสมุนไพรที่ปลูกไว้นับพันชนิด และยังมีซุ้มขายอาหารที่ทำจากพืชผักสมุนไพร  ร้านขายพืชผักปลอดสารพิษ ร้านขายยาสมุนไพร   ถ้าใครสนใจเรียนการแพทย์แผนโบราณ หรือ การนวดตัว นวดเท้า ก็สามารถสมัครเรียนได้ที่ สถาบันส่งเสริมสุขภาพแพทย์แผนไทย  มีหลายหลักสูตรทั้งนวดตัว นวดเท้า ผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพต่อไปได้ โดยมีใบประกาศนียบัตรรับรองจากระทรวงสาธารณสุข สอบถามรายละเอียดโทร. 0 2591 0598-9      
การเดินทาง  สามารถโดยสารรถประจำทางสาย 97 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30น. (กรุณาติดต่อล่วงหน้าก่อนเข้าชม) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่พิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย โทร. 0 2591 4407, 0 2591 7804-5 www.dtam.moph.go.th
 
ตำหนักประถม-นนทบุรี
           ตำหนักประถม-นนทบุรี    ตั้งอยู่เลขที่ 45/5 ซอยอัคนี (งามวงศ์วาน 2) เป็นตำหนักหนึ่งในวังเพชรบูรณ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ผู้ทรงก่อตั้งโรงเรียนเพาะช่าง ตำหนักนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2462 เดิมอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ ที่ตั้งของเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่าในปัจจุบัน แต่ได้รื้อถอนออกมาเพื่อชะลอมาไว้ที่นนทบุรีเมื่อ พ.ศ. 2527 เป็นตำหนักหลังแรกที่สร้างในวังเพชรบูรณ์หลังจากที่สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯเสด็จจากประเทศอังกฤษกลับมาประเทศไทย แล้วทรงตั้งชื่อตำหนักตามเพลงไทยว่า “โหมโรงปฐมดุสิต” ต่อมาพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธิสิริโสภา พระธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯได้ขอพระราชทานรื้อถอนตำหนักบางส่วนเพื่อชะลอมาไว้ที่ซอยอัคนี บนเนื้อที่ 2 ไร่ แถวงามวงศ์วาน แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2527 ในการรื้อนั้นต้องใส่หมายเลขลงไปบนไม้ทุกแผ่นเพื่อความแม่นยำในการนำไปประกอบขึ้นใหม่ ไม้ทุกชิ้นจึงเป็นของเดิมทั้งสิ้น
          ตำหนักประถมนี้สร้างด้วยไม้สักทองทาสีเทาอ่อน ประดับด้วยกระจกสีฟ้าหลังคาใช้กระเบื้องว่าว เป็นอาคารใต้ถุนสูง เป็นแบบพักอาศัยในยุคที่กำลังได้รับอิทธิพลจากตะวันตกในยุคแรก ๆ แต่ยังมีหน้าตาแบบไทย มีการวางห้องต่างๆให้ติดต่อกันภายใต้หลังคาชัน เพดานสูง มีบานเกล็ดหรือบานกระทุ้งตามหน้าต่างเพื่อระบายความร้อน มีเนื้อที่ใช้สอยอยู่ที่ชั้นสอง ประกอบด้วยห้องนอน ห้องรับแขกและห้องน้ำ ยังมีห้องใต้หลังคาชั้นสามซึ่งใช้เป็นที่เก็บของ นอกจากนี้ระหว่างตำหนักใหญ่กับเรือนน้ำหลังเล็กมีซุ้มแปดเหลี่ยมคั่นกลางและสระบัวขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ถัดไปเป็นตำหนักใหม่ใต้ถุนสูงที่ไม่ได้สร้างตามแบบเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ จุดเด่นของตำหนักใหม่คือ ห้องโถงปิดลายทอง ตำหนักนี้ยังใช้เป็นที่วางฮาร์ฟ (พิณฝรั่ง)  ชิ้นประวัติศาสตร์ที่สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ ทรงนำมาจากอังกฤษอายุกว่าร้อยปี ตำหนักประถมไม่ได้เปิดให้เข้าชมทั่วไป แต่จะมีเทศกาล ชิมน้ำชาชมตำหนัก  ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมของทุก ๆ ปี ภายในงานมีกิจกรรมการแสดงดนตรีฮาร์ฟ หุ่นกระบอก นำชมตำหนัก  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2261 4777-8, 0 2589 7173
 
สวนทุเรียนคุณป้าไสว

ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ตำบลบางรักน้อย อำเภอเมือง สวนทุเรียนคุณป้าไสว ทัศนียเวช เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนนนท์อันลือชื่อ สวนทุเรียนโบราณแห่งนี้เริ่มปลูกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2502  บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ปลูกทุเรียนนนท์หลากหลายพันธุ์ อาทิ ก้านยาว หมอนทอง เจ้าเงาะ ทองย้อยฉัตร กำปั่นเนื้อขาว เป็นต้น ชมการปลูกทุเรียนอันเป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนเมืองนนท์ด้วยการปลูกแบบยกโคก โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำสวนแบบวนเกษตร โดยปลูกพืชชนิดอื่นแซมต้นทุเรียน เช่น พริกไทย ชมพู่ ทองหลาง ส้มโอ  เพื่อให้เกิดการพึ่งพาซึ่งกันและกัน บนพื้นที่ดอนและดินร่วน ทำให้ทุเรียนที่นี่มีรสชาดอร่อย หอม หวาน มัน เม็ดลีบ ปอกง่าย อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทุเรียนนนท์ ชมเครื่องมือเกษตรแบบโบราณที่อนุรักษ์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ทุเรียนนนท์จะเริ่มออกลูกประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม ชมและเลือกซื้อทุเรียนจากสวน และซื้อกิ่งพันธุ์ สามารถติดต่อล่วงหน้าได้ที่ โทร. 0 2903 5766



 


อัพเดทล่าสุด