เพชรบุรี : บทความที่น่าสนใจ


803 ผู้ชม


ถ้ำวิมานจักรี

Patthanid C.

"เพชรบุรี" โดยส่วนตัวแล้วเป็นจังหวัดที่ใกล้บ้านตัวเองมากที่สุด (จังหวัดราชบุรี) แต่กลับกลายเป็นจังหวัดที่เคยไปเที่ยวน้อยที่สุดเป็นอันดับสองรองจากราชบุรี เพราะด้วยความที่ใกล้บ้านก็นึกเพียงแต่ว่า "เดี๋ยว" ค่อยมาเที่ยวก็ได้ไปเก็บแต้มจังหวัดไกลๆ มาก่อนดีกว่า ก็เป็นธรรมชาติของนักเดินทางซึ่งอะไรที่ใกล้ๆ มักไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเสียเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความที่บริษัทฯ จะจัดให้มีเทศกาลท่องเที่ยวแผนกทุกปี ซึ่งในปีนี้โหวตไปโหวตมาก็มาตกที่จังหวัดเพชรบุรี ก็เลยทำให้ได้มาเที่ยวเพชรบุรีไปโดยปริยาย ตามมาดูทริปของเรากันเลยดีกว่า
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เพชรบุรี ใช้เส้นทางถนนพระรามสองผ่านสมุทรสาครเพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี โปรแกรมแรกของทริปนี้ก็คือ “ถ้ำวิมานจักรี” หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามถ้ำเขาหลวง (Khao Luang Cave) เป็นถ้ำที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี เขาหลวงเป็นภูเขาขนาดเล็ก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เคยเสด็จประพาสและทรงบูรณะพระพุทธรูปเก่าแก่ภายในถ้ำ ซึ่งลักษณะของถ้ำเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ 3 คูหา มีแสงสว่างส่องจากช่องของเพดานถ้ำ ปากถ้ำประดิษฐ์พระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาทจำลอง ภายในถ้ำตอนที่สองและสามประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ และขนาดต่างๆ จำนวนมาก
จากกรุงเทพฯ มาถึงถ้ำเขาหลวงก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ สิ่งแรกที่พบเห็นเมื่อก้าวลงจากรถนั่นก็คือ อาคารแปดเหลี่ยมที่มีชื่อว่า อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งบริเวณด้านข้างอาคารก็จะพบกับสัตว์ที่ขึ้นชื่อว่าซนที่สุดในโลก เจ้าลิงน้อยจอมซนนั่นเอง พวกเราก็เดินให้อาหารลิงกัน ลิงที่นี่น่ารักดีนะ ไม่ค่อยดุสามารถยื่นกล้วยให้รับจากมือได้ด้วย ซึ่งก็ทำให้เพลินไปเลย
จากนั้นก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งแขวนป้ายชื่อตัวเองเดินเข้ามาถามคณะเราว่า "จะขึ้นไปด้านบนกันหรือยังครับ ผมจะพาขึ้นไป ผมเป็นไกด์ของที่นี่ ค่าบริการแล้วแต่จะให้ครับ" ระหว่างที่รอเพื่อนๆ ทำธุระกันอยู่ เราก็ได้สอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้จากน้องไกด์ของเรา ซึ่งน้องเค้าก็ตอบได้คล่องแคล่วเชียวล่ะ ไกด์คนเก่งประจำถ้ำหลวงสองคนนี้มีชื่อว่าน้องมีนกับน้องแนต พวกเราก็ยืนคุยอยู่กับน้องกันอยู่สักพัก พอทุกคนต่างทำภารกิจส่วนตัวกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินตามไกด์ตัวน้อยของเราขึ้นไปบนถ้ำเขาหลวง ทางขึ้นไปบนเขาก็สูงก็ไม่ค่อยชันเท่าไหร่ เดินได้สบายๆ แต่พอไปถึงทางลงถ้ำก็ชันเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนเดินลงระวังกันหน่อยนะคะ
พวกเราเดินกันอย่างระวังเพราะทางลงชันมาก พอมาถึงด้านล่างของถ้ำสิ่งที่ไม่เหมือนถ้ำที่อื่นคืออากาศด้านล่างโปร่งมาก ไม่มีกลิ่นอับชื้นเหมือนถ้ำอื่นๆ ที่เคยไปมา พวกเราเดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับ พระพุทธรูปเก่าแก่เป็นจำนวนมากและรอยพระพุทธบาทจำลอง จากนั้นก็เดินเข้าไปห้องโถงด้านในของถ้ำก็จะพบพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่สามองค์ พวกเราก็เข้าไปสักการะบูชาขอพรกันตามธรรมเนียม จากนั้นก็เดินเข้าไปต่อยังห้องต่อไป เพื่อสักการะขอพรจากหลวงปู่ฤษี ไกด์ตัวน้อยเล่าให้เราฟังว่า มาที่นี่ต้องไปขอพรจากหลวงปู่ฤษีที่อยู่ด้านใน เค้าว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ขออะไรมักจะได้ตามคำขอ
แต่บรรยากาศด้านในนี่ค่อนข้างวังเวงเชียวล่ะ แต่ดีนะมากันเยอะทำให้ลดความวังเวงลงไปได้ เมื่อทุกคนขอพรเสร็จก็เดินย้อนกลับทางเดิม ซึ่งห้องที่อยู่ขณะนี้เป็นห้องสุดท้ายของถ้ำแห่งนี้แล้ว แต่อากาศในถ้ำแห่งนี้ยังไม่มีกลิ่นอับเลยล่ะ ซึ่งคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจาก ที่นี่มีปากถ้ำใหญ่ๆ เป็นช่องระบายอากาศตามธรรมชาติอยู่ตลอดทางภายในถ้ำ ทำให้แสงแดดสามารถส่องแสงลอดเข้ามาภายในถ้ำแห่งนี้ได้
เมื่อเดินย้อนมากลับมาทางเดิมจนเกือบถึงทางออกแล้ว ยังหาช้างที่น้องไกด์บอกไว้ก่อนหน้านี้ไม่เจอเลย ก็เลยเดินไปถามกับกลุ่มอื่นที่หยุดถ่ายรูปบริเวณห้องโถงที่สองจนได้ความว่า อยู่ปากทางเข้ามาเลยก็เลยเดินออกมาทางเข้า ก็เห็นหินงอกหินย้อย ถูกแกะสลักให้เป็นรูปหัวช้าง ว่ากันว่าไม่ได้ถ่ายรูปเหมือนมาไม่ถึงถ้ำหลวงเชียวนะ พอถ่ายรูปสมใจนึกแล้วก็ต้องถึงเวลาอำลาถ้ำวิมานจักรีแห่งนี้แล้วล่ะ ..

อัพเดทล่าสุด