วิกฤตทั้ง 5...ที่ CSR ควรเปลี่ยนเป็นโอกาส (1)


825 ผู้ชม


วิกฤตทั้ง 5...ที่ CSR ควรเปลี่ยนเป็นโอกาส (1)




คอลัมน์ CEO Talk
โดย พร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิการมูลนิธิรักษ์ไทย [email protected]
ปี 2552 เป็นปีที่มีวิกฤตระดับชาติ และระดับบุคคลที่หลากหลาย รุมกระหน่ำภาวะที่เราเคยชิน หรือที่เรียกว่า "ภาวะปกติ" แต่ขณะเดียวกัน ผมเชื่อว่าขณะนี้ พ.ศ.นี้ เราทุกคนยอมรับว่าไม่ปกติ ความผิดปกติเหล่านี้ดูเหมือนกำลังคืบคลานในอัตราความเร็วที่มั่นคง ไปสู่ความเป็นวิกฤตในระดับชาติ
หากมาไล่แบบสั้นๆ วิกฤตเหล่านี้ รวมถึง
1.ภาวะเสื่อมทางสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร ธรรมชาติ และภาวะโลกร้อน - หลายคนยอมรับว่าอากาศปีนี้ผันผวน ทั้งช่วงเวลาที่หนาว เวลาที่ร้อน และร้อนจัด รวมถึงความถี่ของพายุต่างๆ นานา พร้อมกันนี้เกิดความวิตกว่าการเพิ่มของอุณหภูมิโลกที่กำลังเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกับฤดูกาล ทำให้มีภัยพิบัติมากขึ้น โรคระบาด และภัยต่องานด้านเกษตรกรรม ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญที่สุดของมนุษย์ ซึ่งภาวะโลกร้อนมีผลจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบไม่ยั่งยืน และความเสื่อมทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากมลพิษ และสารที่มนุษย์ผลิต
2.โรคระบาดรุนแรง ทุกวันนี้เราติดตามข่าว ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ A H1N1 ที่เริ่มระบาดจากประเทศเม็กซิโก ก่อนหน้านี้ก็มีโรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส นอกจากนั้นโรคติดต่อรุนแรงเก่าๆ เช่น เอดส์ วัณโรคชนิดดื้อยา และโรคมาลาเรีย ก็ยังเป็นภัยที่เห็นชัด เราอย่าลืมว่าโรคเอดส์ที่ส่งผลให้คนเสียชีวิตในประเทศไทยเป็นแสนคนนั้น ก็เป็นเชื้อไวรัสที่มาจากต่างประเทศเช่นเดียวกับอีกหลายโรค
3.เศรษฐกิจครัวเรือนทรุดหนัก วิกฤตเศรษฐกิจก็เสมือนโรคระบาดที่ติดต่อจากระบบเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ สหรัฐอเมริกา และส่งผลแก่ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย และแน่นอนผลที่รุนแรงเกิดแก่ครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้ว ในวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่ต้มยำกุ้ง จำนวนคนไทยที่จัดว่ายากจนเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 11.4 เป็นร้อยละ 15.9 ของประชากร ซึ่งจากการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สัดส่วนคนจนได้ลดลงอีกครั้งหนึ่ง มาคราวนี้ก็เชื่อว่าสัดส่วนคนจนจะเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อวิกฤตในครอบครัว โอกาสการเรียนหนังสือของเด็กและเยาวชน และคุณภาพชีวิต โดยรวม
4.ความขัดแย้งในสังคม วิกฤตที่ต่อเนื่องจากวิกฤตทางการเมือง ส่งผลให้คนไทยทุกวันนี้เหมือนต้องมีอะไรเก็บไว้ในใจ ขณะมองคนอื่นเหมือนไม่สนิทใจเท่าเดิม ความแตกแยกนี้ได้ก่อเกิดวิกฤตทางสังคมและเศรษฐกิจหลายครั้งในช่วงเวลาไม่กี่ปี และยังอยู่ในภาวะอึมครึม ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดการปะทุอีกหรือไม่
5.ความเครียด ในช่วงที่มีวิกฤตต้มยำกุ้ง ภาวะความเครียดของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปี 2552 วิกฤตต่างๆ มีความซับซ้อนและทับซ้อนมากขึ้น ทำให้ความเครียดในการทำงาน ความ เครียดในครอบครัว หรือในส่วนบุคคลยิ่งสูงขึ้น วิธีการลดความเครียดโดยใช้ทางศาสนาหรือการรับการรักษาเป็นช่องทาง
เลือก แต่วิกฤตทำให้คนไม่มีเวลาในการดูแลตนเอง หรือดูแลครอบครัวอย่างเพียงพอ
หากเรามองวิกฤตทั้ง 5 ข้อที่กำลัง กระหน่ำสังคมไทยทุกวันนี้ เป็นการง่ายจะสรุปว่าตัวใครตัวมันแล้วกัน ไม่ใช่สิ่งที่คนคนเดียว บริษัท หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ แต่หากท่านใส่หมวก CSR ท่านย่อมมองหาโอกาสในการทำงาน CSR ที่เกี่ยวข้องหรือลดผลกระทบจากวิกฤตทั้ง 5 ข้อที่กล่าวข้างต้น รวมถึงวิกฤตอื่นๆ ด้วย
หน้า 29

ที่มา : matichon.co.th

อัพเดทล่าสุด