ขายตรงแห่อุ้มคนตกงาน กิฟฟารีนฟุ้งรับได้มากกว่าแสนราย เฮลท์ฟู้ดส์ ลุยมหา'ลัย
ธุรกิจขายตรง แห่รับนโยบายรัฐแก้ปัญหาคนตกงาน ''กิฟฟารีน'' คาดอุ้มได้มากกว่าแสนราย ล่าสุดโหมอบรมสัมมนา เร่งสร้างความมั่นใจ ขณะที่ ''เฮลท์ฟู้ดส์'' เจาะตลาดรากหญ้า ลุยสาวโรงงานและมหาวิทยาลัย ด้าน ''ออริเฟลม'' ทุ่มงบ 8 ล้านผุดโครงการบริษัทจำลอง รองรับนักศึกษา
จากนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้โครงการเรนโบว์ โปรเจ็คต์ เพื่อบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างงาน โดยธุรกิจขายตรงถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะรองรับการตกงานที่ได้ประเมินไว้ว่าในไตรมาสแรกของปี 2552 จะมีคนตกงานไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด และนายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ล่าสุดทางสมาคม ได้มีการลงนามร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเข้าร่วมโครงการเรนโบว์ โปรเจ็คต์ ซึ่งทางสมาชิกที่อยู่ในสมาคม จะให้การสนับสนุนด้วยการร่วมงานสัมมนาให้ความรู้และโอกาสในธุรกิจขายตรง เพื่อช่วยเหลือคนตกงานทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเหลือคนตกงานได้หลายแสนคน
อย่างไรก็ตามในส่วนกิฟฟารีนเองนั้น ได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และมีแผนอยู่แล้ว โดยผู้ที่จะเข้ามาทำธุรกิจขายตรงแต่เดิมของบริษัท จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนที่มีรายได้ประจำ แต่ต้องการมีรายได้เสริม 2.คนที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการ และ 3.คนที่ว่างงานอยู่แล้ว คนที่ถูกเลิกจ้างและนักศึกษาจบใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องการให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เพิ่มกลยุทธ์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนตกงาน ด้วยการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้กับผู้ที่สนใจ
"คนที่ถูกเลิกจ้างหรือตกงาน คนเหล่านี้จะสูญเสียความมั่นใจ ดังนั้นบริษัทจึงให้ทางแม่ทีมเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคนเหล่านี้ว่าธุรกิจขายตรงไม่ใช่เรื่องที่ทำยาก และเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน เพียงแค่มีความเชื่อมั่นก็สามารถทำได้ ซึ่งตามปกติบริษัทก็จะมีการจัดอบรมสัมมนาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษารายละเอียดก่อนที่จะร่วมธุรกิจอยู่แล้ว โดยคาดว่าในส่วนของกิฟฟารีนเองจะสามารถรองรับคนตกงานได้มากกว่า 1 แสนคน"พ.ญ.นลินีกล่าว
ขณะที่ทางด้านบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ จำกัด หรือเฮลท์ฟู้ดส์ ในเครือสหฟาร์มเองก็มีนโยบายในการรองรับคนตกงานเช่นกัน โดยนายอรรถชัย นาคพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการธุรกิจระบบขายตรง กล่าวว่า ทางบริษัทได้มีการเพิ่มงบประมาณเพื่อรองรับการตกงานของคนทั่วไป โดยได้มอบหมายให้ทางแม่ทีมในต่างจังหวัดทำการติดต่อประสานงานกับโรงงานต่างๆ ซึ่งเจาะลึกติดต่อไปยังผู้จัดการโรงงาน เพื่อตรวจสอบว่าจะมีการเลิกจ้างงานเป็นจำนวนเท่าใด เพื่อที่ทางแม่ทีมเหล่านี้จะได้เข้าไปให้ความรู้และเชิญชวนให้ร่วมธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการประสานงานไปยังกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจบการศึกษา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับคนกลุ่มนี้
นอกเหนือจากการให้ความรู้กับกลุ่มลูกจ้างโรงงานและนักศึกษาที่กำลังใกล้จบการศึกษา บริษัทได้เพิ่มแรงจูงใจในการสมัครที่ใช้เงินลงทุนน้อย เพียง 250 บาท และจะได้รับอุปกรณ์พร้อมตัวอย่างผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจต่อไป คาดว่าจะสามารถรองรับงานได้หลายพันคน จากเป้าหมายที่ปีนี้บริษัทจะเพิ่มจำนวนนักธุรกิจ 2 หมื่นราย จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1.2 แสนราย
ด้านนางศุภราภรณ์ เอสซี เปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริเฟลม คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในปัจจุบันส่งผลกระทบกับธุรกิจในวงกว้าง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน โดยเฉพาะนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบใหม่ดังนั้นบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสและได้จัดโครงการบริษัทจำลองเพื่อสร้างอาชีพให้กับบัณฑิตที่เรียนจบใหม่ๆ ภายใต้ชื่อ "Good Vision With Oriflame" ขึ้นเป็นปีแรก ในการสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงในการทำงาน แบ่งการทำงานออกเป็น 4 ระยะ ใช้เงินลงทุนประมาณ 8 ล้านบาท
สำหรับโครงการดังกล่าว ได้เข้าร่วมโครงการบริษัทจำลองกับมหาวิทยาลัยในภาคกลางและภาคอีสานทั้งสิ้น 10 มหาวิทยาลัย อาทิ มรภ.สวนสุนันทา มรภ.จันทรเกษม มรภ.มหาสารคาม มรภ.กาฬสินธุ์ และม.อุบลราชธานี โดยรายละเอียดจะเปิดรับสมัครนักศึกษาในเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งคุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 อายุตั้งแต่ 17-25 ปี ก็สามารถยื่นใบสมัครเข้ามาได้ โดยบริษัทจะมีกองคาราวานไปรับใบสมัครถึงที่มหาวิทยาลัย และผู้สมัครจะได้รับความรู้วิชาชีพด้านการขาย การตลาดจากเหตุการณ์จริง ซึ่งการรับสมัครนั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งผู้สมัครจะได้เป็นสมาชิกของออริเฟลมหลังเข้าร่วมโครงการแล้ว
"โครงการนี้ เป็นการจัดเพื่อให้ผู้สมัครได้เรียนรู้ด้านการขายและการตลาดจากเหตุการณ์จริง โดยทีมที่ชนะเสิศจะได้รับทุนการศึกษา 60,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ รางวัลที่ 2 ได้รับเงินรางวัล 40,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ รางวัลที่ 3 ได้รับทุนการศึกษา 20,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ และรางวัลชมเชยจะได้รับผลิตภัณฑ์จากออริเฟลมมูลค่า 10,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานได้ในระยะยาว"นางศุภราภรณ์ ที่มา : thannews.th.com