มุมมองแฟรนไชส์ผ่านสายตานักวิชาการ


716 ผู้ชม


มุมมองแฟรนไชส์ผ่านสายตานักวิชาการ




  สองกูรู "พรีพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์" กับ "ไพศาล เตี๋ยวงษ์สุวรรณ์ " นักวิชาการจากแวดวงแฟรนไชส์ คาดปีใหม่นี้มีธุรกิจที่เป็นแฟรนไชส์คุณภาพเกิดให้ไม่ต่ำกว่า 15 แบรนด์ และมีการพัฒนาทุกระบบธุรกิจ พร้อมชี้ธุรกิจอาหารยังคงเป็นดาวรุ่นในตลาด, ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะมีทิศทางที่มีลักษณะเรียกว่า "แบรนด์นอกดังแบรนด์ไทยนิ่ง" ขณะที่แฟรนไชส์การศึกษายังนิ่ง แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดด้าน กาแฟตลาดเครื่องดื่มโตต่อเนื่อง และตบท้ายร้านเช่าวีดีโอธุรกิจที่ยังไม่ลงตัว
       

       พรีพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์ และเอสเอ็มอีไทย
กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ปีนี้คาดว่าจะมีแฟรนไชส์ที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 15 แบรนด์ ซึ่งธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะขยายใหม่ในปีนี้จะไม่ใช่ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เปิดมาร้านสองร้านแล้วขายแฟรนไชส์ แต่จะต้องขยายสาขาของตัวเองไม่น้อยกว่า 10 สาขา และมีรูปแบบของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก่อนที่จะขายแฟรนไชส์ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์เข้าสู่ระบบสากลอย่างเห็นได้ชัดเจนขึ้น
       
       
มุมมองแฟรนไชส์ผ่านสายตานักวิชาการ
มุมมองแฟรนไชส์ผ่านสายตานักวิชาการ
มุมมองแฟรนไชส์ผ่านสายตานักวิชาการ
       "ผมมองดูปีนี้ธุรกิจที่เปิดใหม่จะเป็นอาหาร 4-5 ตัว ธุรกิจอื่นพวกเครื่องสำอาง สปา นอกจากนี้ยังมีแฟรนไชส์จากต่างประเทศเข้ามาไม่ต่ำกว่า 10 ตัว จะเป็นธุรกิจประเภททำป้าย, ธุรกิจอาหาร 3-4 ตัว, ธุรกิจขนม 2-3 ตัว นอกจากนี้ธุรกิจอาหารหรือขนมที่อยู่ในบ้านเราก็จะมีการปรับตัวให้ดูดีขึ้นทั้งการตกแต่งร้านใหม่ๆ เพราะกำลังมีธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามาเรื่อยๆ"
       
       ขณะที่ไพศาล เตี๋ยวงษ์สุวรรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เทรนด์ของธุรกิจแฟรนไชส์ในปีนี้มีการพัฒนาเกือบทุกแฟรนไชส์ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และบริการ ซึ่งปีนี้คาดว่าแฟรนไชส์ที่ยังมีแนวโน้มดียังเป็นธุรกิจสปาและธุรกิจสลิม ในแง่ของผู้ซื้อสิทธิแฟรนไชส์ปีนี้ยังมีความต้องการอยู่แต่จะมีการเลือกซื้อมากขึ้น
       
       พรีพงษ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหารมีสาขาทั้งหมด 20,000 สาขา แต่ความต้องการของธุรกิจแฟรนไชส์อาหารจะอยู่ที่ 70,000 สาขา ซึ่งยังเหลือปริมาณอีกเป็นจำนวนมากส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะธุรกิจอาหารของคนไทยไม่ได้ปรับตัวมาเป็นแฟรนไชส์แต่ที่อยู่ในระบบแฟรนไชส์กลับเป็นธุรกิจอาหารที่มาจากต่างประเทศ
       
       สำหรับการกระจายตัวของธุรกิจแฟรนไชส์อาหารในปีนี้จะมุ่งไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ส่วนการเติบโตของตลาดคาดว่าโตไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งการแข่งขันของตลาดแฟรนไชส์อาหารปีนี้นับว่าเป็นปีที่คนกินอาหารรู้สึกลำบาก นอกจากนี้ยังเป็นปีนี้ที่ผู้ประกอบการอาหารต้องเตรียมตัวเนื่องจากปีนี้ต้นทุนในการผลิตอาหารจะสูงขึ้น ส่วนการเปลี่ยนแปลงของตลาดแฟรนไชส์อาหารปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องของรูปแบบร้านซึ่งจะมีการปรับให้ดูทันสมัยขึ้น
       
       ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารของไทยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ขายตามรถเข็น ส่วนร้านอาหารใหญ่มักจะเป็นเจ้าของขยายสาขาเอง ดังนั้นการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่เป็นระบบแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของรถเข็นซึ่งมีการเกิดและตายอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากสร้างง่าย
       
       สำหรับตลาดแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อถือเป็นแฟรนไชส์ที่มีจำนวนสาขามากที่สุด แต่จำนวนบริษัทน้อย ซึ่งตลาดแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อในไทยมีการขยายสาขามากกว่า 50% ของการขยายสาขาแฟรนไชส์ทั้งหมดถือเป็นการขยายสาขาที่รวดเร็ว
       
       โดยปริมาณร้านสะดวกซื้อที่คนไทยสามารถรองรับได้อยู่ 75,000 สาขา ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะได้ปริมาณสาขาดังกล่าว ส่วนอัตราการเติบโตของตลาดร้านสะดวกซื้อในปีนี้ถือว่าสามารถยังโตได้ดี แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น จะพบว่าประเทศเหล่านี้จะมีร้านสะดวกซื้อที่ผู้ประกอบการภายในประเทศเป็นเจ้าของกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะต่างจากไทยที่มีร้านสะดวกซื้อแบรนด์ต่างชาติกระจายอยู่มากกว่า
       
       ทางด้านธุรกิจการศึกษาถือเป็นธุรกิจที่ระบบเศรษฐกิจไม่มีผลกระทบด้วย เนื่องจากยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีคนยิ่งตกงาน คนก็ยิ่งเรียนหนังสือต่อมากขึ้น ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีแฟรนไชส์ธุรกิจการศึกษาตัวใหม่จากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยเป็นธุรกิจด้านการศึกษาพวกไอที เนื่องจากการศึกษาประเภทติวเตอร์และภาษาเริ่มเติมแล้ว คาดว่าปีนี้แฟรนไชส์ธุรกิจการศึกษาจะมีการเติบโตขึ้น 10% และจะมีโอกาสได้เห็นธุรกิจการศึกษาแบบเจาะลึกมากขึ้น
       
       โดยการแข่งขันของแฟรนไชส์การศึกษานอกจากดูเรื่องของคุณภาพและแบรนด์แล้ว ยังขึ้นอยู่กับความสะดวกของพื้นที่ตั้งด้วย ซึ่งจะเหมือนกับธุรกิจสปาที่ลูกค้าอยู่ใกล้บริเวณใดก็จะใช้บริการของร้านค้าบริเวณนั้น ส่วนการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการศึกษาในปีนี้ไม่มีมากนัก แต่จะเป็นเรื่องของการเพิ่มจำนวนสาขาเป็นหลัก
       
       ในส่วนของตลาดแฟรนไชส์กาแฟปีนี้ จะเป็นลักษณะเจ้าเล็กตายเจ้าใหญ่อยู่ และเจ้าใหญ่จะมีความเป็นมาตรฐานมากขึ้นซึ่งเจ้าใหญ่บางเจ้าก็จะเข้าไปบีบเจ้าเล็กให้ออกจากตลาด เนื่องจากปัญหาในเรื่องของพื้นที่การค้าที่หายากขึ้น และค่าเช่าที่แพงขึ้น ส่งผลให้เจ้าเล็กที่สูงไม่ไหวต้องเลิกกิจการไป
       
       การเติบโตของตลาดแฟรนไชส์กาแฟยังสามารถโตได้อีกเท่าตัว เนื่องจากคนไทยยังมีการดื่มกาแฟในปริมาณที่น้อยอยู่ ส่วนแบรนด์ที่ไม่ได้มีการสร้างแบรนด์เมื่อ 3-4 ปีก่อนปีนี้จะเริ่มเสียเปรียบในการแข่งขัน และหากคิดที่จะสร้างแบรนด์ในปีนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้น
       
       อย่างไรก็ตามแม้ว่าแฟรนไชส์กาแฟเจ้าเล็กจะถูกมองว่ามีการปิดตัวไปเยอะ แต่ก็ยังคงมีรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจกาแฟในปีนี้จะมีการเพิ่มมูลค่าของตัวสินค้าให้มากขึ้น และมีแฟรนไชส์กาแฟหลายแบรนด์ที่หันไปใช้กลยุทธ์การเกาะไปกับแบรนด์ใหญ่เพื่อไม่ให้ธุรกิจของตัวเองตาย
       
       ไพศาล กล่าวว่า คนที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟปีนี้ต้องให้ความระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากการแข่งขันที่สูงมาก และแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมากแบรนด์เก่าที่อยู่ก็อาจจะล้มได้ อย่างไรก็ตามการเติบโตของตลาดกาแฟยังมีอยู่สูงซึ่งส่งผลให้การแข่งขันในตลาดนี้สูงตามไปด้วย เนื่องจากขณะนี้คนไทยโดยสอนให้กินกาแฟเยอะขึ้นและให้การยอมรับมากขึ้น
       
       สำหรับแฟรนไชส์ร้านเช่าวีดีโอมองว่าขณะนี้ยังไม่ลงตัวทั้งในเรื่องของลิขสิทธิ์ และเทคโนโลยีในการเปิดแฟรนไชส์ ซึ่งตรงนี้คงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าการทำธุรกิจตรงนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่หากต้องการทำธุรกิจในช่วงนี้สามารถทำได้แต่ควรเป็นขนาดเล็กก่อน
       
       ส่วนการเติบโตของธุรกิจร้านเช่าวีดีโอขณะนี้ยังอยู่ในภาวะที่นิ่งอยู่ และการแข่งขันก็ดูจืดๆ อย่างไรก็ตามร้านเช่าวีดีโอที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของแฟรนไชส์ก็ควรที่จะหาทางปรับตัวให้พร้อมก่อนที่แฟรนไชส์รายใหญ่จะพร้อมกว่านี้ ทั้งในเรื่องของการปรับรูปแบบร้าน การหาพื้นที่ การวางทีมบริหาร ฯลฯ สำหรับแฟรนไชส์รายใหญ่นั้นคาดว่าคงไม่มีเข้ามาอีก
       
       อย่างไรก็ตาม ต่อไปธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเช่าวีดีโอจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะขึ้นทั้งในเรื่องของบริการ และรูปลักษณะของร้านเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น พร้อมมีการอัดกลยุทธ์ลดแลกแจกแถมเข้ามามากขึ้นด้วย
       

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

อัพเดทล่าสุด