ข้อแนะนำ การทำ Resume
ในการเขียน Resume นั้น มีปัจจัยหลายประการที่จำเป็นในการที่จะทำให้ Resume ของคุณนั้นมีพลังในการดึงดูดใจ ต่อไปนี้จะเป็นแนวทางที่อธิบายถึงหัวข้อที่สำคัญใน Resume ทำหน้าตาให้น่าสนใจ
พยายามทำ Resume ให้ดึงดูดความสนใจด้วยการจัดทำด้วยรูปแบบ(Format)เดียวกันตลอดทั้งฉบับ การพิมพ์ให้ใช้ตัวย่อหน้า(Tab)แทนที่จะเป็นการเคาะ(Space) การนำเสนอให้จัดเรียงเป็นลำดับและเป็นรูปแบบเดียวกัน เช่น หากต้องการให้หัวข้อเรื่องเป็นตัวเข้ม(Bold)และวางอยู่กลางหน้ากระดาษ(Center) ก็ควรจะทำให้ทุกหัวข้อมีรูปแบบ(Format)เดียวกัน หรือ กรณีที่กล่าวถึงประวัติการทำงาน หากจะเริ่มต้นด้วยการวางชื่อของบริษัทไว้อยู่ด้านล่างของช่วงระยะเวลาการทำงาน ก็ควรจะวางในรูปแบบเดียวกันกับประวัติการทำงานกับบริษัทอื่นๆที่เหลือ หรือกรณีที่กล่าวถึงระยะเวลาการทำงานโดยระบุปีที่ทำงานสำหรับในแต่ละตำแหน่งงาน ก็ไม่ควรจะระบุเดือนสำหรับตำแหน่งงานที่เหลือ เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ควรจะตรวจดูรูปแบบทั้งหมดว่าเป็นรูปแบบเดียวกันโดยตลอด เพราะคนหางานจำนวนไม่น้อยที่มักจะทำผิดพลาดด้วยการทำ Resume แบบลวกๆ หรืออ่านยาก ควรจะเริ่มต้นด้วยการเขียนชื่อนามสกุลของคุณด้วยการใช้ตัวอักษรเข้ม(Bold)และตัวใหญ่(Capitalize)ด้วยตัวอักษรขนาดไม่น้อยกว่า 16 จุด(Points) ให้ใส่ที่อยู่ไว้ในจุดที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น นำที่อยู่ไว้ด้านล่างของชื่อ โดยให้ทั้งชื่อและที่อยู่วางไว้จุดกึ่งกลางของกระดาษ
แล้วให้เว้นชื่อและที่อยู่นั้นไว้ 1 บรรทัดแยกต่างหากจากส่วนที่เป็นเนื้อหาของ Resume
มุ่งให้เห็นวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน
ชี้ให้เห็นถึงวัตถุประสงค์(Objective)ที่ชัดเจนและคนอ่านไม่ต้องคาดเดา วางหัวข้อวัตถุประสงค์นี้ไว้โดยใช้ตัวพิมพ์ใหญ่และตัวเข้ม
ตัวอย่างที่ใช้ไม่ได้/น่าเบื่อ/ขาดความน่าสนใจอย่างสิ้นเชิง
วัตถุประสงค์ ต้องการหางานที่สามารถใช้ประสบการณ์และความรู้เพื่อความมั่นคงและเติบโตในตำแหน่งงาน
ตัวอย่างการเขียนวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและน่าสนใจ
วัตถุประสงค์ : ประสบการณ์ห้าปีในงานตัวแทนบริการลูกค้า(Customer Service Representative)ในธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องการหาตำแหน่งงานฝ่ายขายในธุรกิจที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
คุณสมบัติ(Qualification)
ให้ใส่คุณสมบัติ ทักษะความชำนาญหลักๆที่มีอยู่และตรงกับความต้องการในตำแหน่งงานที่สมัคร และควรจะระบุช่วงเวลาของประสบการณ์นั้นๆด้วย โดยให้ระบุประเภทของประสบการณ์ให้ชัดเจน เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า นอกจากนี้หากมีใบอนุญาต หรือประกาศนียบัตร หรือวุฒิการศึกษาที่เกี่ยวข้องก็ให้ระบุเข้าไปด้วย
คุณลักษณะส่วนตัว
ให้ใส่ทักษะ หรือคุณลักษณะส่วนตัวอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องหลักแต่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัครเข้าเป็นส่วนประกอบด้วย แต่ทั้งนี้ จะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับคุณสมบัติหลัก ซึ่งอาจรวมถึงทักษะในการสื่อสารได้ดี มีความสามารถในการบริหารเวลา การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา ความเชื่อมั่นในตนเอง ความอดทน และอื่นๆ
ประสบการณ์
ให้นำเสนอว่าเคยทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร ระยะเวลาเท่าใด ทำให้เห็นว่าตำแหน่งงานนั้นเกี่ยวกับอะไร มีความรับผิดชอบอะไรบ้าง และรายงานต่อใคร(ใครคือผู้บังคับบัญชา) หรือเคยเป็นหัวหน้างาน หรือเคยเป็นผู้ฝึกสอนใคร หรือใครเป็นลูกค้าบ้างและการติดต่อสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นเช่นไร หรือมีโครงการอะไรที่เคยทำบ้าง ถ้าเคยเป็นคนดูแลเรื่องการเงินหรืองบประมาณก็ให้ระบุไปด้วย หรือถ้าเคยกู้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และอื่นๆ
ทักษะ
ถ้ามีทักษะความชำนาญด้านเทคนิค เช่น มีความชำนาญด้านระบบคอมพิวเตอร์ การซ่อมรถ การวิจัยและพัฒนา หรืออื่นๆ ควรจะต้องใส่สิ่งเหล่านี้เข้าไปด้วยการเน้นให้เห็นว่า ได้ใช้ทักษะเหล่านี้มาอย่างไรบ้าง หรือถ้ามีทักษะพิเศษด้านคอมพิวเตอร์ ก็ควรจะแยกออกมาทักษะนี้เป็นหัวข้อต่างหาก โดยใช้หัวข้อว่า ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ แล้วก็ระบุรายละเอียด มีทักษะคอมพิวเตอร์ด้านไหนอะไรบ้าง
ความสำเร็จ(ผลงาน)
ทำให้เห็นว่าคุณสามารถทำให้การทำงานของคุณเกิดความแตกต่างในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร เช่น การที่สามารถปรับปรุงงานให้ดีขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานและมีประสิทธิภาพ สามารถฝึกสอนให้พนักงานใหม่สามารถเข้าใจในระบบคอมพิวเตอร์และใช้งานได้ หรือเป็นผู้เริ่มหน่วยงานใหม่ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ ความสำเร็จเหล่านี้อาจใส่รวมไว้ในการเขียนประสบการณ์ทำงานในแต่ละตำแหน่ง หรือแยกออกเป็นหัวข้อต่างหากเป็น หัวข้อ ผลงาน หรือความสำเร็จ
ความชำนาญด้านเทคนิค(Technical Expertise)
นี่คือหัวข้อสำคัญมากที่จะแสดงให้เห็นถึงความชำนาญและเป็นมืออาชีพด้านเทคโนโลยี ควรจะใส่เรียงลำดับกันไป เช่น Hardware, Software,Operating System, Protocals, Programming Language, Website Development......
ใบอนุญาต/ประกาศนียบัตร
สำหรับในบางตำแหน่งงานแล้ว หัวข้อนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะหากไม่มีแล้วจะไม่สามารถปฏิบัติงานนั้นๆได้เลย เช่น เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ วิศวกร แพทย์ พยาบาลเป็นต้น
การศึกษา
หัวข้อนี้ก็เช่นเดียวกับใบอนุญาตหรือใบประกาศนียบัตร เพราะตำแหน่งงานส่วนใหญ่มักจะต้องการคนที่มีความรู้ เพราะใบอนุญาตหรือใบประกาศนียบัตรบางอย่างจะต้องได้รับการฝึกจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง เช่น เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพจะต้องได้รับการฝึกอบรมจากสถาบันและระยะเวลาที่กำหนด
หากว่าคุณมีประสบการณ์แต่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันที่กำหนด ก็ให้ใส่การศึกษาไว้ด้านล่าง หรือถ้าคุณกำลังศึกษาอบรมหรือกำลังจะสอบผ่านสถาบันที่กำหนด ก็ให้ใส่สถาบันไว้ด้านบน หลักก็คือพยายามขายตัวเองในจุดที่เด่นที่สุดของตนเอง ถ้าคุณมีระดับการศึกษาสูงกว่าที่กำหนด ก็ควรใส่การศึกษาไว้ด้านบนเพราะนั่นคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับงานนั้น
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน
ถ้าคุณเคยเป็นสมาชิกขององค์กรใดเป็นระยะเวลานานและคุณคิดว่าจะมีส่วนช่วยทำให้คุณดูดีขึ้น ก็ให้ใส่เข้าไปด้วย แล้วก็ให้ใส่ว่าเป็นสมาชิกอยู่นานเท่าใด และถ้าคุณมีตำแหน่งหรือเคยมีบทบาทหรือรับผิดชอบอะไร ก็ให้ใส่ไว้ด้วย สำหรับคนที่เพิ่งจบการศึกษา คุณอาจจำเป็นต้องใส่ว่า คุณมีส่วนในโครงการใดบ้าง เพราะจะเป็นสิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณมีลักษณะเป็นผู้นำ มีศักยภาพในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพียงใด แต่เมื่อคุณมีประสบการณ์ทำงานแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เข้าไปอีกให้มันมากมาย เพราะคุณมีข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจมากกว่าที่จะใส่เข้าไปแล้ว
ทักษะด้านคอมพิวเตอร์
ถ้าคุณทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ไปใส่ไว้ในหัวข้อทักษะความชำนาญด้านเทคนิค สำหรับหัวข้อนี้อาจใส่ว่าสามารถใช้โปรแกรมอะไรได้บ้าง โดยไม่ต้องระบุว่า มีความเชี่ยวชาญมากน้อยขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องใส่ว่า ใช้อีเมล์ อินเตอร์เน็ท ใช้เครื่องโทรสาร หรือใช้เครื่องคิดเลข เข้าไปด้วยในหัวข้อนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เขาคาดว่าคุณจะต้องทำได้อยู่แล้ว
การอ้างอิง
หัวข้อนี้ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นนัก เพราะคุณสามารถที่จะนำสำเนาเอกสารของสิ่งที่คุณจะอ้างอิงมอบไว้ให้กับผู้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมภาษณ์ได้ หากคุณรู้สึกว่างานที่คุณได้สัมภาษณ์นั้นน่าสนใจ เพราะการใส่หัวข้อนี้เข้าไปดูเป็นเรื่องเก่าโบราณเต็มที ซึ่งน่าจะใช้สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มหางานเป็นครั้งแรกเท่านั้น แต่หากว่าคุณมีเอกสารการอ้างอิงอยู่มากมายและคุณคิดว่าจะทำให้คุณดูน่าสนใจเป็นพิเศษ คุณก็อาจจะบอกไปเลยว่า คุณมี Portfolio ของเอกสารการอ้างอิงจากบุคคลต่างๆ หรือเอกสารการอ้างอิงถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษของคุณก็ได้
ที่มา : สมาชิก HR