ล้างแค้นนายเก่าด้วยความผิดพลาดของตัวนายเอง
คำถาม
ผมเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทด้านการเงินแห่งหนึ่งที่มีสาขาทั่วประเทศ ผมเจอเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเดินไปทางไหนดี เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หลายปัจจัย ชื่อที่ผมจะบอกในการลำดับความต่อไปนี้เป็นชื่อสมมุตินะครับ
เริ่มจากเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว พนักงานระดับผู้จัดการชื่อนายด้วงถูกนายแม้วซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของสาขาได้ถูกนายแม้วเลิกจ้าง เพราะทำหน้าที่บกพร่องและละเลยเอาใจใส่ในงานจนเกิดความเสียหายกับงานของบริษัท แต่ช่วงที่ยังทำงานอยู่ นายด้วงเป็นหัวหน้าที่เอาใจลูกน้องได้ดี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายด้วงได้โทรศัพท์มาหาผม แล้วอ้างว่า ช่วงวันหยุด มีพนักงานหญิงคนหนึ่งชื่อนางสาวแข ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของนายด้วงได้เข้ามาทำงานด่วนในวันหยุดตามคำสั่งของนายแม้ว ปรากฎว่าที่สำนักงานมีคนอยู่เพียงสองคนตามลำพัง และนางสาวแขถูกลวนลามจากนายแม้วหลายครั้ง
ด้วยความตกใจเธอจึงได้โทรศัพท์ไปเล่าให้นายด้วงฟัง แต่เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยได้ จึงได้โทรมาร้องเรียนผม เบื้องต้นผมได้ขอให้นายด้วงบอกนางสาวแขให้ทำเรื่องร้องเรียนมาพร้อมหลักฐาน แต่นางสาวแขไม่ยอม เพราะอ้างว่าอยากลืมเรื่องนี้ให้หมด และนายแม้วได้มาขอโทษแล้ว
ผมฟังแล้วเรื่องนี้น่าจะมีมูล แต่ยังคิดว่าควรทำอย่างไร อย่างแรก ผมควรจะเชื่อนายด้วงแค่ไหน ผมกลัวว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือล้างแค้น อย่างที่สองถ้าจริง แม้เจ้าตัวผู้เสียหายปฏิเสธที่จะเอาเรื่อง แต่หากไม่ทำอะไร ก็จะอื้อฉาว และสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในหน่วยงาน แต่ขณะเดียวกัน หากทำอะไรไป เราก็จะเสียคนมากฝีมือ อย่างนายแม้ว เพราะเขาเป็นผู้บริหารสาขาดาวเด่นระดับเยี่ยมของเรา ผมขอความเห็นด้วยครับ - สมภพ
คำตอบ
เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าสนใจ สามารถเอาไปแต่งเติมเป็นพล็อตละครหลังข่าวได้อย่างดีเลยนะครับ ถ้าอ่านจากที่ถามมา ผมคิดว่าใจคุณสมภพเองมีแนวโน้มที่จะเชื่ออยู่ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ยังติดอยู่ว่า หนึ่ง เรื่องนี้ถูกชงขึ้นมาจากคนที่ถูกให้ออก สอง เรื่องนี้แดงออกไป อาจจะต้องทำให้เสียคนมีฝีมือซึ่งหาได้ไม่ง่าย สาม ดูแล้วผู้เสียหายไม่อยากให้เดินเรื่องต่อ จะทำอย่างไร น่าจะเป็นอย่างนี้ใช่หรือเปล่าครับ ผมมองว่าเรื่องนี้จะตัดสินใจทางไหนมีผลกระทบทั้งหมด
ดังนั้น คุณสมภพจะต้องคิดว่า ในท้ายที่สุดคุณสมภพต้องการให้องค์กรได้อะไรเป็นผลลัพธ์สุดท้ายต่อองค์กร คือ หนึ่งต้องการให้องค์กรเป็นที่ๆปลอดการทำผิดจรรยาบรรณศีลธรรมอันดี หรือ สอง ต้องการให้องค์กรมีผลเลิศทางธุรกิจ ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ ผมมองว่าต้องตัดสินใจบนฐานความคิดแบบนี้
ถ้าเลือกอย่างแรกที่ต้องการเสริมสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรมในองค์กร คุณสมภพจะต้องมองข้ามไปว่า ใครคืออีกาคาบข่าว เพราะ ''ธรรมะจะออกมาจากปากโจรก็เป็นธรรมะ'' ดังนั้นไม่ต้องสนใจว่านายด้วงเป็นใคร แต่ควรใช้ข้อมูลที่ได้เพื่อการสอบสวน และต้องหว่านล้อมให้นางสาวแขให้ข้อมูล ให้ความร่วมมือให้ได้แม้ว่าเธอบอกว่าไม่อยากเอาเรื่องก็ตาม
เพราะต้องยอมรับว่าสังคมชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้หญิงไม่กล้าเปิดตัวเองเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว และต้องเตรียมการหาคนทดแทน หากต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับนายแม้ว เพราะเราต้องการส่งสัญญาณให้คนในองค์กรได้เห็นว่า แม้ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน หากไม่มีจริยธรรมแล้ว บริษัทก็ไม่อาจให้ทำงานได้
แต่ถ้าเลือกเอาผลเลิศทางธุรกิจ เพราะเชื่อว่านายแม้วคือคนเดียวในตอนนี้ที่ทำให้สาขาแห่งนี้เจริญเติบโตขึ้นอย่างมาก คุณสมภพก็จะต้องไม่ลงรายละเอียดลึกมาก อาจจะเข้าไปสอบถามกับผู้เสียหาย เพื่อให้เขายืนยันว่าไม่เอาเรื่อง กับตัวนายแม้วเองก็แค่ว่ากล่าวตักเตือน อย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก พยายามทำเรื่องให้มันจบลงไป ด้วยความสบายใจทุกฝ่าย แต่ก็ต้องเตรียมรับผลสะท้อนกลับระยะยาวนะครับว่า หน่วยงานจะเป็นหน่วยงานที่อยู่ด้วยความกลัว ความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจกัน
สุดท้าย คนที่เราเชื่อว่าเก่งกล้าสามารถอย่างมากนั้น เมื่อไม่ได้รับความไว้วางใจจากคนในองค์กรแล้ว อาจจะไม่สามารถผลักดัน หรือสร้างผลงานโดดเด่นอย่างที่เราเคยเห็นก็ได้
คุณสมภพคือคนที่จะต้องเลือกนะครับเพราะรายละเอียดลึกๆกว่านี้ผมไม่ทราบ ผมให้ได้เพียงทางเลือก ที่อาจเป็นไปได้ และผลที่จะตามมาเท่านั้นครับ
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์