ลางบอกเหตุที่จะถูกปลดจากงาน
เมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ บริษัทหลายๆ แห่งยังอยู่ในภาวะที่ต้องแย่งชิงผู้สมัครเป็นพนักงานใหม่ ด้วยเสนอเงินเดือนด้วยตัวเลข 6 หลักตั้งแต่แรกรับ เสนอรถประจำตำแหน่งใหม่เอี่ยมอ่อง หรือที่สุดๆ ก็โบนัสเป็นเงินสดอีก 5 หลักเป็นงวดๆ แต่ในความเป็นจริงนั้น ข้อเสนอแบบสุดโต่งนี้ นายจ้างมีไว้เพื่อยวนใจและรักษาไว้ซึ่งลูกจ้างชั้นดีเท่านั้น
มาตอนนี้ซิ จะเริ่มต้นปีก็ทำท่าจะไม่ฟู่ฟ่าเสียแล้ว ตลาดหุ้นดิ่งลงชักโครก การเติบโตทางเศรษฐกิจแผ่วลงเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่ำถอยกรูดอีกหลายปี ธุรกิจด็อตคอมในหลายๆ ประเทศก็หกคะเมนตีลังกากันกันเป็นแถว แม้แต่บริษัทที่มีชื่อเสียงและมั่นคงมานมนานยังต้องปรับลดอัตราค่าจ้าง และบางแห่งถึงกับต้องปลดพนักงานออกเป็นพันๆ คน
ทุกวันนี้เราก็ยังคงเห็นบริษัทต่างๆ วางแผนลงดาบปลดพนักงานเป็นระลอกๆ ถึงแม้เศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลง และพรุ่งนี้คุณยังได้รับเงินเดือนอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าการถูกปลดออกจากงานยังอยู่อีกไกลสำหรับคุณ ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบนี้คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณอาจถูกปลดออกจากงานเมื่อไหร่กัน
โดยปกติแล้ว ก่อนที่บริษัทจะวางแผนปลดพนักงาน บริษัทมักส่งสัญญาณถึงสถานการณ์ของบริษัทออกมา
สัญญาณที่พอจะเป็นที่สังเกตได้ก็คือ
- จำกัดการจ้างงาน
- แจ้งเตือนถึงรายได้ของบริษัท
- แจ้งเตือนเรื่องรายจ่ายของบริษัท
- ตัดงบประมาณลดลง
- ลดค่าใช้จ่าย
- ยกเลิกการเดินทาง
- ปรับโครงสร้าง
- ข่าวสารภายในเป็นไปแต่ในทางลบ
- ยกเลิกโครงการ
- ผู้บริหารลาออก
- ไม่ต่อสัญญาพนักงานชั่วคราวหรือผู้รับเหมา
- ไม่มีการจ้างคนแทนตำแหน่งที่ว่างลง
- ลดจำนวนพนักงานผู้ช่วย
- คู่แข่ง คู่ค้า หรือลูกค้า เริ่มปลดคนงาน
หากคุณมองออกถึงสิ่งเหล่านี้ คุณอาจรู้มากกว่าเจ้านายทั้งหลาย ของคุณเสียอีก เช่น หากคุณทำงานในฝ่ายการตลาด คุณน่าจะเห็นว่าเจ้านายสั่งให้ตัดงบการตลาดบางอย่าง หรือให้ทำแผนการตลาดใหม่ หากคุณทำงานในสายงานปฏิบัติการ คุณอาจเห็นว่าคุณถูกตัดงบในการขอซื้ออุปกรณ์หลายๆ อย่าง หรือการทำเรื่องขอสั่งซื้ออุปกรณ์ช้าลง เอ แล้วมันจะนำไปสู่การปลดพนักงานหรือเปล่า แน่นอนว่ายังไม่ใช่ บริษัทและภาวะทางเศรษฐกิจต่างก็มีช่วงขึ้นลงในแต่ละปี และต่างก็หาโอกาสที่จะจัดการกับช่วงที่ต่ำสุด ให้ขยับสูงขึ้น ดังนั้นหากคุณสังเกตเห็นเพียงหนึ่งหรือสองประเด็น ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่ถ้าสังเกตได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวสารการแจ้งรายรับ การหั่นงบ งดจ้างคนเพิ่ม หรือปรับโครงสร้างด้วยละก็ น่าจะเป็นเวลาที่คุณต้องจัดทำประวัติการทำงานใหม่ได้แล้ว และอย่าลืมทำตัวให้เป็นประโยชน์ในที่ทำงานด้วย
ถูกปลดแต่ก็ไม่ถึงตาย
คุณเคยถูกปลดจากงานหรือยัง หากเคยแล้ว ต่อไปนี้คือค่าชดเชยที่คุณน่าจะได้รับ โปรดระลึกไว้ด้วยว่ามันอาจจะต่างจากที่คุณจะได้รับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของอดีตนายจ้างของคุณ ทั้งนี้และทั้งนั้นเงินชดเชยเป็นผลประโยชน์ตามพันธสัญญาที่นายจ้างต้องให้แทบไม่มีข้อยกเว้น
เงินชดเชยแบบเบ็ดเสร็จ
นายจ้างจะจ่ายให้คิดตามอัตราเงินเดือน ณ เวลานั้น โดยจะมีอัตราตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ถึง 6 เดือน หรือมากกว่านั้น บวกวันลาพักร้อนที่ยังไม่ได้ใช้ ค่ารักษาพยาบาล หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เข้าไปด้วย นายจ้างอาจจ่ายให้เป็นเงินก้อนทั้งหมดในครั้งเดียว หรือไม่ก็จ่ายเช็คให้เป็นงวดๆ หากคุณได้รับเป็นเงินก้อนคุณอาจต้องเสียภาษีในอัตราสูง-ตูม-ทันที นั้นเพราะว่าสรรพากรฉลาดมากที่ฉวยเอาการหักภาษีจากคุณเป็นโบนัส ในขณะที่คุณเองต้องการเงินมากที่สุด คุณอาจได้คืนมาบ้างถ้าทำเรื่องขอคืนภาษีในภายหลัง ซึ่งคงจะช่วยอะไรไม่ได้มากหากคุณถูกปลดออกตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นไม่ว่านายจ้างจะจ่ายให้ด้วยวิธีไหน หากคุณต้องการเงินสดก็คงต้องคุยกับเขาก่อนว่ากรุณาอย่าหักโน่นนี่อีกเลย
สัญญาตกลงในการเลิกจ้าง
เป็นเหมือนสัญญาถึงการที่คุณถูกปลดซึ่งจะระบุไว้ด้วยว่าคุณจะต้องไม่เปิดเผยความลับทางการค้าของบริษัท หรือไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัทในการที่ต้องปลดคุณออกจากงาน หากคุณยอมเซ็นคุณอาจได้รับเงินชดเชยที่ดีกว่า ตามกฎหมายแล้วถือเป็นสินบนประเภทหนึ่งเพราะเป็นเงินก้อนใหญ่มาก และด้วยความที่เป็นเอกสารสัญญามันก็จะผูกมัดตัวคุณเองด้วย ดังนั้นหากลูกเล่นหรือทางเลือกของคุณยังไม่สิ้นก็อย่าเซ็น
ประกันสุขภาพ
ความคุ้มครองของประกันอาจสิ้นสุดเมื่อคุณถูกปลดจากงาน หรือหลังจากนั้นไม่นาน ส่วนประกันชีวิต โดยปกติแล้วความคุ้มครองจะสิ้นสุดในวันที่คุณถูกปลดทันที
จงมีความอดทน
หากคุณถูกปลดจากงาน จงตื่นเช้าต่อไป คุณต้องได้งานเข้าสักวัน จำไว้เสมอว่าคุณเป็นผู้มีความสามารถ บริษัทมีเหตุผลต่างๆ นานา ในการปลดพนักงาน การถูกเลิกจ้างไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
คำแนะนำทั่วไป
- คุณควรอย่าให้ตัวเองต้องอยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะฟุ้งซ่านวิตกกังวลกันไปใหญ่ ทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยการทำงานบ้าน ล้างรถ ตัดหญ้า หรืองานอดิเรกอื่นๆ หากมีเวลาว่างจากนั้นคุณน่าจะเริ่มจัดการรวบรวมประสบการณ์การทำงาน และย้อนคิดถึงงานที่คุณได้ทำที่ผ่านมา และเขียนเรซูเมเพื่อการสมัครงานใหม่
- หากจะให้ดีไปกว่านั้น คุณควรพิจารณาเพิ่มศักยภาพของตัวเองโดยการเข้าร่วมการโครงการอบรม สัมมนา ตามที่ต่างๆ
- สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามหลังจากถูกปลดก็คือ ในบางแผนกของบริษัทอาจยังมีตำแหน่งว่างอยู่ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องใช้วิจารณญาณในการแก้ปัญหาเมื่อเกิดวิกฤติ หากคุณมีศักยภาพพอที่จะโอนไปทำงานนั้นได้คุณก็น่าจะติดต่อกับแผนกนั้นๆ ไว้ หรือไม่แผนกเดิมของคุณนั่นแหละจะติดต่อคุณกลับมาเอง ท้ายสุดเรื่องทั้งหมดอาจจบลงที่คุณได้งานทำใหม่ในที่เดิม บริษัทอาจเรียกคุณกลับเข้าทำงานหลังจากภาวะทางการเงินดีขึ้น หรืออาจเร็วกว่านั้นหากมีงานในแผนกอื่นให้คุณทำ หลายคนอาจบอกคุณว่าอย่ากลับไปเลย แต่ถ้าคิดให้ดีการได้กลับไปทำงานตำแหน่งเดิมภายในเวลาไม่กี่เดือนย่อมหมายถึงการได้สิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เคยได้กลับมาด้วย ซึ่งดีกว่าจะไปเริ่มต้นกับที่ทำงานใหม่
- แผนกบุคคลในหลายๆ ที่มักไม่ใส่ใจที่จะเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีความสามารถได้ทำงานในแผนกอื่น ก่อนที่จะปลดออกจากงาน และด้วยความละเลยเช่นนี้ ทำให้ไม่มีใครรับประกันได้ว่าบริษัทจะเรียกคุณกลับเข้าทำงานเมื่อตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณว่างลง แต่หากคุณยังติดต่อกับบริษัทอย่างสม่ำเสมอคุณอาจได้รับการพิจารณาก็ได้ ติดต่อกับแผนกบุคคลเป็นระยะๆ หรือกับหัวหน้าแผนกโดยตรง หรือขอให้เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันจ้องหาตำเหน่งว่างที่ประกาศภายในไว้ให้คุณด้วย
- จะเป็นการดีหากคุณสามารถให้บริษัทออกเอกสารรับรองว่าการที่คุณถูกปลดนั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ ขอให้หัวหน้าช่วยเขียนจดหมายแนะนำตัวซึ่งระบุถึงว่าสาเหตุที่คนต้องตกงาน
ที่มา : สนุกดอทคอม