กลเม็ด...เผด็จใจนาย


733 ผู้ชม


กลเม็ด...เผด็จใจนาย




บ่ายวันพฤหัสบดีที่อากาศค่อนข้างจะแจ่มใสหลังจากมีเมฆฝนปกคลุมกรุงเทพฯ อยู่หลายวัน ทำให้ผู้เขียนไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้องทำงานติดแอร์ ซึ่งแออัดไปด้วยตำรับตำรา เอกสารสารพัด จนเพื่อนหลายคนแอบตั้งชื่อห้องทำงานของผู้เขียนว่า "ห้องนักวิชาการสติเฟื่อง" เพราะมันเต็มไปด้วยหนังสือ...หนังสือ...และหนังสือ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็ได้เถียงกลับไปว่า นักวิชาการทั้งหลายก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่เชื่อลองแวะไปเยี่ยมห้องทำงานของอาจารย์ทั้งหลายตามมหาวิทยาลัยดูก็ได้ ถ้าไม่หลงทางในป่าหนังสือก็ให้รู้ไป! ...

อากาศดีอย่างนี้ต้องรีบออกจากห้องทำงานมานั่งจิบชาร้อนข้างสระว่ายน้ำของศศินทร์ดีกว่า เขามีร้านกาแฟของ "สีฟ้า" มาเปิดให้บริการนิสิตด้วย บริกรสาวหน้าตาสดใสเชิญชวนให้ผู้เขียนดื่มชารส "Lady Earl Grey" ผู้เขียนเลยสั่งมาลองจิบดู เพราะปกติเคยชิมแต่ชารส Earl Grey เฉยๆ ก็ว่าหอมดีอยู่แล้ว บ่ายนี้ลองจิบ Lady Earl Grey ดู อื้อ...หอมจริงๆ ตามที่เขาโฆษณาไว้ มันหอมกรุ่นละมุนละไมดีมากเลยค่ะ ทำให้อารมณ์ดี๊...ดี จนมาเขียนเรื่อง "กลเม็ดเผด็จใจนาย" ในคราวนี้ได้ โดยเฉพาะนายที่เป็น "ยี้" ที่ลูกน้องหลายคนละเหี่ยใจ ไม่อยากทำงานด้วยนั่นแหละ ระหว่างอ่านคอลัมน์ของผู้เขียนนี้ ใครจะไปหาชารสดีอย่าง "Lady Earl Grey" มาดื่มบ้างก็ไม่ว่ากัน อารมณ์ปลอดโปร่งแล้วจะมีแรงไปบริหารสัมพันธภาพกับเจ้านายของตน เพื่อให้สามารถทำงานกันได้ดียิ่งขึ้น จนทั้งสองฝ่ายแฮปปี้ เกิดเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนต่างก็ได้ประโยชน์ หรือสถานการณ์ "ชนะ-ชนะ" (Win-Win Situation) ได้ยิ่งดี

เชื่อแน่ว่ามีหลายคนที่รู้สึกเบื่อหรือเซ็งนายแต่ก็พยายามกล้ำกลืนฝืนทน คิดว่าใช้กรรมไปแล้ว พยายามทำงานอยู่กับนายยี้ๆ คนนั้นมานานแล้ว และนับวันความรู้สึกเซ็งหรือขมขื่นก็พอกพูนขึ้นในใจ ทำให้คุณรู้สึกว่ามันเหลือทนขึ้นทุกที และแน่นอนความรู้สึกด้านลบนี้ย่อมยากที่คุณจะซ่อนมันไว้ได้ แล้ว อย่านึกว่านายของคุณไม่รู้หรือดูไม่ออกนะ สีหน้าและสายตาของลูกน้องที่แสดง ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือชิงชังรังเกียจนั้น มันต้องแสดงออกมาให้เห็นได้แน่ อีกทั้งพฤติกรรมการทำงานที่แสดงความกระด้างกระเดื่อง หรือทำงานไปวันๆ แบบเช้าชามเย็นชามของคุณนั้น เชื่อเถิดว่าไม่รอดพ้นสายตานายไปได้ แล้วเป็นยังไง? เมื่อคุณไม่แฮปปี้ คุณก็ทำงานไม่ดี มีกิริยาท่าทางไม่ดี ซึ่งก็ทำให้นายคุณไม่แฮปปี้ และแน่นอนว่าเมื่อนายของคุณไม่แฮปปี้ มันย่อมส่งผลต่อการประเมินผลงานและรางวัลของคุณ นอกเหนือไปจากการมีชีวิตประจำวัน ที่มีนายมองคุณด้วยสายตาเย็นชาและมุ่งร้าย! ไม่สนุกเลยใช่ไหมที่เป็นอริกับเจ้านาย

ประการแรก : ทนไม่ได้ก็ไปเสีย

อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบกันดีว่า ไม่มีใครในโลกที่เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ ไปเสียทุกอย่าง นายของคุณและตัวคุณก็อยู่ภายใต้กฎข้อนี้ด้วย ดังนั้น คำแนะนำข้อแรกก็คือว่า ถ้ามันไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ และคุณมีทางเลือก ที่จะเปลี่ยนนาย ย้ายแผนก หรือเปลี่ยนบริษัทได้ ก็รีบจัดการเสีย แต่ถ้า โชคร้ายยังหาทางขยับขยายไม่ได้ ก็ให้อ่านคำแนะนำข้อต่อไป

ประการที่สอง : ถ้าต้องอยู่ก็ต้องเปลี่ยน "เลนส์" มองนาย

ถ้าคุณคิดว่านายของคุณนั้นเป็น "ยี้" หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าเป็น "Jerk" นั้น ตามหลักจิตวิทยาแล้ว เวลาเราไม่ชอบใคร เรามักจะเหมา ไปเลยว่าคนคนนั้นยี้ไปหมด ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ซึ่งไม่ถูกต้องเสมอไป หากคุณมองนายของคุณว่าแย่ไปเสียทุกอย่าง จะพูดจะจา จะก้าวเดิน คิดอ่านอะไรก็ฟังดูไม่เข้าท่า อยุติธรรมไปทั้งนั้น คุณอาจจะมองนายคุณ ผ่านเลนส์ที่มัวไปด้วยอคติ เป็นเลนส์ที่ประทับตรา "ยี้" ลงไปแล้วก็ได้ ในขณะเดียวกัน นายของคุณก็อาจจะมองคุณผ่านเลนส์ "ลูกน้องที่งี่เง่า ไม่ได้ความ" อยู่ ดังนั้น คุณทำอะไรๆ จึงไม่ถูกใจนายไปเสียหมดเช่นกัน และเมื่อคุณคิดว่าคุณต้อง "ทน" อยู่กับนาย นายของคุณก็คงกำลังคิดว่า ต้อง "ทน" อยู่กับลูกน้องเช่นคุณเหมือนกัน ยังไงยังงั้นเลย! แต่การที่จะ หวังให้นายเป็นคนเริ่มปรับเลนส์ในการมองคุณคงจะยาก ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะเขาเป็นนายน่ะสิ! ดังนั้น เริ่มที่ตัวของคุณเองน่าจะง่ายกว่าไหม? (แต่ตามหลักจิตวิทยาเขาว่าไว้ว่า มนุษย์เราล้วนคาดหวังให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งนั้น แต่ขอข้าพเจ้าเปลี่ยนเป็นรายสุดท้าย!)

ให้คุณพยายามมองนายคุณว่าเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อด้อย หลังจากนั้นให้พยายามมองลึกๆ เน้นลงไปที่ข้อดีของเขา ที่คุณอาจจะมีหนทางนำข้อดีเหล่านั้นมาสร้างประโยชน์ในการทำงานของคุณและนายได้ เช่น นายของคุณอาจเป็นคนจู้จี้จุกจิก เจ้าอารมณ์ ปากร้าย ใจแคบ แต่ข้อดีคือเป็นคนมีความรู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง ก็ให้คุณพยายามคิดว่าจะนำความรู้ของเขามาพัฒนาตัวคุณ งานของคุณ งานของเขา และงานของแผนกอย่างไร

ประการที่สาม : เข้าถ้ำเสือเพื่อสร้างสัมพันธภาพ

เมื่อได้แยกแยะหาข้อดีของนายที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคุณและของส่วนรวมแล้ว ก็ให้พยายามเริ่มสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับนาย จากที่คุณเคยพยายามหลบหน้าหลบตานาย กระด้างกระเดื่อง ก็ให้เริ่มไปขอคำแนะนำจากนายในเรื่องที่คุณคิดว่าเขาเก่งหรือถนัด ทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องไปประจบสอพลอนายจนเวอร์ หรือเอาของกำนัลไปให้ทำนองว่าไป "จิ้มก้อง" นาย นายฉลาดๆ เขาก็จะมองออกว่าคุณกำลังพยายามทำอะไรอยู่ เผลอๆ เลยระวังตัวมากไปกว่าเดิมเสียอีก ขอให้คุณใช้ท่าทีสุภาพอ่อนน้อมตามที่ลูกน้องพึงมีกับ ผู้บังคับบัญชา และเข้าไปขอคำแนะนำหรือนโยบายในเรื่องต่างๆ เช่น

n ทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งขึ้นเกี่ยวกับเป้าหมาย กลยุทธ์ของบริษัท หรือของส่วนงานที่นายคุณรับผิดชอบ โดยมีศิลปะอยู่ว่าอย่าเข้าไปถามนายแบบคนไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวนายเลยพานมองว่าคุณงี่เง่า ไม่เข้าท่าจริง แต่ให้เตรียมข้อมูลที่คุณศึกษามาบ้างแล้วและไปขอความกระจ่างเพิ่มเติม หากขอพบนายทีแรกล้มเหลว โดยนายไม่ยอมให้พบก็อย่าเพิ่งท้อใจ พยายามต่อไปอีกสัก 2–3 ครั้ง ก็น่าจะได้พบแล้ว นอกจากนี้ เวลาอยู่ในห้องประชุมกับนาย ก็พยายามตั้งอกตั้งใจฟัง จดโน้ตให้ดูว่าคุณเอาใจใส่ในงานและในคำพูด ของนาย

n ขอคำแนะนำจากนายว่า คุณจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลแก่หน่วยงานอย่างไร ในคราวแรกอาจเจอนายให้คำแนะนำ (แกมด่า) แรงๆ บ้าง ก็ให้วางเฉย รับคำแนะนำและขอบคุณ แล้วให้พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำให้นายเห็น จากนั้นไปรายงานผลให้นายทราบและขอคำแนะนำเพิ่มเติม คิดว่าภายในระยะเวลา 3-6 เดือน คุณน่าจะเริ่มมีสัมพันธภาพที่ดีขึ้นกับนายของคุณ

ประการที่สี่ : สงวนจุดต่าง ผสานจุดเหมือน

ในระหว่างที่คุณกำลังพัฒนาสัมพันธภาพกับนาย ให้ระวังคำพูดและ พยายามอย่าขัดแย้งกับนายในตอนแรกของการสนทนา พยายามทำตัวเป็น ผู้ฟังที่ดี ผู้มีประสบการณ์หลายท่านให้ข้อคิดไว้ว่า การพูดคุยกับเจ้านายหรือผู้ใหญ่นั้น หากจะให้ราบรื่นอย่าเพิ่งไปขัดคอ เสียแต่แรก ให้ฟังไปก่อน หากมีข้อโต้แย้งก็ให้ โต้แย้งอย่างนอบน้อม โดยอย่าใช้ประโยคว่า "ผมไม่เห็นด้วยกับที่ผู้จัดการพูด..." หรือ "ผมคิดว่าไม่ใช่มั้งครับ น่าจะเป็นอย่างนี้มากกว่า..." แต่ให้เริ่มต้นประโยคเป็นเชิงทำนองปรึกษาหารือ เช่น "แล้วถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ นายคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?" หรือ "เป็นไปได้ไหมครับว่าอาจจะมีทางเลือกอื่น เช่น..." หรือ "ไม่ทราบว่านายจะคิดอย่างไร หากมีคนเสนอความเห็นว่า..." ซึ่งประโยคเหล่านี้จะมีน้ำเสียงของความขัดแย้งน้อยลง โดยที่คุณเองยังสามารถแสดงความคิดเห็นและรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ได้แต่คอยเออออห่อหมกเป็นขุนพลอยพยักเพียง อย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องคอยดูจังหวะเวลาในการที่จะถามคำถาม เหล่านี้ให้ดีว่า นายอยู่ในอารมณ์ที่จะรับฟังความเห็นที่แตกต่างออกไปหรือไม่ ต้องอดทนหน่อย ในช่วงแรกๆ คุณคงต้องเป็นฝ่ายรับฟังก่อน จนนายค่อยๆ เปิดใจรับคุณ และเริ่มมองคุณในแง่ที่ดีขึ้นว่า คุณนั้นพยายามทำงานเพื่อสนับสนุนนายและแผนกอย่างแท้จริง ถึงเวลานั้นแล้วคุณก็จะค่อยๆ สามารถเสนอความเห็นต่างๆ ได้มากขึ้น

ประการที่ห้า : เสมอต้นเสมอปลายให้นายไว้ใจ

เรื่องของการสร้างสัมพันธภาพจนเกิดความสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจต้อง อาศัยเวลา คุณต้องอดทน รักษาความสุภาพ ขยันขันแข็ง และพิสูจน์ให้ นายเห็นว่าคุณตั้งใจทำงานในหน้าที่อย่างดีที่สุดในฐานะเป็นลูกน้องของ นาย และผลงานของคุณจะสามารถสนับสนุนให้ผลงานของนายและ แผนกงานที่นายรับผิดชอบบรรลุเป้าหมายได้ ความเสมอต้นเสมอปลาย ของคุณจะสามารถโน้มน้าวจิตใจของนายให้เห็นในความตั้งใจดีของคุณเอง โอ้...ในที่สุด สวรรค์ เอ๊ย! นายก็มีตา...

ประการที่หก : อย่าประมาท เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้

คำแนะนำทั้งหลายทั้งปวงนั้นย่อมมีข้อยกเว้นกันทั้งสิ้น เช่นเดียวกัน กับบทความนี้ หากนายของคุณเป็นคนใจร้าย ใจดำ อยุติธรรม เอาหน้า หาความดีไม่มีจริงๆ แล้ว และคุณต้องทนอยู่กับนาย ขอให้คุณเก็บหลักฐาน เอกสาร บันทึกคำสั่งงาน การอนุมัติงบประมาณทั้งหลาย จดหมายโต้ตอบ ฯลฯ ที่แสดงว่านายของคุณปฏิบัติต่อคุณไม่ถูกต้อง หรือผิดระเบียบเอาไว้ให้ดี แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คุณขโมยเก็บเอกสาร หรือถ่ายเอกสาร ที่คุณไม่มีสิทธิจะอ่านหรือมีไว้ในครอบครองนะ แต่ให้เก็บหลักฐานที่นายพูด หรือปฏิบัติต่อคุณอย่างไม่ถูกต้องสมควรไว้ เพราะหลักฐานต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ในการปกป้องตัวคุณเอง และยังอาจสามารถใช้เขี่ยนายยี้ ให้พ้นจากวงจรชีวิตของคุณและเพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย

แล้วใครจะว่าโลกนี้เป็นของนายคนเดียว...ไม่จริงหรอก!

 

ที่มา : jobjob.co.th

อัพเดทล่าสุด