สร้างมิตร พิชิตความเหงาในออฟฟิศ
Marie Claire - เพราะการมีชีวิตอยู่ในที่ทำงานกินเวลามากถึง 1 ใน 3 ของวัน หรือบางทีอาจมากกว่าด้วยซ้ำ แล้วถ้าหากคุณต้องทำงานอย่างโดดเดี่ยว ไร้เพื่อนสนิทคอยพูดคุยให้กำลังใจยามท้อแท้ เบื่อหน่าย หรือถูกเจ้านายดุ คุณจะรู้สึกอย่างไร |
เพื่อนเปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนพฤติกรรมของคุณว่าเป็นอย่างไร เคยนึกสงสัยไหมว่าทำไมเพื่อนในที่ทำงานถึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าคุณ ทำไมจำนวนเพื่อนคุณถึงได้ลดน้อยลงไปทุกวัน หรือทำไมยายคนแผนกนั้นถึงเป็นที่รักมากมายทั้งที่เจ้าหล่อนก็หน้าตาแสนธรรมดา แต่งตัวก็งั้นๆ แต่คุณอย่าลืมว่าเธอผู้นั้นอาจจะมีในสิ่งที่คุณไม่มีหรือมองข้ามไปก็ได้ หากคุณเป็นคนที่เงียบเฉยหยิ่งไม่สนใจใคร คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกนี้แล้วละก็ ขอบอกว่าอันตรายมากเพราะนั่นแสดงว่าความหายนะกำลังมาเยือน ถ้าคุณยังอยากมีเพื่อนและอยากได้รับความรักและความเอื้ออาทรจากคนรอบข้างอยู่ละก็ลองมองดูวิธีเหล่านี้ - ยิ้มให้กันไว้ การยิ้มถือได้ว่าเป็นอวัจนภาษาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างหนึ่งในการที่จะทลายกำแพงแห่งความเหินห่างระหว่างกัน เพราะคงไม่มีใครอยากคุยกับคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหรือหน้าตาบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่คุณก็ยิ้มให้ใครสักคน คุณอาจจะได้เพื่อนขึ้นมา เพราะการยิ้มถือเป็นการทักทาย และบางครั้งยังมีพลังมากกว่าคำพูดเสียอีก
- กล้าที่จะเป็นฝ่ายทักทายก่อน บางครั้งเพื่อนใหม่ของคุณอาจจะไม่กล้าคุยกับใครเพราะเขินอาย หรือยังใหม่และปรับตัวไม่ได้กับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยการที่คุณเข้าไปพูดคุย ไถ่ถาม และแสดงความจริงใจ อาจเริ่มง่ายๆ ด้วยการชวนไปกินข้างกลางวันนั่นเท่ากับเป็นการช่วยบรรเทาความเหงาและน่าเบื่อให้คนมาใหม่ได้แล้วแน่นอนว่าเขาจะจดจำคุณได้ไม่ลืมทีเดียว
- เรียนรู้ถึงความชอบไม่ชอบของเขา การที่คนเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ คือต้องมีการเปิดใจและเปิดเผยถึงสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบให้อีกฝ่ายรับรู้ คุณต้องหัดสังเกต และจดจำกิจวัตรประจำวันของเพื่อน เช่น เขาชอบอ่านอะไร ชอบไปเที่ยวที่ไหน หรือเป็นคนตรงต่อเวลา ชอบคนซื่อสัตย์ แชร์ค่าอาหารกันไหม สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะช่วยทำให้คุณรู้จักเขามากขึ้น และพร้อมจะปรับตัวให้คบหากันได้ยาวนานขึ้น
- รับฟังและเป็นที่ปรึกษาในยามยาก ทุกคนต้องมีวันที่เลวร้ายในชีวิตทั้งนั้น เมื่อเห็นเพื่อนมีปัญหาแล้วแก้ไขไม่ได้ คุณจงรับฟังเขาไว้ให้มากที่สุด แต่อย่าตกไปในบ่วงปัญหากับเขาจนไม่สามารถช่วยเหลือได้และในที่สุดก็จมน้ำตายทั้งคู่ แต่คุณต้องอยู่เหนือปัญหาเพื่อที่จะมองหาวิธีการแก้ไขได้อย่างยุติธรรม ตั้งสติ มีความอดทน และแนะนำด้วยความอ่อนโยนและสุภาพ
- จงเป็นความหวังให้เขาด้วยการให้กำลังใจ คุณต้องเข้มแข็งและยืนหยัดยามเมื่อเพื่อนกำลังท้อแท้ สิ้นหวัง หากเห็นว่าเขาร้องไห้หรือพูดระบายไม่หยุดปากก็จงปล่อยให้เขาได้ทำสิ่งที่ต้องการสักพัก อย่าได้โจมตีหรือดุด่าว่ากล่าว เพียงแต่จับมือเขาและปลอบโยนเขาด้วยความรัก หากไม่กล้าพูดก็แคส่งผ้าเช็ดน้ำซับน้ำตาก็ยังดี หรือส่งการ์ดพร้อมถ้อยคำให้กำลังใจสักใบวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขา หรือหากกล้าหน่อยก็อาจจะร้องเพลงให้เขาฟัง ส่งอีเมลน่ารักที่เต็มไปด้วยข้อคิดดีๆ ให้ รับรองว่าอีกไม่นานเพื่อนคุณจะกลับมาสดใสร่าเริงเช่นเดิม
- ยอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น แน่นอนทุกคนย่อมมีข้อบกพร่อง หรืออดีตที่เป็นด้านมืดในชีวิต แต่เมื่อใดที่คุณตัดสินใจจะคบกับเขาเป็นเพื่อนก็ควรจะยอมรับในข้อบกพร่องของเขาด้วยถ้าหากไม่เลวร้ายหรือทำให้คุณเดือดร้อน อย่าไปตอกย้ำปมด้อยที่ทำให้เขาได้อายหรือขาดความมั่นใจเด็ดขาด
- เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ การที่จะคบกันได้อย่างยาวนานนั้น การให้อภัยกันเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเวลาคนเราโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่การพูดจาทำร้ายจิตใจกันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดายมากกว่าจะใช้คำพูดดีๆ คุยกันอย่างมีสติ ต่างคนต่างไม่ยอมและยึดศักดิ์ศรีไม่ง้องอนกันและกัน แต่ถ้าหยุดคิดแล้วลองใคร่ครวญทบทวนถึงสิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นเรื่องดีๆ ที่เพื่อนทำให้เรา เราย่อมมองเห็นสิ่งดีของเขามากกว่าสิ่งไม่ดีแน่นอน และเมื่อนั้นการที่คุณจะเป็นฝ่ายง้องอนคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป * เวนส์เดย์เกิร์ล
ที่มา : Bangkokpost.co.th
|