8 วิธีทำใจให้ “รัก” งานน่าเบื่อ


653 ผู้ชม


8 วิธีทำใจให้ “รัก” งานน่าเบื่อ




“หากไม่ได้ในสิ่งที่รัก จงรักในสิ่งที่มี” ..คำกล่าวนี้ใช้ได้กับทุกสิ่งรวมถึงงานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ด้วย นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณทนกับงานที่ไม่ชอบไปวัน ๆ แต่เราจะแนะนำวิธีการที่จะทำให้คุณอยู่กับสิ่งที่ “คิดว่า” ไม่ชอบ ได้อย่างมีความสุขที่สุด พร้อม ๆ กับเตรียมตัวเองให้พร้อมก้าวไปสู่งานในฝันของคุณได้ดีที่สุดต่างหาก
มาดูกันว่ามีหนทางอะไรที่คุณจะทำได้บ้าง
1..จากที่เคยหมกมุ่นอยู่กับ “สิ่งที่ทำ” ให้เบนความสนใจไปที่ “วิธี” การทำงานแทน
พวกเราส่วนใหญ่มักคิดว่าความพอใจในอาชีพการงานนั้น มาจากการที่เราสามารถหางานดี ๆ ได้ แต่จริง ๆ แล้ว การคิดแบบนี้เป็นแค่การคาดหวังเท่านั้น เหมือนอย่างที่โบราณท่านว่า..ยังไม่เห็นน้ำก็รีบตัดกระบอก ยังไม่เห็นกระรอกก็รีบโก่งหน้าไม้นั่นแหละ
ในความเป็นจริง ก่อนที่คุณจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก คุณต้องทำตัวเองให้เหมาะกับงานนั้นเสียก่อน ลองหลับตานึกภาพตัวเองกับงานในฝันดูซิว่าตัวคุณควรเป็นอย่างไร ....มีแรงบันดาลใจ, ความอดทนในงาน, เก่งการจัดการ หรือว่าต้องมีความมั่นใจ
สิ่งเหล่านี้เองที่คุณต้องเริ่มจัดการตั้งแต่ตอนนี้ จัดการให้ตัวเองเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานที่คุณอยากทำ แล้วค่อยคิดถึงการลาออกไปงานที่น่าเบื่อไปสู่อาชีพในฝัน
2. หาที่ปรึกษา
มีบ้างไหม ใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าน่าเคารพ และมีวิธีการทำงานน่าสนใจ น่าเข้าไปเรียนรู้งานด้วยเหลือเกินการที่คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ และมีความสุขในการทำงาน นั่นหมายถึงว่าเขาต้องมี “วิธี” การคิด และจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ดี ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับคุณได้ และยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถที่จะเป็นผู้ช่วยในการแนะนำและช่วยชี้หนทางที่จะไปสู่เป้าหมายของคุณได้ด้วย แม้ว่างานที่เขาทำอาจไม่ได้เหมือนหรือเกี่ยวข้องกับงานในฝันของคุณเสียทีเดียว
...ความสำคัญอยู่ตรงวิธีการทำงานของเขาต่างหากที่คุณควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง
3. แมท (Match) ความสามารถที่มีกับงานที่ทำอยู่เข้าด้วยกันให้ได้
คนเบื่องานหลายคนบอกว่า สาเหตุที่เบื่องานเหลือเกินก็เพราะมองว่าตัวเองไม่ได้ใช้ความสามารถที่มีในงานที่ทำอยู่ หากคุณคิดว่าตัวเองอยู่ในข่ายนี้ ลองมาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง ก่อนอื่น คุณต้องหาให้ได้ก่อนว่าตัวคุณน่ะมีจุดดีจุดเด่นตรงไหนบ้าง แล้วค่อยมองไปถึงคุณสมบัติของคนที่บริษัทของคุณต้องการอยู่ในตอนนี้ หรืออาจจะมองล่วงหน้าไปถึงแนวโน้มในอนาคตด้วย เพราะนั่นจะทำให้คุณสามารถเข้าร่วมชิงชัยงานดี ๆ ในสนามแข่งได้ (หากว่ามันจะมีขึ้นมา)
เท่านี้ยังไม่พอ คุณต้องแสดงให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจได้เห็นคุณสมบัติที่ดี ๆ ของคุณด้วย ตรงนี้อาจต้องคิดถึงวิธีนำแสนอที่สร้างสรรค์ และพยายามมากสักหน่อย แต่ขอบอกว่าผลที่ได้รับกลับมานั้นคุ้มแน่นอน เพราะมันหมายถึงว่าคุณจะได้ทำงานในตำแหน่งที่ตรงกับความสามารถของตัวเอง แถมยังเหมาะเหม็งกับงานของบริษัทเสียด้วย... เรียกว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัวเชียวละ
4. หาข้อบกพร่องของตัว แล้วแก้ไขซะ
ปฎิบัติการ “Job Improvement” จะราบรื่นขึ้น หากคุณยอมรับว่าคุณอาจไม่ใช่พนักงานที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม แต่ใครเล่าจะดีไปหมดทุกอย่าง
ที่สำคัญ..อย่าเสียเวลาโทษคนอื่นอยู่เลย มาดูซิว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอะไร โดยเริ่มจากสิ่งที่คุณน่าจะแก้ไขได้ และจะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นก่อน เช่น ปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน, เปลี่ยนตัวเองจากคนที่เคยเข้าประชุมสายให้เป็นคนที่ไปถึงก่อนคนอื่น ฯลฯ
ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้านายเข้าขั้นวิกฤติ มาดูกันซิว่าคุณเป็นคนที่ทำให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลงไปบ้างหรือเปล่า เช่น เวลาที่เจ้านายเกิดกังวลเรื่องงานที่คุณ
8 วิธีทำใจให้ “รัก” งานน่าเบื่อ
“หากไม่ได้ในสิ่งที่รัก จงรักในสิ่งที่มี” ..คำกล่าวนี้ใช้ได้กับทุกสิ่งรวมถึงงานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ด้วย นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณทนกับงานที่ไม่ชอบไปวัน ๆ แต่เราจะแนะนำวิธีการที่จะทำให้คุณอยู่กับสิ่งที่ “คิดว่า” ไม่ชอบ ได้อย่างมีความสุขที่สุด พร้อม ๆ กับเตรียมตัวเองให้พร้อมก้าวไปสู่งานในฝันของคุณได้ดีที่สุดต่างหาก
มาดูกันว่ามีหนทางอะไรที่คุณจะทำได้บ้าง
1..จากที่เคยหมกมุ่นอยู่กับ “สิ่งที่ทำ” ให้เบนความสนใจไปที่ “วิธี” การทำงานแทน
พวกเราส่วนใหญ่มักคิดว่าความพอใจในอาชีพการงานนั้น มาจากการที่เราสามารถหางานดี ๆ ได้ แต่จริง ๆ แล้ว การคิดแบบนี้เป็นแค่การคาดหวังเท่านั้น เหมือนอย่างที่โบราณท่านว่า..ยังไม่เห็นน้ำก็รีบตัดกระบอก ยังไม่เห็นกระรอกก็รีบโก่งหน้าไม้นั่นแหละ
ในความเป็นจริง ก่อนที่คุณจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก คุณต้องทำตัวเองให้เหมาะกับงานนั้นเสียก่อน ลองหลับตานึกภาพตัวเองกับงานในฝันดูซิว่าตัวคุณควรเป็นอย่างไร ....มีแรงบันดาลใจ, ความอดทนในงาน, เก่งการจัดการ หรือว่าต้องมีความมั่นใจ
สิ่งเหล่านี้เองที่คุณต้องเริ่มจัดการตั้งแต่ตอนนี้ จัดการให้ตัวเองเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานที่คุณอยากทำ แล้วค่อยคิดถึงการลาออกไปงานที่น่าเบื่อไปสู่อาชีพในฝัน
2. หาที่ปรึกษา
มีบ้างไหม ใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าน่าเคารพ และมีวิธีการทำงานน่าสนใจ น่าเข้าไปเรียนรู้งานด้วยเหลือเกินการที่คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ และมีความสุขในการทำงาน นั่นหมายถึงว่าเขาต้องมี “วิธี” การคิด และจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ดี ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับคุณได้ และยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถที่จะเป็นผู้ช่วยในการแนะนำและช่วยชี้หนทางที่จะไปสู่เป้าหมายของคุณได้ด้วย แม้ว่างานที่เขาทำอาจไม่ได้เหมือนหรือเกี่ยวข้องกับงานในฝันของคุณเสียทีเดียว
...ความสำคัญอยู่ตรงวิธีการทำงานของเขาต่างหากที่คุณควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง
3. แมท (Match) ความสามารถที่มีกับงานที่ทำอยู่เข้าด้วยกันให้ได้
คนเบื่องานหลายคนบอกว่า สาเหตุที่เบื่องานเหลือเกินก็เพราะมองว่าตัวเองไม่ได้ใช้ความสามารถที่มีในงานที่ทำอยู่ หากคุณคิดว่าตัวเองอยู่ในข่ายนี้ ลองมาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง ก่อนอื่น คุณต้องหาให้ได้ก่อนว่าตัวคุณน่ะมีจุดดีจุดเด่นตรงไหนบ้าง แล้วค่อยมองไปถึงคุณสมบัติของคนที่บริษัทของคุณต้องการอยู่ในตอนนี้ หรืออาจจะมองล่วงหน้าไปถึงแนวโน้มในอนาคตด้วย เพราะนั่นจะทำให้คุณสามารถเข้าร่วมชิงชัยงานดี ๆ ในสนามแข่งได้ (หากว่ามันจะมีขึ้นมา)
เท่านี้ยังไม่พอ คุณต้องแสดงให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจได้เห็นคุณสมบัติที่ดี ๆ ของคุณด้วย ตรงนี้อาจต้องคิดถึงวิธีนำแสนอที่สร้างสรรค์ และพยายามมากสักหน่อย แต่ขอบอกว่าผลที่ได้รับกลับมานั้นคุ้มแน่นอน เพราะมันหมายถึงว่าคุณจะได้ทำงานในตำแหน่งที่ตรงกับความสามารถของตัวเอง แถมยังเหมาะเหม็งกับงานของบริษัทเสียด้วย... เรียกว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัวเชียวละ
4. หาข้อบกพร่องของตัว แล้วแก้ไขซะ
ปฎิบัติการ “Job Improvement” จะราบรื่นขึ้น หากคุณยอมรับว่าคุณอาจไม่ใช่พนักงานที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม แต่ใครเล่าจะดีไปหมดทุกอย่าง
ที่สำคัญ..อย่าเสียเวลาโทษคนอื่นอยู่เลย มาดูซิว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอะไร โดยเริ่มจากสิ่งที่คุณน่าจะแก้ไขได้ และจะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นก่อน เช่น ปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน, เปลี่ยนตัวเองจากคนที่เคยเข้าประชุมสายให้เป็นคนที่ไปถึงก่อนคนอื่น ฯลฯ
ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้านายเข้าขั้นวิกฤติ มาดูกันซิว่าคุณเป็นคนที่ทำให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลงไปบ้างหรือเปล่า เช่น เวลาที่เจ้านายเกิดกังวลเรื่องงานที่คุณทำ คุณตอบสนองเขาแบบไหน, คุณคอยรายงานความคืบหน้าของงานให้เขารับรู้บ้างไหม ฯลฯ
5. ป่าวประกาศความดีของตัวเองเสียบ้าง
เหตุผลหลักข้อหนึ่งที่มักทำให้คนเราเบื่องาน คือ การที่ทำความดีแล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีคนให้ความสำคัญ แต่ในหลาย ๆ สถานการณ์ หากคุณไม่บอกใคร ๆ ว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะคุณ คงยากที่จะให้ใครมองเห็นได้เอง
การทำแบบนี้จะว่าไปก็เป็นเรื่องยากพอดู แต่เกจิทั้งหลายกล่าวตรงกันว่า “คนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่ไม่ได้นั่งเฉย ๆ รอให้ใครสักคนสังเกตเห็นงานชิ้นเยี่ยมที่เขาทำลงไป”
6. หาประโยชน์จากการอบรมสัมนาฟรี
หลาย ๆ บริษัทมักมีการจัดอบรมสัมนาให้พนักงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ หรือการบริหารจัดการ แม้ว่าทักษะที่ว่าอาจยังไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องใช้ในการทำงานปัจจุบัน แต่รู้ไว้เถิดว่ามันช่วยให้คุณเหมาะกับตลาดงานที่วาดหวังไว้ในอนาคตมากยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งโอกาสไปเฉย ๆ แม้ว่างานอบรมบางงานอาจไม่ได้จัดให้หน่วยงานของคุณโดยตรง คุณก็สามารถเสนอตัวขอเข้าอบรมได้ มันอาจทำให้คุณรู้ว่าเจ้านายของคุณรู้สึกดีกับคุณมากขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าคุณน่ะสนใจสนใจการอบรมที่เขาจัดขึ้น
..อย่างน้อย ๆ ก็ได้คะแนนนิยมในแง่ที่เป็นพนักงานที่ใส่ใจขวนขวายหาความรู้ แถมยังได้พัฒนาตัวเองฟรี ๆ อีกด้วย..งานแบบนี้มีแต่ได้กับได้
7. หัดร้องขอ บอกความต้องการของตัวเองเสียบ้าง
การพูดเพื่อร้องขออะไรให้ตัวเองอาจเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการให้ได้มาในสิ่งที่คุณต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือวิธีการที่ได้ผลจริง ๆ ในหลาย ๆ สถานการณ์เสียด้วย เพราะบางครั้งมันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเจ้านายไม่อยากให้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เป็นเพราะเขายุ่งเกินกว่าจะมาคิดถึงสิ่งเหล่านี้
การบอกจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ..สำคัญอยู่ที่คุณต้องหาวิธีพูดให้เขารู้สึกดี ไม่ใช่พูดจาเหมือนกับว่าเจ้านายปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจคุณ ดีไม่ดีจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเสียเปล่า ๆ
8. คิดโปรเจคของตัวเอง
สำหรับคนที่รู้สึกเบื่อสุด ๆ กับงานตรงหน้า การคิดหาโปรเจคส่วนตัวจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้คุณควบคุมความรู้สึกที่รู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ เกี่ยวกับงานของตัวเองได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จัดกิจกรรมอาสาสมัครขึ้นในหน่วยงาน, จัดกลุ่มเรียนภาษาจีน หรืออะไรก็ได้ที่คุณสนใจ
กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเบี่ยงเบนความคิดของคุณจากงานน่าเบื่อตรงหน้า และทำให้คุณรู้สึกกระตือรือล้นขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ..ขอบอก
หากคุณลองทำตามข้อแนะนำทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว แต่ยังรู้สึกว่าเช้าวันจันทร์ยังเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดละก็ อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มร่อนใบสมัครงานใหม่อีกครั้ง
แต่อย่างน้อย ๆ คุณก็ยังสามารถที่จะรู้สึกดีกับความจริงที่ว่าคุณได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ก่อนที่จะเดินจากมา และที่รู้ ๆ การที่ได้พยายามพัฒนาปรับปรุงตัวเองในด้านต่าง ๆ ตลอดเวลาที่อยู่ในสายงายเดิม ..มันจะช่วยให้คุณเตรียมตัวพร้อมกับการก้าวไปสู่ตลาดการจ้างงานใหม่ได้อย่างเต็มภาคภูมิทีเดียว
โดย JOBROADS

อัพเดทล่าสุด