ข้อมูลเท็จใน Resume
เรามักจะพบว่า ใน Resume ที่คนสมัครงานส่งเข้ามาให้ HR พิจารณานั้น มีจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ปรากฎว่ามีความเท็จปรากฏอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความเท็จเกี่ยวกับเรื่องของประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องของสุขภาพ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย และยังจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะจากคนที่สมัครงานในตำแหน่งระดับผู้บริหารที่มองดูเหมือนว่ามีศักยภาพสูง มากพอๆกับคนที่เพิ่งจะเรียนจบเลยทีเดียว
Resume ที่มีข้อมูลอันเป็นเท็จส่วนใหญ่มักจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา หรือวันเวลาและตำแหน่งงานที่เคยทำงานในประวัติการทำงาน คนจำนวนไม่น้อยพยายามจะเติมช่องว่างของระยะเวลาที่ว่างงานในประวัติการทำงานด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย เพราะการว่างงานนั้นอาจะเกิดจากการที่บริษัทเดิมจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน หรือประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายเลยสักนิด หรือแม้กระทั่งการที่ต้องว่างเว้นจากการทำงานด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเรื่องภายในครอบครัว เพราะทุกคนย่อมมีความจำเป็นในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งหลายๆกรณีก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจด้วยซ้ำไป
การที่คนหางานบางคนยังเรียนไม่จบหรือยังไม่ได้คุณวุฒิจากใบประกาศอะไรที่สูงกว่าที่เขามีอยู่สำหรับตำแหน่งงานที่เขาสมัคร ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเสกสรรปั้นแต่งข้อความอันเป็นเท็จใดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แม้ว่าสิ่งที่เป็นความจริงในส่วนนี้อาจทำให้คุณดูเสียเครดิตไปบ้างสำหรับตำแหน่งงานที่คุณกำลังเสนอตัวให้พิจารณาก็ตาม แต่คุณก็ควรจะบอกให้ทราบว่า คุณจะเรียนจบเมื่อไหร่ หรือมีแผนการว่าจะทำให้ได้คุณวุฒินั้นให้ได้เมื่อไร
สำหรับบางคนที่ใส่ตำแหน่งงานที่ตนเองไม่เคยเป็นไว้ใน Resume แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว งานที่คุณเคยทำหรือความรับผิดชอบที่คุณเคยมีนั้นอาจจะมากมายหรือน่าจะเป็นตำแหน่งอะไรที่มันใหญ่โตมากกว่าที่คุณเป็นก็ตาม การที่คุณเคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแต่มีความรับผิดชอบและทำงานมากมายเหมือนกับว่าเป็นผู้จัดการมาก่อน คุณก็ไม่ควรจะใส่ใน Resume ว่าคุณเคยเป็นผู้จัดการ ทั้งที่คุณไม่ได้เป็น คุณควรจะใส่สิ่งที่เป็นความจริง และพยายามเน้นให้เห็นถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของคุณให้เขาได้เห็นความเป็นจริงในชีวิตการทำงานของคุณว่า คุณปฏิบัติงานเช่นเดียวกับผู้จัดการ
สำหรับการใส่ข้อมูลอันเป็นเท็จใน Resume นั้น สำหรับคนหางานแล้ว อาจเห็นว่า จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดในตลาดแรงงาน แต่สำหรับ HR เก่งๆก็สามารถกะเทาะเอาความเป็นจริงที่ต่างไปจากข้อมูลที่ให้ไว้ใน Resume ได้ไม่ยาก แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลเท็จเหล่านั้นก็สามารถผ่านพ้นจากการค้นหานั้นมาได้ ทั้งนี้ HR หรือผู้บริหารที่ต้องทำหน้าที่เป็นคนสัมภาษณ์งานจึงควรจะมีทักษะในการสัมภาษณ์งานชนิดเจาะลึกเพื่อค้นหาความจริง และสามารถตัดสินใจจ้างคนที่ดีและเหมาะสมที่สุดมาให้แก่องค์กรได้
คนหางานบางคนก็ใช้วิธีการที่แม้ว่าจะไม่ได้ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเสียทีเดียว แต่ก็ใช้วิธีการเอาตัวรอดด้วยวิธีการที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย เพื่อให้รอดพ้นจากความผิดได้ หากความจริงปรากฏขึ้นในภายหลัง เช่น การที่เขาเคยเรียนในมหาวิทยาลัย แต่เรียนไม่จบอาจเป็นเพราะถูกรีไทร์ออกมาเสียก่อน หรือด้วยเหตุจำเป็นใดๆก็ตาม เมื่อเขาเขียนถึงประวัติการศึกษา เขาก็หลีกเลี่ยงด้วยการใส่ชื่อสถานศึกษาและสาขาวิชาที่เขาเคยเรียนไว้ โดยไม่ใส่ปีที่เขาเข้าเรียนหรือเรียนจบ เพื่อทำให้ HR หรือบริษัทเข้าใจผิด และเมื่อตรวจพบในภายหลัง เขาก็จะสามารถเอาตัวรอดให้พ้นผิดได้ว่า ได้เคยเรียนในสถานศึกษาและสาขาวิชานั้น แต่ไม่ได้คุณวุฒิอะไร
คนหางานที่ปั้นแต่งเรื่องเท็จใส่เข้าไปใน Resume อาจจะเป็นเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน และโอกาสที่จะถูกจับเท็จได้นั้นก็ไม่มากนัก แต่ปัจจุบัน HR ได้หันมาให้ความสนใจและให้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัครงานที่เขาสนใจมากขึ้น เพราะยอมเสียเวลาตั้งแต่ต้นดีกว่าต้องเสียหายเพราะจ้างคนผิด โดยเฉพาะคนที่นอกจากจะให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแล้ว เขายังขยับขยายไปถึงการทำเอกสารปลอมที่เป็นเท็จด้วย ช่างเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงเหลือเกินที่องค์กรจะได้คนเช่นนี้มาร่วมงาน เพราะเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เมื่อเขามาร่วมงานกับเราแล้ว เขาจะไม่ใจกล้าในการที่จะทำสิ่งเลวร้ายมากไปกว่านี้ ส่วนคนหางานที่เลือดเข้าตาถึงขนาดทำเช่นนั้นและสามารถผ่านด่าน HR เข้าไปได้ ชนักติดหลังที่ต้องคอยหวาดผวาว่าความลับจะแตก คงทำให้หาความสุขในชีวิตทำงานได้อย่างแท้จริงได้ยาก เพราะการทำเอกสารเท็จนั้นเป็นเรื่องของความผิดอาญาที่ทำให้ชีวิตต้องผันแปรไปอย่างแน่นอน
ที่มา : สมาชิกเว็บไซต์