การให้ส่วนแบ่งรายได้แบบ Improshare
Improshare เป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ส่วนแบ่งรายได้ให้แก่พนักงาน การจ่ายผลตอบแทนด้วยรูปแบบเช่นนี้ จะอยู่บนปัจจัยพื้นฐานซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ปฏิบัติงานโดยตรง ได้แก่ ผลประกอบการที่ดีขึ้นเนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น หรือค่าเสียหายต่างๆอันเนื่องจากต้นทุนด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายและค่าจ้างลดลง
การให้ส่วนแบ่งรายได้แบบ Improshare นี้จะเป็นการใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ในการคำนวณเปรียบเทียบระหว่างพื้นฐานการผลิตมาตรฐานกับความสามารถในการผลิตที่ทำได้จริงตามช่วงระยะเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้ เมื่อประสิทธิภาพในการผลิตในช่วงเวลาดังกล่าวสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะนำส่วนต่างที่ทำได้มากกว่ามาคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์จ่ายให้แก่พนักงาน ทั้งนี้ แผนการแบ่งรายได้วิธีนี้จะไม่ส่งผลเสียต่อบริษัท เนื่องจากจะดำเนินการด้วยวิธีนี้ได้ก็ต่อเมื่อรายได้ของบริษัทบรรลุตามเกณฑ์ที่วางเอาไว้แล้วเท่านั้น
รูปแบบนี้นับเป็นรูปแบบของการแบ่งผลประโยชน์ที่สามารถทำความเข้าใจและจัดตั้งได้ง่ายที่สุด เพราะเป็นรูปแบบของการแบ่งรายได้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานด้านวิศวอุตสาหการ โดยใช้ข้อมูลการผลิตในอดีตมาเป็นตัวกำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติ
การใช้แผน Improshare ในระยะเริ่มแรก เป็นเพียงแค่การคำนวณโดยนำเอาต้นทุนค่าแรงงานและเวลามาตรฐานที่ใช้ในการผลิตในอดีตมากำหนดเกณฑ์ในการวัดผลผลิต ความแตกต่างระหว่างเวลาที่ใช้ในการผลิตตามจำนวนที่กำหนดของผลผลิตที่ผลิตได้ในอดีต เปรียบเทียบกับเวลาที่ใช้ในการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตในจำนวนเดียวกันในปัจจุบัน ผลของความแตกต่างที่ได้จะใช้เป็นฐานในการคำนวณสูตรโบนัส
ฐานที่ใช้ในการคำนวณ
ฐานที่ถูกจะนำมาใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการคำนวณเพื่อให้เกิดการปรับปรุงให้ดีขึ้น ในองค์กรต่างๆจะใช้ทั้งแบบถาวร แบบปรับเปลี่ยนไปมาได้ หรือหมุนเวียนกันไป หรือแบบมีการตั้งเป้าเป็นฐาน
ฐานแบบถาวรจะมีอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงระยะเวลาของแผน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานเพราะโบนัสของเขาจะเป็นผลสะท้อนของการปรับปรุงที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
ฐานแบบปรับเปลี่ยนไปมาจะมีการปรับเปลี่ยนบนฐานที่กำหนดขึ้นเป็นช่วงๆ โดยจะขึ้นอยู่กับระดับของผลการปฏิบัติงานที่ได้มีการวัดผลไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา การนำแผนแบบปรับเปลี่ยนไปมาใช้จะมีปัญหาในการรักษาระดับของโบนัส เพราะพนักงานต้องทำให้เกิดการปรับปรุงใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
โบนัสของพนักงาน
เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ประหยัดได้จะถูกแบ่งให้กับพนักงานแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับแผนของการแบ่งส่วนแบ่งรายได้ที่จะนำมาใช้ โดยทั่วไปสถานประกอบการที่วัดเพียงประสิทธิภาพในการผลิตของพนักงานมักจะแบ่งเงินที่ประหยัดได้นี้กับพนักงานในเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุด
แต่เดิม แผนการแบ่งรายได้แบบ Scanlon จะแบ่งผลประโยชน์แก่พนักงานถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่แผนแบบ Improshare แบ่งให้ 50 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่แผนแบบ Rucker นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการแบ่งโบนัส ฝ่ายจัดการจะพิจารณาถึงเงินทุนของธุรกิจความถี่ของการเปลี่ยนแปลง และจะคาดหมายถึงผลกระทบจากการจูงใจ อุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยเงินลงทุนมากมักจะจ่ายส่วนแบ่งให้แก่พนักงานนัอย แผนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย การที่พนักงานจะได้รับโบนัสจะต้องมีประสิทธิภาพการผลิตในจำนวนที่มากกว่า
แผนส่วนใหญ่ องค์กรจะจ่ายเงินโบนัสให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน รายปักษ์ หรือรายปี องค์กรส่วนใหญ่จะให้รางวัลแก่พนักงานเป็นรายเดือน การที่จะพิจารณาให้การจ่ายมีความถี่มากขึ้น จะต้องพิจารณาถึงข้อมูลที่จะนำมาใช้ ความตั้งใจที่ต้องการจะจูงใจ ค่าใช้จ่ายในการบริหารและสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน (สภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนที่จะเป็นสาเหตุทำให้การพิจารณาจ่ายเงินโบนัสต้องเปลี่ยนแปลงไป)
ฐานแบบหมุนเวียนนั้น จะคำนวณโดยคิดจากค่าเฉลี่ยของผลการปฏิบัติงานในช่วงเวลาต่างๆที่ได้กำหนดไว้ โดยปกติช่วงเวลาจะมีการปรับเปลี่ยนจาก 4 ถึง 6 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัทจะใช้ค่าเฉลี่ยของช่วง 4 สัปดาห์ โดยเริ่มจากสัปดาห์แรกของเดือนทีสอง ถ้าสัปดาห์แรกของเดือนผลงานต่ำลง ฐานที่จะนำมาเป็นเป้าหมายจะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อไม่มีไม่มีฐานอื่นที่จะนำมาใช้ได้แล้ว ซึ่งกรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกระบวนการการทำงาน ซึ่งจะทำให้ฐานที่มีอยู่ใช้การไม่ได้
ที่มา : สมาชิกเว็บไซต์