เอาตัวรอดกับการสัมภาษณ์งานสุดป่วน!!
เงียบเป็นป่าช้า
เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำไปว่าจะถามอะไรคุณดี เอาแต่พลิกเรซูเม่ของคุณไปมา แล้วก็ถามคำถามพื้นๆ ที่คุณก็เขียนไว้แล้วในเรซูเม่และไม่ว่าจะอะไรออกไปเขาก็ยังคงเงียบเป็นเป่าสากเหมือนเดิม อย่างนี้คุณต้องหาทางช่วยผู้สัมภาษณ์ของคุณแล้วล่ะ ทำลายความเงียบด้วยประโยคง่ายๆ เช่น ดิฉันขออนุญาตเล่าถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของดิฉันสักหน่อยนะคะ แล้วก็มุ่งเข้าสู่ประเด็นหลักได้เลย
พูดไม่หยุด
เขาจะเอาแต่พูดๆพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ข่าวดีคือ คุณจะได้ความรู้เกี่ยวกับบริษัทและสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน ข่าวร้ายคือ ผู้สัมภาษณ์จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย วิธีที่ดีที่สุดคือ รอจังหวะที่เขาหยุดพักหายใจ แล้วคุณก็ยิงประโยคสวนทันที นี่เป็นข้อมูลที่เยี่ยมมากเลยค่ะ ดิฉันพบว่าสมัยฝึกงานอยู่ที่
หัวหน้าฝ่ายท่านได้สอนงานที่คล้ายกับลักษณะงานที่นี่ ที่คุณเพิ่งจะเล่าให้ฟัง เป็นอย่างนี้นะคะ
แล้วคุณก็เริ่มทำหน้าที่พูดไม่หยุดบ้าง
นักตั้งคำถาม(ชวนปวดหัว)
คนกลุ่มนี้จะถามคำถามพื้นๆ อย่างเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวคุณสิ อะไรเป็นจุดอ่อนจุดแข็งของคุณ แต่เขาอาจจะถามคำถามที่นอกเรื่องไปเลย อย่าง คุณซื้อสูทตัวนี้เพื่อการสัมภาษณ์วันนี้หรือเปล่า? คุณคิดว่าผู้หญิงเป็นผู้นำที่ดีได้มั้ย คุณคิดว่าทักษิณจะได้เป็นนายกฯอีกสมัยหรือเปล่า? ถ้าคุณคิดว่าผู้สัมภาษณ์ไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่ เลี่ยงการตอบด้วยการหัวเราะพองาม แล้วมุ่งสู่สิ่งที่คุณอยากจะบอกเขาดีกว่า เช่น เป็นคำถามที่น่าสนใจดีนะคะ ทุกครั้งที่ดิฉันนึกถึงนายกฯทักษิณ ดิฉันมักจะคิดว่าท่านเป็นคนที่มีระเบียบในการจัดการทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวในการทำงานได้
ใกล้เกินเหตุ
เขาอาจลืมคิดไปว่าควรมีที่ว่างสำหรับทั้งสองฝ่าย ถ้ามันทำให้คุณแทบบ้า ก็ลองแกล้งทำปากกาหล่น เพื่อที่คุณจะได้เลื่อนเก้าอีกออกห่างจากเขาได้ แต่ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะถอยออกมา ก็อย่าให้เรื่องนี้กวนใจคุณ สนใจแต่ประเด็นหลักของตัวเองไว้ก่อนดีกว่า
จำไว้ว่าการสัมภาษณ์งาน คือการที่คุณมาเพื่อพูดถึงตัวเอง พยายามเชื่อมโยงคำถามของผู้สัมภาษณ์กับสิ่งที่คุณเตรียมมาให้ได้ เช่น คุณสามารถแก้ปัญหาได้ดีแค่ไหน คุณสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างไร คุณทำงานให้สำเร็จได้ยังไง
ที่มา : สมาชิกเว็บไซต์