ใครคือนายที่ดีกันแน่
สมจิตเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรการรายงานตรงต่อวินัย สมจิตเชี่ยวชาญในงาน การเตรียมข้อมูลและรายงานด้านการเงิน เข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับระเบียบการเบิกถอน นโยบายต่างๆของบริษัท การจัดทำแผนงบประมาณ และกฏระเบียบเกี่ยวกับทางราชการต่างๆ เธอคือผู้จัดการที่เก่งงานคนหนึ่ง
โชคร้ายที่ความฉลาดทางอารมณ์ของเธอไม่เก่ง เธอตรงไปตรงมามากเกินไป จริงจังกับงานจนมองข้ามความรู้สึกของคนอื่นๆ เร่งรัดดุดันไม่ว่านายหรือเพื่อนร่วมงาน ไม่เกรงใจและรักษาหน้าคนอื่นๆ ด้วยความก้าวร้าวของเธอวินัยผู้เป็นนายจึงไม่อยากบอกจุดอ่อนต่างๆขงเธอ เขากลัวว่าเธออาจจะระเบิดใส่เขาหากเขาพูดความจริงกับเธอ วินัยเลือกที่จะรักษาสัมพันธภาพโดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ดังนั้นสองปีที่เขาทำงานด้วยกันสมจิตได้รับการประเมินผลงานดีเยี่ยมมาตลอดด้วยเกรด A แม้ว่าในใจลึกๆแล้ววินัยไม่ค่อยชอบเธอเท่าไร
แล้ววันหนึ่งก็มีบริษัทจัดหางานให้ผู้บริหารหรือที่เรียกว่า Head Hunter มา ล่า วินัยไปอยู่ที่อื่น ก่อนจะลาออก วินัยสองจิตสองใจว่าจะบอกกับสมจิตเกี่ยวกับปัญหาของเธอดีหรือไม่ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่า ไม่รู้จะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอีกคหนึ่งทำไม สู้จากกันด้วยมิตรไมตรีดีกว่า
สมจิตได้นายใหม่ชื่อสมเกียรติ เขาเป็นคนสุภาพแต่ก็ตรงไปตรงมา ภายหลังร่วมงานกันได้ราวหนึ่งเดือน สมเกียรติก็ตักเตือนสมจิตเกี่ยวกับปัญหาของเธอด้วยวาจา เขาระบุด้วยว่าหากเธอไม่ปรับปรุงตัวเธอจะถูกตักเตือนด้วยลายลักษณ์อักษร
สมจิตแปลกใจมาก เพราะสิ่งที่สมเกียรติบอกเธอนั้นเธอไม่เคยได้ยินจากวินัยนายคนก่อน เธอคิดว่าสมเกียรติกำลังเล่นเกมส์กับเธออยู่ เธอจึงตอบโต้ด้วยอาการก้าวร้าวบ่อยขึ้นและเปิดเผยมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งในที่สาธารณะ
สองสัปดาห์ถัดมา เจอจึงได้รับการตักเตือนด้วยวาจาในความผิดเดิม ในที่สุดเมื่อเธอไม่ปรับปรุงตัว ในเดือนถัดมาเธอจึงถูกให้ออกจากงาน
สมจิตแวะเวียนไปหาวินัยเพื่อระบายและปรับทุกข์ให้เขาฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เธอคิดว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่วินัยฟังเธอ เขารู้สึกผิดในใจว่าเขามีส่วนผิดที่ไม่บอกความจริงกับเธอ อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป
ลองมาดูที่ฝ่ายการตลาดในองค์กรเดียวกันนี้บ้าง คมกริชเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์คนใหม่ เขารายงานตรงต่อโลเปซผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดชาวฟิลิปปินส์ โลเปซเป็นนายที่หินคนหนึ่ง เขาตรงไปตรงมา และคาดหวังผลงานคุณภาพสูงโดยตลอด ในขณะเดียวกันโลเปซก็สอนงานอย่างไม่อมภูมิ อย่างไรก็ตามหากคมกริชพลาดโลเปซจะดึงตัวเขามาในห้องพร้อมกับให้ข้อมูลย้อนกลับแบบตรงไปตรงมา และเสนอแนะแนวทางที่จะทำให้ถูกต้องทันทีแบบไม่อ้อมค้อม
สองเดือนหลังจากทำงานร่วมกัน คมกริชตัดสินใจที่จะมาลาออกกับโลเปซ
โลเปซพูดว่า คมกริช คุณทำอะไรของคุณนะ! คุณจะลาออกเพราะว่าไม่สามารถทนรับฟัง feedback จากผมนะเหรอ ไหนคุณเคยบอกกับผมว่าคุณอยากไต่เต้าขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรบริษัทข้ามชาติไง ไม่ว่าที่ไหนที่คุณไป คุณก็จะเจอสถานการณ์แบบนี้ทั้งนั้นแหละ แรงกดดันจากเจ้านาย ลูกค้า และองค์กร หากคุณจะประสบความสำเร็จในบริษัทใหญ่ๆ คุณต้องทำความคุ้นเคยกับแรงกดดัน นอกจากนี่หากคุณพยายามเต็มที่จริงๆ มันก็ไม่หินอย่างที่เป็นหรอกน่า สองเดือนที่ผ่านมามันเป็นช่วงแรกของการเรียนรู้ ผมพยายามสอนคุณเต็มที่เพื่อให้คุณพร้อมในเวลาอันสั้น ผมรู้ว่าการรักษาหน้าตานั้นสำคัญ ผมจึงพยายามพูดคุยกับคุณส่วนตัวไม่ประเจิดประ เจ้อต่อหน้าคนอื่นๆในบริษัท แต่ผมไม่พูดคำหวานกับคุณเพราะว่าผมไม่ต้องการทำร้ายคุณในระยะยาว ผมทราบดีว่าความจริงบางครั้งมันก็อาจจะเจ็บปวดและขมขื่นบ้าง กลับไปทำงานต่อเถอะ แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ ผมถือว่าไม่เคยได้ยินเรื่องการลาออกของคุณมาก่อน
คมกริชจำนนด้วยเหตุและผลของโลเปซ เขาตัดสินใจที่จะพยายามอย่างสุดความสามารถอีกครั้ง สามปีให้หลังคมกริชได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นแทนโลเปซ
วินัยอาจจะได้รับผลดีระยะสั้นจากการไม่บอกความจริงกับสมจิต แต่เป็นการกระทำแบบที่ฝรั่งเขาเรียกว่า loose-loose-loose คือ เสีย-กับเสีย-และเสีย วินัยต้องมีชีวิตอยู่กับความจริงว่าเขาได้ทำร้ายคนหนึ่งคน สมจิตไม่รู้จุดอ่อนที่แท้จริงของเธอ และสุดท้ายองค์กรเกิดความเสียหาย
โดยสรุปก็คือ การที่เราต้องการให้คนอื่นชื่นชอบเรานั้นเป็นการเห็นแก่ตัวหากว่าผลมันเกิดความเสียหายกับคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ขอให้เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เราต้องการให้คนมาชอบเรา หรือว่าเราต้องการให้คนก้าวหน้าและองค์กรได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะว่าภาวะผู้นำไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อถึงคราวที่ต้องบอกข่าวร้ายหรือจุดบกพร่องของผู้ใต้บังคับบัญชา
ศิลปะการบริหารงานแบบการสร้างการมีส่วนร่วม
ผมได้ทำโครงการโค๊ชงานขายให้ธนาคารแห่งหนึ่ง เขาต้องการลดอัตราพนักงานฝ่ายสนับสนุนห้าสิบราย โดยโยกย้ายให้มาทำงานการขายผลิตภัณฑ์เงินฝากแทน พนักงานถูกแบ่งเป็นสามรุ่น โดยสองรุ่นแรกรุ่นละสิบห้าคน และรุ่นสุดท้ายยี่สิบคน แผนงานคืออบรมในห้องเรียนห้าวันและสอนงานในภาคสนามสิบห้าวัน พอถึงรุ่นที่สามก็มีการนำคนที่ผ่านรุ่นหนึ่งและรุ่นสองจำนวนสี่คนมาฝึกการเป็นหัวหน้าทีมขายด้วย เพราะรุ่นที่สามมีจำนวนมาก ต้องการหัวหน้าทีมงานขายมาเสริม
ในวันแรกของการโค๊ชงานให้กับหัวหน้าทีมขายทั้งสี่คน ผมมีแผนการสอนเขาว่าบทบาทและหน้าที่ของหัวหน้าพนักงานขายคืออะไร เนื่องจากเขาทั้งสี่คนขลุกกับผมมาหลายสัปดาห์ จึงคุ้นเคยกันดี ก่อนเริ่มโค๊ชบังเอิญผมอมยาอมแก้ไออยู่ จึงบอกกับเขาไปแบบเป็นกันเองว่า ระหว่างรอลูกอมละลายหมด ผมอยากให้พวกเราช่วยกันระดมความคิดโดยบอกมาทีละคน คนละข้อว่า บทบาทและหน้าที่ของหัวหน้าทีมงานขายมีอะไรบ้าง เชิญเลยใครจะเริ่มก่อนก็ได้ครับ
สมเกียรติหนึ่งในสี่หัวหน้าทีมซึ่งมดูจะมีความมั่นใจกว่าคนอื่นๆหน่อย เริ่มโดยบอกว่า ผมคิดว่าข้อแรกคือพาพนักงานขายที่จบการอบรม ออกตลาดด้วย โดยเราเป็นผู้มีประสบการณ์ ดังนั้นเราก็ควรจะทำให้เขาดูก่อน เพื่อให้เขาเห็นตัวอย่างของการขายแบบที่ปรึกษาที่เราเรียนมา ผมเขียนคำพูดของคุณสมเกียรติทุกคำตามที่ได้ยิน พร้อมกับกล่าวชมเชยเขาว่า เก่งมากคุณสมเกียรติ ดีมากครับ พี่เพ็ญว่าไงครับ พี่เพ็ญซึ่งมีอายุมากกว่าพวกเราเล็กน้อยและมีความเป็นผู้ดี แต่คงความน่ารักแบบพี่ๆของน้องๆกล่าวต่อ หลังจากนั้น ต๋อม และ ภัทร ก็กล่าวเสริม เมื่อครบรอบแรก พวกเขาก็ช่วยระดมเสริมอีกคนละข้อ ครบสองรอบแล้ว ผมจึงได้แนวทางทั้งหมดแปดข้อระบุลงในกระดาน
ถึงเวลานั้น ลูกอมก็หมดพอดี ผมพูดติดตลกกับพวกเขา แต่หมายความตามนั้นจริงๆก็คือ พวกคุณคิดได้ดีกว่าผมมาก ผมไม่มีอะไรจะเสริมแล้วละครับ ผมคิดว่าครอบคลุมทั้งหมดแล้ว เราจะใช้แนวทางทั้งแปดข้อนี้แหละ และหากว่าเราคิดว่ามีอะไรจะเพิ่มเติมก็ค่อยมาเสริมเข้าไป
ในวันนั้นผมตั้งใจว่าจะบอกพวกเขาซักสี่ห้าข้อ แต่ปรากฏว่าพวกเขาร่วมกันคิดได้ดีกว่าผมอีก นอกจากนี้ทีมงานก็ยึดถือแนวทางดังกล่าวเพราะเขาเป็นคนคิดกันขึ้นมาเอง บทพิสูจน์ก็คือหัวหน้าทีมงานทั้งสี่คนเป็นหัวหน้าทีมงานที่มีคุณภาพไม่น้อยหน้าทีมอื่นๆที่ผมเคยมีประสบการณ์มาด้วยเลย เพราะผลงานหลังจกนั้นมันพิสูจน์ด้วยตัวมันเอง
ลองมาดูอีกกรณีหนึ่ง ปีที่แล้วผมมีงานที่ปรึกษาด้านการบริหารงานต่างวัฒธรรมโดยทำงานร่วมกับเพื่อนชาวฝรั่งเศสชื่อมิเชล มิเชลเองนอกจากงานที่ปรึกษาร่วมกับผมแล้ว เขายังมีโครงการเปิดโรงเรียนสอนภาษอังกฤษ ซึ่งในช่วงนั้นเขากำลังเตรียมการอยู่
วันหนึ่งเราสองคนมีนัดกับลูกค้าที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา วันนั้น มิเชลเป็นไข้นิดหน่อยจึงพูดน้อยกว่าปกติ ระหว่างทางเราคุยกันหลายเรื่อง หนึ่งในประเด็นที่เราคุยกันก็คือแนวทางการทำการตลาดสำหรับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของเขาที่กำลังจะเปิด
ขากลับ เมื่อใกล้ถึงบ้านเขา มิเชลถามผมด้วยความแปลกใจว่า เกรียงศักดิ์ วันนนี้ทำไมคุณถึงมีความคิดสร้างสรรค์มากมายเลยทีเดียว ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นอย่างนี้มาก่อน ผมตอบติดตลก แต่ให้เหตุผลด้วยความสัตย์จริงว่า มิเชล เพราะวันนี้คุณป่วย ผมถึงมีโอกาสพูดไงละ ธรรมดาผมก็มีความคิดสร้างสรรค์เท่านี้ทุกครั้งแหละ เพียงแต่ว่าผมไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดมากเท่าไร ส่วนใหญ่จะโดนคุณแย่งพูดเสียก่อน นอกจากนี้คุณมันคนคิดไว ยังไม่ทันจบเรื่องนี้เลยกระโดดไปเรื่องอื่นแล้ว แต่ว่าวันนี้คุณป่วยสปีดเราก็เลยสูสีกันนะ
ตัวอย่างสุดท้ายเป็นของชนะซึ่งเป็นหนึ่งในทีมของผม เขาก็มีประสบการณ์คล้ายๆกัน เขาผ่านการเป็นหัวหน้าทีมขายในแบงก์ฝรั่งถึงสองแห่ง ครั้งสุดท้ายเขาเป็นผู้จัดการทีมขายตรงทางโทรศัพท์โดยมีหัวหน้าทีมสิบคนและพนักงานขายทางโทรศัพท์แปดสิบคน
หลังจากเขาเข้าไปรับตำแหน่งใหม่ที่ธนาคารนั้นได้สองเดือน ชนะทุ่มเท ลองทุกวิถีทางเพื่อสร้างผลงาน แต่ปรากฏว่าตัวเลขการขายไม่เป็นอย่างที่เขาคาดคิดไว้ ในที่ประชุมประจำสัปดาห์กับหัวหน้าทีมงานทั้งสิบคนของเขา ชนะลดความเชื่อมั่นของตัวเองลง เขากล่าวในที่ประชุมว่า ผมได้ลองทำมาแล้วทุกวิธี ดูเหมือนมันจะไม่เวิร์คเท่าที่ควร ผมคิดว่าผมเชื่อมั่นในตัวเองมากไปหน่อย ผมต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา เราลองช่วยกันคิดซิครับว่ามีหนทางใดที่จะทให้เราบรรลุเป้าหมายได้บ้าง ชนะกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่หมายความอย่างนั้นจริงๆ
ทีมงานของเขาเปลี่ยนท่าทีทันที พวกเขาตื่นตัวและแสดงความคิดเห็นกันใหญ่ มีการเสนอแนะแนวทางมากมาย ถกเถียงกันบ้างบางครั้ง เมื่อใดก็ตามเริ่มจะตรึงเครียด จะมีหัวโจกยกมุขให้เพื่อนๆได้ขำกันเพื่อผ่อนคลาย พวกเขาระดมความคิดได้แนวทางต่างๆที่ชนะมองข้ามไป
ที่มา : สมาชิกเว็บไซต์