ลิ้มรสอาหารไทยโบราณ...ณ "เรือนศิลา" . ปัจจุบัน หลายคนคงพบว่า มีร้านอาหารต่างชาติผุดขึ้นมากมายเป็นดอกเห็ด จนคนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จักอาหารไทยโบราณกันแล้ว หากวันนี้ใครอยากจะลิ้มลองอาหารไทยโบราณ ผมขอแนะนำให้ลองแวะไปที่ "เรือนศิลา" ครับ เพราะที่นี่ทั้งคนปรุง ทั้งอาหารต้องบอกว่า นี่แหละอาหารไทยโบราณขนานแท้ ส่วนตัวผมเองก็เคยไปทานมาแล้ว เมื่อครั้งไปร่วมมีตติ้งคีรีบูนครั้งที่ 7 ซึ่งจัดที่ร้านนี้ และทราบภายหลังว่า เป็นร้านญาติของ คุณอ๊อด คีรีบูน นั่นเอง... เรามาพบเสน่ห์ของร้าน "เรือนศิลา" ในบรรทัดถัดจากนี้กันเลยครับ... แม่ครัวคนเก่ง...คนเก่า ปีนี้ป้าเฉลิมอยู่ ในวัย 76 ปีแล้ว แต่สุขภาพยังแข็งแรงพอที่จะโขลกพริกแกงสด เพื่อมาต้มยำทำแกงถ้วยเก่าๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษที่มาตั้งรกรากอยู่แถบบางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี อันเป็นเมนูหากินยากของร้านเรือนศิลา ที่บรรดาเครือญาติกันเป็นเจ้าของอยู่ เหตุนี้เอง อาหารของร้านนี้ส่วนหนึ่งจึงเป็นสไตล์บ้านๆ ที่เวลาบ้านไหนมีงานบุญก็จะต้องเรียกครอบครัว "เนตรหิน" และ "เรือนศิลา" ไปช่วยทำแกงเป็นประจำ เมื่อมาทำร้านอาหารเองจึงพยายามรักษาสูตรตำรับดั้งเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่พริกแกงที่จะโขลกวันต่อวัน และจะต้องโขลกด้วยครกตามแบบโบราณจึงจะอร่อย เพราะหัวหอม กระเทียม ตะไคร้ ผิวมะกรูดจะส่งกลิ่นน้ำมันหอมละเหยออกมาให้หอมอร่อย ซึ่งต่างจากพริกแกงที่ใช้วิธีปั่นเหมือนปัจจุบัน จะไม่มีกลิ่นหอมเครื่องเครื่องแกงสดเหล่านี้ . หลากเมนูรสเลิศ...แบบโบราณขนานแท้ เมนู 100 ปี...แกงบวน เป็น อาหารพื้นบ้านที่มีอายุร้อยกกว่าปีแล้ว โอกาสที่จะได้กินแกงบวนนั้นต้องรอให้มีงานบุญประเพณี หรืองานแต่งงาน งานบวชเสียก่อนจึงจะระดมคนมาช่วยกันทำ เพราะวิธีทำและขั้นตอนยุ่งยากมาก เวลาแกงทีจึงต้องแกงกันหม้อใหญ่ ๆ ทีเดียว แกงบวน...เป็น เมนูเด็ดของป้าเฉลิมที่จะทำขายเพียงเดือนละครั้งตอนปลายเดือนเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการทำยุ่งยากมาก เริ่มจากเครื่องแกงสดและเครื่องเทศที่จะนำไปโขลกนั้นจะต้องนำมาคั่วในกระทะ ให้กลิ่นหอมเสียก่อนแล้วจึงนำไปโขลกหยิบกะปิเข้าไปสักก้อนเล็ก ๆ เพื่อให้กลิ่นหอมกลมกล่อม ส่วนเครื่องในหมูทั้งไส้ กระเพาะ ปอด ตับ และหมูสามชั้นจะต้องนำไปเคี่ยวให้เปื่อย จึงจะนำมาใส่ในน้ำแกงที่ต้มจากตะไคร้และใบย่านางเป็นส่วนประกอบ( บางสูตรจะมีใบมะตูม ใบขี้เหล็ก) ปรุงรสให้ออกหวานน้ำตาลปี๊บ เปรี้ยวจากส้มมะขามเปียก น้ำปลา โรยข่าอ่อน ตะไคร้ซอย พริกสด ให้กลิ่นหอมสมุนไพร หน้าตาของแกงบวนออกจะดำด้วยน้ำใบย่านาง แต่รสชาติจะหอมหวานอมเปรี้ยว ใครที่ไม่เคยลิ้มลองอาจจะรู้สึกแปลก ๆ กับแกงที่ออกรสหวานนำเสียหน่อย (100 บาท) . แกงป่าเนื้อใบชะพลู...เป็น แกงพื้นบ้านของเมืองนนท์ ที่ใช้ใบชะพลูที่กลิ่นอาจจะไม่คุ้นลิ้นของคนสมัยใหม่ แต่ได้สารอาหารสูงมาก มาหั่นเป็นฝอย ๆ ใส่เนื้อสดที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เคล็ดลับต้องใส่กะปินิดหน่อย ปรุงรสออกจัดจ้านทั้งอร่อยและได้ประโยชน์ต่อร่างกาย (80 บาท) . แกงคั่วหอยขม...เคล็ดลับสำคัญนั้นอยู่ที่ จะต้อง เลือกหอยขมที่แกะเปลือกเอาแต่เนื้อ แล้วล้างให้สะอาดจนหมดกลิ่นโคลน ส่วนพริกแกงคั่วก็ตำใหม่ๆ ต้องแกะเนื้อปลาช่อนย่างโขลกลงไปด้วย เพื่อให้น้ำแกงข้น น่ากิน ก่อนเสิร์ฟก็รูดใบชะอมลงไปต้มให้สุกเล็กน้อยใบยังเขียวช่วยชูกลิ่นให้ฉุนหอม รสชาติละมุนลิ้น (80 บาท) . น้ำพริกลงเรือ...เป็น อีกเมนูที่ขายดีมาก (ผู้เขียนขอยืนยัน เพราะเคยชิมมาแล้วชอบมาก) เพราะครบเครื่องทั้งหมูหวาน มะอึก มะดัน มะเขือพวง ปรุงออก 3 รสกลมกล่อมทั้งหวาน-เปรี้ยว-เค็ม โรยหน้าด้วยไข่แดงเค็มปั้นเป็นลูกเล็ก ๆ และกระเทียมโทนดอง มีผักแนมทั้งขมิ้นขาว มะเขือ แตงกวา คลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก (90บาท) .
ปลาช่อนเรือนศิลา...เป็น อีกเมนูเด็ดที่ใช้ปลาช่อนขนาดค่อนใหญ่ทอดทั้งตัวให้กรอบนอกนุ่มใน ส่วนเครื่องเคียงอุดมด้วยสมุนไพรทั้งหอมแดง ตะไคร้ ขิงอ่อน มะม่วงออกเปรี้ยว ใบมะกรูด พริกทอด คลุกกับน้ำพริกเผาที่ทำเอง เวลากินก็หยิบใบชะพลูหรือใบทองหลางมากางออก แกะเนื้อปลาช่อน ราดด้วยเครื่องเคียง ส่งใส่ปากเคี้ยวยิ่งนานกลิ่นเครื่องสมุนไพรจะหอมอวลอยู่ในปาก (180 บาท) . ไก่บ้านตุ๋นยาจีน...เมนู นี้ดูราคาแล้วตกใจว่าถูกจริง ๆ เพราะใช้ไก่บ้านน้ำหนัก 7 ขีด ราคาก็เป็นร้อยแล้ว ยังมีเครื่องยาจีน รวมทั้งเห็ดหอม เห็ดหูหนูขาว ตุ๋นนานถึง 5 – 6 ชั่วโมง ให้ความหวานของเนื้อไก่ปนกับเครื่องยาจีน รสชาติจะหวานขมหอมชื่นใจ แนะนำให้ซดน้ำให้หมด เพราะประโยชน์ของอาหารตุ๋นนั้นอยู่ที่น้ำแกง ส่วนอื่นๆ ถือเป็นกากเท่านั้น (200 บาท) . อ้อ...ก่อนจะสั่งอาหารมากินอย่าลืมสั่ง ฟักทอง-ใบชะพลูชุบแป้งทอด มา กินเล่นก่อน ทีเด็ดอยู่ที่การผสมแป้งทอดที่กรอบอยู่ได้นาน ยิ่งได้น้ำจิ้มน้ำพริกเผาซึ่งทางร้านตำเองรสชาติกลมกล่อมเปรี้ยว-หวาน-เผ็ด กินกันเพลินดี อาหาร โบราณและเมนูแปลกๆ ยังมีให้เลือกชิมอีกเยอะมาก ต้องลองวะไปชิมดู แต่ถ้าใครไม่ชอบหวานก่อนสั่งต้องกำชับในครัวหน่อย เพราะอาหารร้านนี้ออกหวานเล็กน้อยครับ กินอาหารไทย ท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งแบบกึ่งบ้านกึ่งวัด มีต้นไม้ใหญ่น้อยล้อมรอบ ร้านโปร่งโล่งสบาย มีที่นั่งให้เลือกทั้งระเบียงด้านนอกที่มองเห็นดาวได้กระจ่าง หรือนั่งด้านในที่มีหลังคามิดชิดก็ได้ ร้านเรือนศิลาเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ตั้งอยู่ใต้สะพานพระราม 5 ริมคลองบางไผ่ ถ้ามาจากถนนราชพฤกษ์ บางใหญ่ หรือบางกรวยให้ไปกลับรถใต้สะพานพระราม 5 แล้วชิดซ้ายไม่เกิน50 เมตร ส่วนใครที่มาจากถนนติวานนท์ให้ข้ามสะพานมาก่อนแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปกลับรถใต้ สะพาน สามารถจอดรถริมถนนหรือเข้าไปจอดรถแถววัดสังฆทานได้ ถ้าไปไม่ถูก โทร. 02-882-7475, 085-135-3524 . . . หลายครั้ง หลายคนที่ไป ก็จะเจอคุณอ๊อด คีรีบูน มาช่วยดูแลแขกครับ . ลายแทงความอร่อย ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก น้องเอ๋ คีรีบูนแฟนคลับ, www.manager.co.th, https://kawtung.multiply.com/photos/album/29#4 |