วิตามินอี มีในอาหารชนิดไหนบ้าง ถ้าอยากเติมวิตามินอีให้ร่างกาย เพื่อดูแลผิวพรรณ
วิตามินอี เป็นวิตามินที่เรารู้กันดีว่าถ้าอยากมีผิวพรรณเต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย ประโยชน์ของวิตามินอีช่วยตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ให้ได้ ว่าแต่นอกจากเรื่องผิวแล้ว วิตามินอียังช่วยเรื่องอะไรได้อีกบ้าง ลองมารู้จักวิตามินอีให้มากกว่าเดิมกัน พร้อมเช็กด้วยว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงหาได้จากที่ไหนบ้าง
วิตามินอี ประโยชน์ดียังไง ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
วิตามินอี (Vitamin E) หรือโทโคฟีรอล (Tocopherol) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จัดเป็นวิตามินที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
-
มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย และลดโอกาสเกิดภาวะอักเสบในร่างกาย
-
ช่วยชะลอวัย ดูแลผิวพรรณ
-
ช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ให้หายเร็วขึ้น
-
ช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง
-
มีส่วนยับยั้งการจับกันของเกล็ดเลือด ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้นเลือด
-
กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
-
ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงระบบสืบพันธุ์ของร่างกา
หากเราได้รับวิตามินอีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาจเกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาทที่ควบคุมการพูดและการเดิน เช่น เดินเซ ทรงตัวได้ไม่ดี พูดไม่ชัด เกิดการอักเสบที่ปลายประสาท มีภาวะกล้ามเนื้ออักเสบได้บ่อย และหากขาดวิตามินอีมาก ๆ ต่อเนื่องนาน ๆ อาจมีอาการกล้ามเนื้อลีบ กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
ปริมาณวิตามินอีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แบ่งได้ตามนี้ค่ะ ผู้ชายอายุตั้งแต่ 9 ขวบขึ้นไป ควรได้รับวิตามินอีวันละ 13 มิลลิกรัม ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9 ขวบขึ้นไป ควรได้รับวิตามินอีวันละ 11 มิลลิกรัม
อย่างไรก็ตาม วิตามินอีเป็นวิตามินชนิดที่ร่างกายเราผลิตขึ้นมาเองไม่ได้ จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินอีจากอาหารเข้าไปช่วยบำรุงดูแลร่างกายนะคะ
อาหารที่มีวิตามินอีสูงส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มน้ำมัน ขณะที่ในเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ อาจจะมีน้อยกว่า แต่ก็ยังพอมีบ้าง แล้วเราจะเลือกกินอะไรดี ตามมาดูแหล่งอาหารที่มีวิตามินอีกันเลย
1. น้ำมันจมูกข้าวสาลี (Wheat Germ Oil)
น้ำมันจมูกข้าวสาลีในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จะให้วิตามินอีประมาณ 20 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่า 135% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ดังนั้นหากต้องการเสริมวิตามินอีให้ร่างกาย ก็เลือกน้ำมันจมูกข้าวสาลีมาปรุงอาหารได้เลย
2. น้ำมันดอกคำฝอย
น้ำมันพืชอีกหนึ่งชนิดที่ระยะหลัง ๆ ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพมากขึ้น เพราะเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันดี และยังมีวิตามินอีพอสมควร ในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ให้วิตามินอีอยู่ที่ 4.6 มิลลิกรัม นำมาปรุงอาหารสลับกับน้ำมันพืชชนิดอื่นก็ดี
3. น้ำมันเฮเซลนัท
น้ำมันเฮเซลนัทก็มีวิตามินอีอยู่พอสมควร โดยในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ให้วิตามินอี 6.4 มิลลิกรัม หรือประมาณ 43% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน เลือกใช้สลับกับน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ บ้างก็ได้นะคะ จะได้รับสารอาหารที่หลากหลายมากขึ้นด้วย
4. เมล็ดทานตะวัน
ธัญพืชอย่างเมล็ดทานตะวันก็จัดเป็นของว่างที่หลายคนบอกว่าเคี้ยวเพลินเจริญใจมาก ๆ และทราบไหมคะว่าในเมล็ดทานตะวันก็เป็นแหล่งของวิตามินอีเช่นกัน เพียงรับประทานเมล็ดทานตะวัน 1 ออนซ์ หรือราว ๆ 28 กรัม ก็รับวิตามินอี 10 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่า 66% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันไปเลยง่าย ๆ แถมยังได้ไฟเบอร์ โปรตีน แมกนีเซียม และสังกะสี เติมสารอาหารดี ๆ ให้ร่างกายอีกด้วย
เมล็ดทานตะวัน ประโยชน์อนันต์ของเมล็ดพันธุ์ขนาดจิ๋ว
5. อัลมอนด์
อีกหนึ่งของว่างสุดโปรดของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่ลดน้ำหนัก เพราะในอัลมอนด์ไม่ได้มีแค่ความเคี้ยวมัน แต่มีทั้งกรดไขมันดี โปรตีน ไฟเบอร์ โพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินอีที่ 7.3 มิลลิกรัม ต่อปริมาณ 1 ออนซ์ หรือราว ๆ 28 กรัม แต่เพื่อสุขภาพที่ดีก็ควรกินอัลมอนด์อย่างพอเหมาะนะคะ เพราะหากเคี้ยวเพลินเกินไป อาจได้ไขมันมากเกินปริมาณซะได้
10 ประโยชน์ของอัลมอนด์ เคี้ยวเพลินได้สุขภาพ
6. หอยเป๋าฮื้อ
อาหารที่มีวิตามินอีไม่ได้มีแค่ในน้ำมันพืช หรือธัญพืชเท่านั้น แต่หอยทะเลอย่างหอยเป๋าฮื้อก็มีวิตามินอีด้วยเช่นกัน โดยใน 100 กรัม จะให้วิตามินอีประมาณ 4 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 27% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
7. อะโวคาโด
ที่อะโวคาโดมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ เพราะในอะโวคาโดมีทั้งกรดไขมันดี ไฟเบอร์ และวิตามินอีนี่แหละค่ะ และยังได้วิตามินซีมาพร้อมกันด้วย
อะโวคาโด สรรพคุณแจ่มซะ บำรุงร่างกาย ถ้าอยากสวยก็จัดให้
8. มะม่วง
วิตามินอีมีอยู่ในมะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ ที่เป็นผลไม้ไทยหาได้ง่าย ๆ รสชาติก็โดนใจ นอกจากนี้ในมะม่วงยังมีไฟเบอร์สูง มีวิตามินซี วิตามินบี 6 วิตามินเอ รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิด ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ชอบแบบไหนก็เลือกรับประทานกันได้เลย
ประโยชน์ของมะม่วง ผลไม้มากคุณค่า ไม่คว้าไว้จะเสียใจ
9. พริกหวานสีแดง
พริกหวานสีแดงในเมนูสลัดหรือเบอร์เกอร์ที่เราเคยรับประทานกันก็มีวิตามินอีอยู่บ้างนะคะ และยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซี แถมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลาย อย่างแคโรทีนอยด์ ลูทีน ซีแซนทีน ช่วยบำรุงสายตา
10. ปวยเล้ง
ผักใบเขียวอย่างปวยเล้งก็มีวิตามินอีนะคะ และนอกจากวิตามินอีแล้ว ร่างกายยังจะได้รับวิตามินเอ วิตามินซี ไฟเบอร์ และโพแทสเซียม ไปพร้อมกันด้วย
ประโยชน์ของปวยเล้ง แล้วคุณจะรักถ้าได้รู้จัก
เห็นไหมคะว่าถ้าต้องการเติมวิตามินอีให้ร่างกาย เราก็สามารถรับประทานอาหารที่มีวิตามินอีได้หลากหลายชนิด ไม่ใช่เพียงที่เรานำเสนอไป แต่อาหารชนิดอื่น ๆ เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง ก็มีวิตามินอีอยู่ด้วยเช่นกัน ชอบแบบไหน สะดวกแบบไหน ก็เลือกรับประทานได้ตามสบายเลย