นายแพทย์วันชัย นัยรักษ์เสรี พ.บ. ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย อาการหลั่งน้ำกามเร็วหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าล่มปากอ่าวนั้นเป็นหนึ่งใน ปัญหาความผิดปกติในสมรรถภาพทางเพศที่พบบ่อยในเพศชาย แม้มิใช่อาการหย่อนสมรรถภาพทางการแข็งตัวขององคชาต แต่ภายหลังการหลั่งน้ำกามแล้วนั้นองคชาตจะสูญเสียการแข็งตัวและอ่อนตัวลงโดย ทันที ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ต่อไปได้ กล่าวกันว่าเพศชาย ร้อยละ 65-75 จะประสบกับปัญหานี้ ในบางครั้งบางคราวของการมีเพศสัมพันธ์ พบบ่อยในเพศชายวัยหนุ่มอายุ 17-18 ปี ที่เพิ่งเริ่มมีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งแรก ซึ่งส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 75 จะสามารถพัฒนาความสามารถในการควบคุมการหลั่งน้ำกามให้ยาวนานดีขึ้น เมื่อมีประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น อาการหลั่งน้ำกามเร็วนี้ จัดเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดความไม่เชื่อมั่น และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศของตนเองขึ้น ทำให้มีความสนใจทางเพศลดน้อยลงและอาจนำไปสู่อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ใน ที่สุด ผลที่เกิดขึ้นในเพศหญิงจะทำให้มีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย นอนไม่หลับ และบางครั้งอาจมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ทั้งนี้เนื่องจากอารมณ์ความรู้สึกทางเพศที่ก่อตัวขึ้นจากการกระตุ้นเร้ามา ก่อนหน้า ไม่สามารถบรรลุถึงอารมณ์เพศสุดยอดและปลดปล่อยออกมาได้ เป็นเหตุชักนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกขึ้นในชีวิตสมรสและครอบครัวในที่สุด ความหมายของอาการหลั่งน้ำกามเร็ว อาการหลั่งน้ำกามเร็ว หมายถึง การหลั่งน้ำกามที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับการกระตุ้นทางอารมณ์เพศเพียงเล็ก น้อยหรือเกิดขึ้นก่อน/ระหว่าง ทันทีที่หรือชั่วระยะเวลาอันสั้นขณะสอดใส่องคชาตเข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิง หรือถ้านับตามช่วงเวลา จะหมายถึง ไม่สามารถอดกลั้นเหนี่ยวรั้งการหลั่งน้ำกามให้ยาวนานมากกว่า 1 นาที ภายหลังสอดใส่องคชาตเข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิง โดยปกติเพศชายจะหลั่งน้ำกามภายในระยะเวลาเฉลี่ย 4-7 นาที หลังมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น และเพศหญิงต้องใช้ระยะเวลา เฉลี่ย 8 นาทีของการมีเพศสัมพันธ์กว่าจะบรรลุอารมณ์เพศสุดยอด ประเภทของอาการหลั่งน้ำกามเร็ว แบ่งออกเป็น 1. อาการหลั่งน้ำกามเร็วที่เกิดขึ้นตลอดทุกครั้ง หมายถึง มีอาการหลั่งน้ำกามเร็วเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกและตลอดทุกครั้งของการมีเพศ สัมพันธ์ มีสาเหตุจากความผิดปกติในสรีระการรับความรู้สึกทางระบบประสาทโดยเฉพาะที่ อยู่บริเวณองคชาต 2. อาการ หลั่งน้ำกามเร็วที่เกิดขึ้นในภายหลัง หมายถึง ก่อนหน้านี้จะมีสมรรถภาพทางเพศ และการหลั่งน้ำกามเป็นปกติ และเกิดมีอาการหลั่งน้ำกามเร็วขึ้นในภายหลัง มีสาเหตุจากความผิดปกติทางจิตใจ ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุโดยอาจมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้นก่อนหน้า สาเหตุของอาการหลั่งน้ำกามเร็ว แบ่งออกได้เป็น 1. สาเหตุ ทางด้านร่างกาย ได้แก่ ความไวต่อการกระตุ้นและรับความรู้สึกของเส้นประสาทที่อยู่บริเวณส่วนหัวและ ลำองคชาต มีสาเหตุจากความผิดปกติในสรีระการทำงานของระบบประสาทเอง หรือเกิดจากการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์หรืออวัยวะที่อยู่โดยรอบ เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ ริดสีดวงทวารชนิดมีการอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น 2. สาเหตุ ทางด้านจิตใจ ได้แก่ ความวิตกกังวลต่อสมรรถภาพทางเพศของตนเอง มักเป็นคนที่วิตกกังวลในเรื่องต่างๆ กลัวความล้มเหลวหรือผิดหวัง หรือมีความเข้าใจที่ผิดในเรื่องการหลั่งน้ำกาม ความเชื่อทางศาสนาและทัศนคติทางเพศ ที่ได้รับการสั่งสอนอบรมแต่วัยเด็กว่าเรื่องเพศว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสมน่า รังเกียจ และต้องปกปิด 3. สาเหตุทางยา ที่สำคัญคือ เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท 4. สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ความแปลกใหม่ของสิ่งเร้าทางเพศ สภาพแวดล้อม และหญิงคนใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า รวมทั้งความบ่อยครั้งของการมีเพศสัมพันธ์ที่ห่างกันมากเกินไป การบำบัดรักษาอาการหลั่งน้ำกามเร็ว ที่ผ่านมามักมีความเชื่อว่า อาการหลั่งน้ำกามเร็วนั้นมีสาเหตุทางด้านจิตใจแต่เพียงอย่างเดียว ได้แก่ มีความวิตกกังวลและประสบการณ์การทางเพศที่น้อย การบำบัดรักษาจึงเป็นการพูดคุยทำความเข้าใจและให้ความรู้ทางด้านเพศเป็นหลัก รวมทั้งการแนะนำวิธีการบำบัดรักษาทางเพศร่วมด้วยในบางครั้ง ต่อเมื่อการสังเกตุพบผลข้างเคียงจากยาบางประเภทต่อการตอบสนองทางเพศ ร่วมกับการศึกษาวิจัยในสรีระการทำงานของร่างกายต่อการตอบสนองทางเพศที่ผ่าน มา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการบำบัดรักษาเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีวิธีการบำบัดรักษาต่างๆ ดังนี้ 1. การ ให้ความรู้เรื่องเพศ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องต่างๆ ทางเพศทั้งในเพศชายและหญิง ได้แก่ กายวิภาคของระบบสืบพันธุ์ สรีระการตอบสนองทางเพศ อาทิเช่น การแข็งตัวขององคชาตและการหลั่งน้ำกาม การกระตุ้นเร้าทางเพศและการบรรลุอารมณ์เพศสุดยอดในเพศหญิง โดยเฉพาะในคู่ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางเพศน้อย หรือเพิ่งเริ่มมีความสัมพันธ์ทางเพศเป็นครั้งแรก เพื่อให้เกิดความมั่นใจและคลายความกลัววิตกกังวลต่างๆลง 2. การบำบัดรักษาทางเพศ เป็นเทคนิควิธีการปฏิบัติทางเพศ เพื่อควบคุมระดับการตอบสนองทางเพศและการหลั่งน้ำกามให้ยาวนานออกไป มีขั้นตอนวิธีปฏิบัติร่วมกันดังนี้ 1. ในช่วงเริ่มต้นครั้ง แรกของการบำบัดรักษา เพศชายและหญิงทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันว่า จะใช้วิธีการกระตุ้นเร้าทางเพศเฉพาะภายนอกให้แก่กันแต่เพียงอย่างเดียวเท่า นั้น โดยไม่พยายามมีเพศสัมพันธ์กัน 2. ทั้งสองฝ่ายกระทำการกระตุ้นเร้าทางเพศให้แก่กัน ในเพศชายให้กระตุ้นเร้าที่องคชาต กระทั่งมีความรู้สึกใกล้จะมีการหลั่งน้ำกามเกิดขึ้น ให้หยุดการกระตุ้นเร้าทางเพศนี้ลงโดยทันทีทันใด 3. สำหรับการหยุดกระตุ้นเร้าทางเพศนี้ อาจใช้วิธีหยุดกระตุ้นเร้าทางเพศนี้แต่เพียงอย่างเดียว หรือใช้การบีบกดบริเวณส่วนหัวขององคชาตร่วมด้วย โดยนิ้วชี้และนิ้วกลางอยู่ด้านบนหัวองคชาต ขณะที่นิ้วหัวแม่มืออยู่อีกด้านหนึ่งตรงตำแหน่งท่อปัสสาวะ ควรบีบกดแต่พอแน่นและนานประมาณ 15 - 20 วินาทีเท่านั้นเพื่อให้ระดับความรู้สึกทางเพศที่ผ่านมาคลายตัวลง 4. รอคอยจนกระทั่งระดับความรู้สึกทางเพศผ่อนคลายลง หรือองคชาตที่แข็งตัวนั้น อ่อนตัวลงประมาณร้อยละ 50 ของการแข็งตัวเต็มที่ จึงเริ่มวงจรการกระตุ้นเร้าทางเพศขึ้นใหม่อีกครั้ง 5. ทำการกระตุ้นเร้าทางเพศและหยุดลงเช่นนี้ติดต่อกันประมาณ 3-4 รอบและในรอบสุดท้ายจึงปล่อยให้มีการหลั่งน้ำกามเกิดขึ้น 6. เมื่อมีความเคยชินและสามารถควบคุมการหลั่งน้ำกามได้แล้ว จึงเริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์กันและดำเนินตามขั้นตอนเช่นเดียวการกระตุ้นเร้าทาง เพศภายนอกที่กล่าวมาข้างต้น ใน ระหว่างใช้วิธีการบำบัดรักษาทางเพศนี้ ควรฝึกทำขมิบช่องทวารหนักร่วมไปด้วย เชื่อว่าจะช่วยทำให้การควบคุมการหลั่งน้ำกามได้ดีและเร็วขึ้น วิธีการบำบัดรักษาทางเพศนี้มักจะประสบผลสำเร็จในช่วงต้นๆของการรักษาเท่า นั้น และจะกลับเป็นขึ้นมาอีกหลังจากหยุดการรักษานี้ไปแล้ว 3 เดือน ความสำเร็จของการรักษาจะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะเพศ หญิง ปัญหาที่พบระหว่างให้การบำบัดรักษา ได้แก่ ความเป็นห่วงกังวลของเพศชายต่ออารมณ์เพศของเพศหญิง ความกลัว ไม่มั่นใจต่อผลสำเร็จของการรักษา ไม่สามารถอุทิศเวลา และอดทนต่อการเข้ารับคำปรึกษาและบำบัดรักษาจำนวนหลายๆครั้งได้ ที่สำคัญ มักจะไม่ค่อยได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากเพศหญิง 1. การบำบัดรักษาทางยา เป็นวิธีการบำบัดรักษาที่เริ่มนิยมใช้และได้รับการยอมรับมากขึ้น ยาที่ใช้กันในปัจจุบันได้แก่ 1. ยาบำบัดรักษาอาการทางจิต ที่ออกฤทธิ์ต่อตัวแพร่สัญญาณประสาทในประสาทสมองส่วนกลาง โดยพบว่าจะผลข้างเคียงต่อการตอบสนองทางเพศร่วมด้วย ที่สำคัญคือทำให้บรรลุถึงอารมณ์เพศสุดยอดและมีการหลั่งน้ำกามออกมาล่าช้าออก ไป ยาที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ ยาบำบัดรักษาภาวะซึมเศร้า ยาบำบัดรักษาอาการวิตกกังวล เป็นต้น มีผลสำเร็จต่อการรักษาค่อนข้างสูง คือสามารถยืดเวลาการหลั่งน้ำกามได้นานกว่าเดิมประมาณ 3-5 เท่า แต่มีผลข้างเคียงอื่นมากพอสมควร เช่น เซื่องซึม ปากแห้ง ตาพร่ามัว นอนไม่หลับ และไม่หลั่งน้ำกามหากทานยาในขนาดที่สูง เป็นต้น จึงควรอยู่ในความดูแลแนะนำของแพทย์ขณะใช้ยา 2. ยาทาเฉพาะที่ ในรูปของครีม เจล และสเปรย์ โดยทาที่ส่วนหัวขององคชาตประมาณ 1/2-1 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดระดับการรับความรู้สึกขณะมีเพศสัมพันธ์ลงทำให้มีการหลั่งน้ำกามช้าลง ได้ผลบ้างพอสมควรแต่ยังไม่มีผลการทดลองที่เปรียบเทียบชัดเจน เป็นเพียงประสบการณ์การรักษาและรายงานทางการแพทย์เท่านั้น ยาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ยาชาเฉพาะที่ที่ใช้ในทางการแพทย์ และยาครีมสมุนไพร SS-cream ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 9 ชนิดของประเทศเกาหลี ผลข้างเคียงที่พบ ได้แก่ อาการระคายเคืองและชาหมดความรู้สึกที่ส่วนหัวขององคชาต เกิดอาการชาและการรับความรู้สึกในผนังช่องคลอดของเพศหญิงหยุดลงไม่สามารถ บรรลุอารมณ์เพศสุดยอดได้ จึงแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้ง 3. ยาฉีดเข้าแกนองคชาต ที่ใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางการแข็งตัวขององคชาต โดยฉีดยาเข้าไปในแกนองคชาตก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ ยาจะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบในองคชาตคลายตัวจนเกิดการแข็งตัวขององคชาต ขึ้น แม้ภายหลังหลั่งน้ำกามแล้วองคชาตก็จะยังแข็งตัวอยู่ จึงยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ต่อไปได้ เนื่องจากมีขั้นตอนเทคนิควิธีการที่ค่อนข้างยุ่งยาก และมีผลข้างเคียงจากยาสูง ได้แก่ องคชาตแข็งตัวค้าง และปวดเจ็บบริเวณที่ฉีดยา จึงไม่เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน 4. การผ่าตัด แยกเส้นประสาทที่รับความรู้สึกจากส่วนหัวขององคชาตออกจากกัน เพื่อลดการรับความรู้สึกขณะมีเพศสัมพันธ์ลง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศขึ้นได้ จึงแนะนำเฉพาะในรายที่มีการรับรู้ ความรู้สึกต่อการกระตุ้นทางเพศมากและวิธีการต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ผล เท่านั้น สรุป กล่าวโดยสรุป อาการหลั่งน้ำกามเร็วจัดเป็นหนึ่งในปัญหาสมรรถภาพทางเพศที่พบบ่อยในเพศชาย สาเหตุสำคัญมาจากความไวต่อการกระตุ้นทางเพศของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับ ต่อการตอบสนองทางเพศ โดยมีสาเหตุจากความวิตกกังวลทางจิตใจตามมา การรักษาด้วยวิธีการบำบัดรักษาทางเพศที่ผ่านมา มักจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา และการยอมรับ รวมทั้งไม่ประสบผลสำเร็จในระยะยาว การบำบัดรักษาทางยาเพื่อลดความไวต่อการกระตุ้นทางเพศให้ช้าลง พบว่ามีอัตราความสำเร็จของการตอบสนองสูงและใช้เวลาสั้นกว่า แต่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยามากพอสมควร อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยหาสาเหตุและการบำบัดรักษานั้นควรจะอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้มี ความเชี่ยวชาญ เนื่องจากแต่ละรายย่อมมีสาเหตุของการเกิด ความเหมาะสมความสำเร็จ การตอบสนองและผลข้างเคียงจากยาแตกต่างกันไป การวิจัยค้นคว้าในสรีระการทำงานต่อการตอบสนองทางเพศโดยเฉพาะกลไกการหลั่งน้ำ กามจะช่วยให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาแนวทาง และตัวยาในการบำบัดรักษาที่ดีและเหมาะสมในที่สุด |
ที่มา /menhealth.pfizer.co.th |