ปกติแล้วยาคุมกำเนิดจะอยู่ในรูปแบบที่เป็นแผง มี 2 ชนิด คือ แผงละ 21 เม็ด และแผงละ 28 เม็ด ทั้ง 2 ชนิดจะมีตัวยาที่เหมือนกัน 21 เม็ด แต่ชนิดที่เป็นแผง 28 เม็ดจะเป็นยาหลอกหรือวิตามินเพิ่มอีก 7 เม็ด บนแผงแต่ละเม็ดจะมีตัวอักษร วันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ กำกับอยู่ การเริ่มรับประทานก็ให้เริ่มตรงเม็ดที่ตรงกับวันของสัปดาห์วันนั้นที่ตรง ต้นๆ แผง แล้วรับประทานเรียงกันไปในแต่ละวัน สำหรับชนิดที่เป็น แบบแผงละ 21 เม็ดก็เริ่มรับประทานเรียงกันไปจนครบ 21 วัน ก็เว้นอีก 7 วัน พอวันที่ 8 ก็เริ่มรับประทานใหม่ วิธีสังเกต คือ ถ้าเราเริ่มรับประทานแผงแรกที่วันไหน เช่น เริ่มต้นที่วันพุธ แผงต่อไปก็จะเริ่มที่วันพุธเหมือนกัน ระหว่างช่วงที่เว้นรับประทานยา 7 วันนั้นจะมีประจำเดือนมา (มักจะเริ่มมาหลังจากหยุดยาแล้ว 3-4 วัน) ถ้า เริ่มรับประทานแบบแผงละ 28 เม็ด ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดยา 7 วันเหมือนแบบชนิดแผงละ 21 เม็ด เมื่อรับประทานไปจนถึงส่วนที่เป็นยาหลอก 7 เม็ด จะมีประจำเดือนมาก็ให้รับประทานยาไปเรื่อยๆจนครบแผง แล้วก็เริ่มแผงใหม่ในวันต่อมาเลย ยาทั้ง 2 ชนิดจะให้ประสิทธิภาพเท่ากัน เพียงแต่ชนิดแผงละ 28 เม็ดต้องรับประทานทุกวันเพื่อจะไม่ลืมรับประทานแผงใหม่หลังจากเว้นแผงเก่า ในระหว่างรับประทานยาคุมกำเนิดประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอและมาน้อยลง คนที่เคยมีอาการปวดประจำเดือนอาจจะทุเลาลง หรือหายปวดได้ ถ้ารับประทานยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องจะสามารถคุมกำเนิดได้เกือบ 100% มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.4% ต่อปี เมื่อรับประทานยาตามที่แนะนำมาดังกล่าวแล้วจะมีเพศสัมพันธ์กันวันไหนก็เรียก ได้ว่าไม่มีโอกาสตั้งครรภ์ ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด ผลค้างเคียงของยาคุม กำเนิดที่พบบ่อย คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ไม่สบายเนื้อสบายตัว บวม น้ำหนักขึ้น เจ็บหน้าอก (อาการอื่นๆ ปลีกย่อยให้ดูในเอกสารกำกับยา) มักจะเป็นในระยะแรกๆ ของการเริ่มรับประทานยา (3 แผงแรก) ถ้าทนได้หลังจากนั้นก็จะคุ้นเคยกับยามากขึ้นไม่มีอาการอะไร ผลเสียของยาคุมกำเนิด - อาจทำให้มีความผิดปกติของไขมันในเลือด - การแข็งตัวของเลือดง่ายกว่าปกติ ไม่ดีสำหรับคนที่มีประวัติเคยมีเส้นเลือดดำอุดตัน - คนที่เป็นเนื้องอกมดลูก เนื้องอกเต้านม จะให้เป็นมากขึ้น - ยานี้จะถูกทำลายที่ตับ ถ้ามีโรคตับอยู่จะทำให้ตับอักเสบขึ้นได้ คนที่ไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิด 1. มีไขมันในเลือดสูง มีความดันโลหิตสูง 2. มีประวัติเส้นเลือดอุดตันในเส้นเลือดดำ 3. มีก้อนที่เต้านมไม่ทราบสาเหตุ เป็นมะเร็งเต้านม 4. เนื้องอกมดลูก 5. เป็นโรคตับ ตับทำงานไม่ดี 6. อายุมากเกิน 45 ปีขึ้นไป ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน จะมีส่วนประกอบคล้ายกับยาคุมกำเนิด แต่จะมีปริมาณสารเคมีที่มากกว่ายาคุมกำเนิดแบบธรรมดา ให้รับประทานก่อนหรือหลังมีการร่วมเพศไม่เกิน 12 ชั่วโมง จำนวน 2 ครั้งโดยและครั้งให้ห่างกัน 12 ชั่วโมง อาจจะช่วยให้ไม่ให้ตั้งครรภ์ได้ แต่ป้องกันไม่ได้ 100% และทำให้เลือดออกผิดปกติ เกิดความสับสนขึ้นได้ว่าเลือดที่ออกเป็นเลือดที่เกิดจากอะไร ควรรับประทานยาคุมกำเนิดแบบธรรมดามากกว่า |