ยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ฝ่ายหญิงใช้กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ เป็นฮอร์โมนที่ทำเลียนแบบฮอร์โมนที่อยู่ในร่างของผู้หญิง คือ เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน บางชนิดจะมีฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่จะมีทั้ง 2 อย่าง เรียกว่า ชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งนิยมใช้มากกว่า ส่วนใหญ่จะมีฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดเท่ากันทุกเม็ดในหนึ่งชุด (21-22 เม็ด) กินทุกวันติดต่อกัน แล้วหยุด 6 หรือ 7 วัน มีจำหน่ายในบ้านเรามากกว่า 10 ยี่ห้อ บางชนิดจะเพิ่มยาบำรุงหรือแป้งอีก 7 เม็ด เพื่อให้กินทุกวันโดยไม่ต้องหยุด บางชนิดมีขนาดฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดไม่เท่ากัน โดยทำเป็นสีแตกต่างกัน เป็น 2 หรือ 3 ระยะในหนึ่งชุด เช่น ถ้าเป็น 2 ระยะทำเป็น 2 สี คือ 7 เม็ด และ 15 เม็ด รวมเป็น 22 เม็ด ถ้าเป็น 3 ระยะจะทำเป็น 3 สี คือ 6 เม็ด 5 เม็ด และ 10 เม็ด รวมเป็น 21 เม็ด ทั้งนี้โดยมุ่งหวังที่จะให้มีขนาดของฮอร์โมนน้อยที่สุด ใกล้เคียงกับการหลั่งฮอร์โมนตามธรรมชาติ โดยยังมีผลในการคุมกำเนิดได้ดี และมีอาการข้างเคียงน้อย กลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ 1.ระงับการตกไข่ 2.ทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียว ตัวอสุจิผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้น้อย 3.เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้ไม่เหมาะในการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว (ถ้าบังเอิญมีการตกไข่)
วิธีการกินยาคุมกำเนิด การกินยาคุมกำเนิดนั้นมีวิธีที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี ก่อนอื่นต้องดูที่แผงยาก่อนว่ามีวันกำกับหรือไม่ เช่น อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. หรือ sun mon tue wed thu fri sat บางชนิดด้านหลังของแผงจะไม่มีวันกำกับ แต่ว่างเปล่าหรือมีเลขตั้งแต่ 1 2 3 ไปจนถึง 21 ก็มี ซึ่งขึ้นกับบริษัทที่ผลิตยานั้นออกมา ยาคุมกำเนิดจะเริ่มมีผลเมื่อกินไปได้ 4-5 เม็ด จะขออธิบายการใช้ยาโดยแบ่งเป็น 3 ชนิด 1.ยาชนิดที่มีวันกำกับและมี 21 เม็ด เนื่องจากเป็นยาคุมชนิดมีฮอร์โมนเท่ากันทุกเม็ดในหนึ่งชุด 21 เม็ด ไม่ได้เพิ่มยาบำรุงหรือแป้งอีก 7 เม็ด ให้กินยาทุกวันในเวลาใกล้เคียงกัน เช่น หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน กินจนหมดแผงแล้วเว้นไป 7 วัน ก่อนจะเริ่มกินแผงต่อไป ด้านหลังของแผงยาชนิดนี้จะมีสีเดียว มีวันเรียงกันครบ 3 สัปดาห์ คือ 21 วัน เมื่อเริ่มกินยาเม็ดแรก ให้เริ่มภายใน 5 วันของรอบประจำเดือน เช่น ประจำเดือนเริ่มมาวันพุธก็อาจจะเริ่มยาเม็ดแรกวันพุธ หรือวันพฤหัสบดี หรือวันศุกร์ หรือวันเสาร์ อาทิตย์ วันใดวันหนึ่งภายใน 5 วันนี้ โดยกินวันละ 1 เม็ดตามลูกศรจนยาหมดชุด เช่น ถ้าเริ่มเม็ดแรกวันศุกร์ เม็ดสุดท้ายจะตรงกับวันพฤหัสบดี หลังจากนี้ต้องเว้นไป 7 วัน จนถึงวันศุกร์ถัดไปจึงเริ่มกินยาแผงใหม่ ในช่วงเว้นกินยา 1 สัปดาห์นี้ หลังจากหยุดกินยาไปได้ 2-3 วันจะเริ่มมีประจำเดือนมา ถ้าหยุดยาครบ 7 วันแล้วไม่ว่าประจำเดือนจะหมดหรือ 2.ยาชนิดที่มีวันกำกับและมี 28 เม็ด ด้านหลังของแผงยาจะมี 2 สี (บางบริษัททำเป็นแถบสีแดงและสีทอง) แถบสีหนึ่งมีเม็ดยาอยู่ 7 เม็ด ส่วนอีกแถบสีหนึ่งจะมีเม็ดยา 14 เม็ด ในหนึ่งแผงจะมีฮอร์โมน 21 เม็ด และแป้งหรือยาบำรุงอีก 7 เม็ดเพื่อกันลืมเมื่อเริ่มกินยาเม็ดแรก ต้องเริ่มจากส่วนแถบสีที่มี 7 เม็ดเสมอ โดยเริ่มกินในวันแรกที่มีประจำเดือนมา เช่น ถ้าประจำเดือนมาวันแรกคือวันพุธ ต้องกินยาเม็ดแรกวันพุธในแถบสีที่มี 7 เม็ด กินตามลูกศรไปเรื่อยๆ ทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผง จากนั้นไม่ต้องเว้นช่วงกินยา ให้กินแผงต่อไปได้เลยโดยเริ่มแบบเดิม โดยไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะมาหรือไม่มา เช่น ถ้าแผงเก่ากินเม็ดสุดท้ายวันอังคารแผงใหม่ให้เริ่มวันพุธ แต่ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาในขณะที่กินยาในส่วนที่เป็นแถบสี 7 เม็ดของแผงนั้น ๆ เสมอ 3.ยาที่ไม่มีวันกำกับหรือไม่มีตัวเลขกำกับ มี 2 ชนิด คือชนิด 21 หรือ 28 เม็ด สำหรับชนิด 21 เม็ดนั้นให้เริ่มยาเม็ดแรก ภายใน 5 วันแรกของรอบประจำเดือน แล้วกินวันละ 1 เม็ดตามลูกศรจนหมด 21 เม็ด แล้วเว้น 7 วันจึงเริ่มยาใหม่ หากเป็นชนิด 28 เม็ดก็กินจนหมด 28 เม็ดแล้วเริ่มแผงใหม่ต่อไปโดยไม่ต้องหยุดยา ใน 7 เม็ดหลังนี้ไม่มีตัวยาฮอร์โมนมีแต่แป้ง โดยใส่ไว้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ลืมกินยาคือ ให้กินทุกวันจนเป็นนิสัย ลืมกินยาทำอย่างไร สุภาพสตรีหลายคนมักเป็นคนขี้ลืม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มกินยาใหม่ๆ ยังไม่คุ้นเคยก็อาจลืมกินยาไปบ้าง ปกติแล้วถ้ากินยาคุมกำเนิดหลังอาหารเย็นหากลืมกินก็ไปกินก่อนนอนได้ แต่ถ้าก่อนนอนยังลืมอีก เช้าวันรุ่งขึ้นก็ให้รีบกินยาเม็ดนั้นเสีย แต่ถ้าเป็นคนขี้ลืมมากๆ ยังลืมไปจนถึงอาหารเย็นวันรุ่งขึ้นอีก ขอแนะนำว่าให้กินยาทั้งสองเม็ดเลย ซึ่งอาจจะทำให้มีอาการคลื่นไส้เวียนศีรษะมากหน่อย จากนั้นกินต่อไปตามปกติ ถ้าลืมกิน 2 วันติดต่อกัน ให้กินยาตอนเช้าและเย็นติดต่อกัน 2 วัน แล้วกินยาเม็ดต่อไปตามปกติ ถ้าลืมกินยา 3 วันให้หยุดกิน รอให้มีประจำเดือนมาแล้วเริ่มยาแผงใหม่ การลืมกินยาบ่อยๆ หลายๆ วัน อาจจะทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย อาจทำให้มีไข่ตกและตั้งครรภ์ ปกติแล้วจะมีประจำเดือนมาตามที่เคยมา ก็แน่ใจได้ว่าไม่ตั้งครรภ์ เมื่อกินยาหมดแผงให้เริ่มยาแผงใหม่ได้โดยไม่ต้องลังเลใจ แต่ถ้าประจำเดือนไม่มาตามที่เคยมา ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้แผงต่อไป ผลข้างเคียงของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด อาการต่าง ๆ อาจเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ได้แก่ - ผู้ที่กินยาคุมกำเนิดแผงแรกๆ อาจจะรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะคล้ายคนแพ้ท้องอย่าตกใจ อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการแพ้ยา บางคนคิดว่า แพ้ยาจึงหยุดกินแล้วตั้งครรภ์เลยก็มี ขอแนะให้กินต่อไปอย่าหยุด แผงต่อไปจะดีขึ้น หรืออาการนี้จะหายไปเลยถ้าร่างกายเราปรับตัวเข้ากับยาได้ - ทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง กินยาคุมแล้วเสียเลือดน้อยเป็นผลดีจะทำให้เลือดในร่างกายไม่จาง - บางคนกินยาคุมกำเนิดแล้วมีฝ้าขึ้นบ้าง ซึ่งพบมากในผู้ที่อยู่กลางแดดนานๆ จึงควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดนานๆ - อาจมีอาการอื่นๆ เช่น เจ็บเต้านม น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง คือมักจะเพิ่มขึ้น บางคนบอกว่ากินยาคุมแล้วอ้วน เลยไม่กินดีกว่า ควรจริงต้องระวังเรื่องอาหารการกินด้วย อย่ากินอาหารพวกแป้ง และไขมันมาก เพราะจะทำให้อ้วนมากยิ่งขึ้น ข้อดีของการกินยาคุมกำเนิด 1.มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ที่กินยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ในเวลา 1 ปี 2.ผู้ ที่กินยาคุมกำเนิดจะมีประจำเดือนมาตรงสม่ำเสมอ อาการปวดประจำเดือนจะน้อยลงกว่าเดิมหรือไม่ปวดเลย และจำนวนเลือดประจำเดือนจะออกน้อยลง ทำให้ลดภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก 3.ป้องกัน โรคได้ 10 โรค การกินยาเม็ดคุมกำเนิด นอกจากจะเป็นการลดอันตรายจากการตั้งครรภ์และการคลอดแล้ว เมื่อได้ศึกษากันเป็นเวลานานยังพบว่ามีโรคอยู่ 10 โรคที่สามารถป้องกันได้หรือพบน้อยในกลุ่มผู้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โรค เหล่านี้ ได้แก่ ก้อนเนื้องอกที่เต้านม ถุงน้ำที่รังไข่ โรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก การตั้งครรภ์นอกมดลูก ข้ออักเสบ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ เนื้องอกของมดลูก และเยื่อบุโพรงมดลูก การอักเสบในอุ้งเชิงกราน ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable) เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุกๆ 3 เดือน มีประสิทธิภาพสูงและไม่ต้องกลัวลืมเหมือนการกินยาเม็ดคุมกำเนิด อาการข้างเคียงที่อาจพบ - ระบบประจำเดือนเปลี่ยนแปลง อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอย ช่วงแรกๆ และฉีดไปหลายๆ ครั้ง ประจำเดือนจะไม่มา ทั้งสองกรณีไม่เป็นอันตราย และถ้ามีปัญหามากก็มียาแก้ไขได้ - น้ำหนักตัวมักจะเพิ่ม เกิดจากการกระตุ้นให้อยากกินอาหารมากขึ้น ถ้าควบคุมอาหารให้ดีก็ไม่มีปัญหา ยาฝังคุมกำเนิด เป็นการใช้ฮอร์โมนโปรเจสโตเจน บรรจุในหลอดพลาสติกเล็กๆ หลอดเดียว ขนาดกว้างเท่าไม้จิ้มฟัน ยาว 4 เซนติเมตร ฝังบริเวณต้นแขน สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 3 ปี การถอดออกโดยแพทย์ก็ทำได้ง่าย อาการข้างเคียงคล้ายกับการใช้ยาฉีดคุมกำเนิด มีส่วนต่างอยู่บ้างที่น้ำหนักตัวไม่เพิ่มมากนัก และการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือนก็ไม่ค่อยมาก |