งานวิจัยขมิ้นชัน และ บทความขมิ้นชัน จาก สสส.


1,850 ผู้ชม


 สู่นวัตกรรมการวิจัยต้านความชราและอัลไซเมอร์

 งานวิจัยขมิ้นชัน และ บทความขมิ้นชัน จาก สสส.

          สืบ เนื่องมาจากกรณีที่กรมวิชาการเกษตร ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงอุตสาหกรรมลงนามประกาศให้สมุนไพร 13 ชนิดเป็นวัตถุอันตราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน และเป็นวัตถุแปรรูปในวงการยาและเครื่องสำอางอย่างกว้างขวาง บางตัวอย่าง "ขมิ้นชัน" ก็ ยังเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งประกาศโดยกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้และผู้ผลิต รวมถึงสร้างความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง

          ได้ ใช้ขมิ้นชันในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนมากมาย คงไม่มีใครคาดคิดว่าวันหนึ่ง สมุนไพรที่ตนเองใช้อยู่ทุกวันจะกลายเป็นวัตถุอันตราย ขอย้ำว่าเป็นวัตถุอันตราย ไม่ใช่ยาหรืออาหารหรือเครื่องสำอางอันตราย

          ขมิ้น ชันได้ถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหาร ใช้ในวงการเครื่องสำอาง และวงการยามาอย่างยาวนาน อาหารของภาคใต้มีส่วนผสมของขมิ้นจนเป็นเอกลักษณ์ มีสรรพคุณในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารจนเป็นที่ยอมรับ

          ยัง มีงานวิจัยอ้างอิงมากมายยืนยัน ว่าช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อย่างมีประสิทธิภาพ มีสารสำคัญตัวหนึ่งมีฤทธิ์ช่วยขับน้ำดี จึงช่วยในการเจริญอาหาร และยังมีรายงานถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาว่า สารสกัดจากขมิ้นช่วยป้องกันการอักเสบของตับ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง

          ที่ สำคัญเวลานี้มีงานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับขมิ้นชันออกมาอย่างต่อเนื่องอย่างน่าสนใจ เช่น งานวิจัยขมิ้นชันเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เนื่องด้วยขมิ้นชันมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งในอนาคตจะมีการนำไปใช้รักษาผู้สูงวัยที่มีแนวโน้มป่วยด้วยโรคนี้สูงขึ้น

          ซึ่ง เราสามารถใช้ขมิ้นชันในรูปของอาหารตามภูมิปัญญาการปรุงแต่งอาหารไทย จึงเป็นการป้องกันโรคนี้ได้แต่เนิ่นๆ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระจากขมิ้นชัน ยังพบว่าใช้ต้านความชรา หรือชะลอความชราได้ด้วย

          ด้าน การบำรุงรักษาผิวพรรณ ต้องยอมรับว่าคนสมัยก่อนเก่งมาก รู้จักการรังสรรค์ปรุงแต่งสูตรเครื่องประทินผิวได้เก่ง ตั้งแต่โบราณมาแล้วที่มีการใช้ขมิ้นชันทาผิวหลังการอาบน้ำ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการผดผื่นคัน

          อย่าง ในหน้าร้อนมักมีผดผื่นคันแสบร้อนกันมาก ก็ใช้ขมิ้นชันคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่เป็น หรือผสมกับดินสอพองทาทิ้งไว้ หรือนำไปทำครีมล้างหน้าผสมกับน้ำคั้นจากมะขามเปียก ผสมนมสดและน้ำผึ้งเล็กน้อย ช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำได้ มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของสิวด้วย

          บ้าง ก็ปรับประยุกต์ไปทำโลชั่นหรือครีมบำรุงผิว ปัจจุบันเราจะเห็นผลิตภัณฑ์จากขมิ้นชันบำรุงผิวมากมาย ใครสนใจก็ลองไปเดินดูตามร้านที่เขาจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรแล้วเลือกสรร ตามต้องการ

          มี ไม่น้อยที่ใช้ขมิ้นชันทำน้ำมันนวดคลายเส้น บ้างก็ผสมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ ที่นิยมที่สุดก็คือผสมกับไพล หรือจะเอาแต่ขมิ้นชันตัวเดียวก็ได้เคี่ยวในน้ำมัน แล้วกรองเอาแต่น้ำมันไว้ใช้ ในตำรายาต่างๆ ระบุว่าทุกส่วนเป็นยา มีสรรพคุณเหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง

          แต่ ที่นิยมนำมาใช้คือส่วนของเหง้าใต้ดิน มีสรรพคุณแก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน แก้ท้องร่วง ขับลม รักษาไข้ แก้ท้องมาน ท้องอืด ขับเสมหะ ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้เพื่อดี แก้ไข้ผอมเหลือง แก้พิษเสมหะและโลหิต คุมธาตุ แก้ฟกช้ำ รักษาแผลเรื้อรัง สมานแผล ประโยชน์และสรรพคุณที่ระบุการใช้มาตั้งแต่โบราณนั้น ก็ไม่ต่างจากงานวิจัยทางห้องทดลองเท่าไรนัก

          การ ใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น เป็นส่วนผสมกับสมุนไพรอีกหลายตัวเพื่อหมักเอาน้ำไปใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช และน้ำคั้นจากขมิ้นเป็นสีเหลืองจึงสามารถนำไปย้อมผ้าได้ อย่างย้อมผ้าจีวรของพระสงฆ์ ถ้าผสมกับน้ำคั้นใบมะขามป้อมจะได้สีเขียว ถ้าผสมกับปูนขาวจะได้ปูนแดงไว้เคี้ยวกับหมากพลู การทำให้ปูนขาวกลายเป็นปูนแดงก็เพื่อลดความเข้มข้นของด่างในปูนขาว เมื่อกินกับหมากจะได้ไม่กัดปากนั่นเอง

          ชน ชาติต่างๆ ในละแวกบ้านเราต่างรู้จักการใช้ขมิ้นชันรักษาโรค ปรุงแต่งอาหารและประทินโฉมอย่างกว้างขวาง อย่างที่อินเดียหรือพม่าเขาก็ใช้กันเยอะ ถ้าเพื่อนบ้านรู้เข้าว่าที่เมืองไทยขมิ้นชันที่กินใช้กันทุกวันนั้น ได้กลายเป็นวัตถุอันตรายไปเสียแล้ว เขาอาจหัวเราะขำกลิ้งด้วยความแปลกใจ ก็ฉันใช้ของฉันอยู่ทุกวันไม่เห็นเป็นอะไร แต่ทำไมคนไทยต้องประกาศให้เป็นวัตถุอันตราย

          น่าแปลกใจจริงๆ โอ้...ขมิ้นชันอันตราย!!

ที่มา  www.youtube.com

อัพเดทล่าสุด