เราไม่ทราบสาเหตุการมีเนื้องอกมดลูก ทราบแต่ว่าฮอร์โมนของรังไข่มีอิทธิพลทำให้ก้อนเนื้องอกโตขึ้น มักมีปัญหาในคนวัยเจริญพันธุ์ อายุที่พบมากที่สุดคือ 30-40 ปี เมื่อมีก้อนเนื้องอกแล้ว บางคนก้อนโตเร็ว บางคนก้อนไม่โตขึ้นเลยก็ได้ และถ้าถึงภาวะหมดประจำเดือน ซึ่งรังไข่ไม่สร้างฮอร์โมนก้อนเนื้องอกก็จะเท่าเดิมหรือลดขนาดลงได้ เมื่อตั้งครรภ์ ตอนแรกก้อนเนื้องอกจะถูกกระตุ้นให้โตขึ้น แต่ตอนท้าย ๆ ก้อนเนื้องอก จะยุบตัวลง อาการของเนื้องอกมดลูก อาการของเนื้องอกมดลูกเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของก้อนเนื้องอก อาการที่พบบ่อย คือ 1. ประจำเดือนผิดปกติ - มามาก - มามากและบ่อยขึ้น - มาไม่แน่นอน กะปริดกะปรอย - ปวดประจำเดือน - ซีด โลหิตจางจากการเสียเลือด (ประจำเดือน) 2. อาการปวด - ปวดท้องน้อย หรือ ปวดหลังส่วนล่าง มักเป็นลักษณะปวดถ่วง ๆ หนัก ๆ ตื้อ ๆ หรืออาจปวดรุนแรงก็ได้ - เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ 3. อาการจากการกดเบียดอวัยวะใกล้เคียง - ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะลำบาก - ท้องผูก ปวดถ่วงทวารหนัก ถ่ายอุจจาระลำบาก - ปวดเกร็งในท้อง 4. ท้องใหญ่ขึ้นกว่าปกติ คลำก้อนได้ในท้อง 5. ภาวะมีบุตรยาก และแท้งบุตรง่าย อาการทั้ง 5 อย่างที่กล่าวแล้วนี้ อาจเกิดจากสาเหตุโรคอย่างอื่นก็ได้ ดังนั้นถ้ามีอาการดังกล่าวต้องมาตรวจให้ทราบว่าเป็นโรคอะไร เอาล่ะค่ะ ความเห็นนี้เป็นคำตอบของคำถามที่ดิฉันได้ถามเพื่อนๆเอาไว้ ลองตรวจคำตอบดูกันนะคะ นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว แพทย์อาจวินิจฉัยจากการตรวจร่างกายและตรวจภายใน ซึ่งมีการตรวจพิเศษอื่น ๆ มาช่วยเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเนื้องอกมดลูกจริง ไม่ได้เกิดจากโรคอื่น เช่น เนื้องอกรังไข่ ถุงน้ำรังไข่ เป็นต้น การตรวจเพิ่มได้แก่ 1.การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ มักใช้กันเป็นประจำในทางสูตินรีแพทย์ 2.การส่องกล้องดูโพรงมดลูก คือใช้กล้องลักษณะเป็นแท่งเล็ก ๆ ยาว ๆ สอดผ่านปากมดลูก เข้าไปส่องดูในโพรงมดลูกเหมือนกับตาเห็น จะวินิจฉัยก้อนเนื้องอกที่อยู่ในโพรงมดลูกได้ 3.การฉีดน้ำยาและถ่ายเอ็กซ์เรย์ดูในโพรงมดลูก ทำให้สามารถเห็นลักษณะขอบเขตของโพรงมดลูก ว่าเปลี่ยนแปลงผิดปกติไปหรือไม่ และดูว่าท่อนำไข่ตันหรือเปล่าได้ด้วย |