เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สเปิดเผยบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพอากาศร้อนจัดของกรุงเทพมหานครว่า อาจเกิดจากการวางผังเมืองที่ไม่ดี มีพื้นที่สีเขียวน้อย และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยไม่มีฉนวนป้องกันความร้อน

          โดยบทวิเคราะห์ดังกล่าว ได้มาจากการรวบรวมข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายในประเทศไทย ระบุว่า หลังจากที่ประเทศไทยต้องเจอกับภาวะน้ำท่วมหนักสุดในรอบหลายสิบปีไปแล้วเมื่อปลายปีก่อน ตอนนี้อากาศเมืองไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครก็ต้องเผชิญกับภาวะ "ร้อนตับแตก" ที่สุดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา โดยจากรายงานกรมอุตุนิยมวิทยากรุงเทพรายงานว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น อุณหภูมิอากาศในกรุงเทพร้อนเฉลี่ยถึง 40 องศาเซลเซียส 

          จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ ทำให้นักวิจารณ์ได้ออกมาแสดงทัศนะเกี่ยวกับสภาพอากาศในกรุงเทพมหานครว่า เกิดจากการจัดพื้นที่สีเขียวได้ไม่มากพอ ในการรองรับประชากรที่เพิ่มสูงถึง 12 ล้านคนในเมือง โดยหากวิเคราะห์ให้เห็นถึงสัดส่วนของพื้นที่สีเขียวแล้ว จะพบว่า กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวเพียง 3 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คนเท่านั้น ซึ่งเทียบกับสิงคโปร์เพื่อนบ้านไม่ได้เลย เพราะสิงคโปร์นั้น มีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ย 66 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน 

          ส่วนปัญหาต่อมาที่ส่งผลให้สภาพอากาศร้อนระอุ ก็คือการจัดสรรพื้นที่ที่อยู่อาศัยได้ไม่ดี เหมือนกับเป็นการจัดสรรตามอำเภอใจ กฎหมายผังเมืองมีการอนุญาตให้บ้านเรือนประชาชน สามารถปลูกขึ้นแซมตึกสำนักงานสูงหรือแหล่งช้อปปิ้งได้ ยิ่งไปกว่านั้น การออกแบบบ้านเรือนยังไม่มีการคำนึงถึงระบบป้องกันความร้อนเท่าที่ควร ไม่มีการติดฉนวนกันความร้อน ทำให้บ้านเรือนร้อน กระตุ้นให้คนยิ่งใช้ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ จากนั้นมันก็ส่งผลต่อกันเป็นลูกโซ่ และนี่ยังไม่รวมถึงปัญหาการจราจรติดขัดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพอีก

          อย่างไรก็ตาม ปัญหาอากาศร้อนดังกล่าว ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบให้กับประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงสัตว์ด้วย โดยทางสวนสัตว์ดุสิต ได้ออกมาเปิดเผยว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทางสวนสัตว์ต้องพยายามหาที่ที่เย็นลงให้สัตว์ได้อยู่อาศัยถ้าเป็นไปได้ และต้องผสมน้ำแข็งลงในอาหารสัตว์ รวมไปถึงการเปิดสปริงเกอร์น้ำเพื่อผ่อนคลายความร้อนให้สัตว์บางชนิดด้วย

          ทั้งนี้ สำหรับฤดูร้อนในเมืองไทยปีนี้ นับว่าเป็นฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา โดย 50 จังหวัดทั่วประเทศได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งแล้ว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการเผชิญปัญหาเลวร้ายซ้ำซ้อน หลังจากที่ปีที่แล้วเมืองไทยก็เพิ่งจะเผชิญกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่กินพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ และนับเป็นอุทกภัยที่ร้ายแรงมากครั้งหนึ่งเลยทีเดียว