โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมีอะไรบ้าง โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจทั้งหมด โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจต่างๆ


724 ผู้ชม


โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมีอะไรบ้าง โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจทั้งหมด โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจต่างๆ

 

 

ระวัง! โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ในเด็กเล็ก

เรื่องโรคภัยไข้เจ็บกับเด็กตัวเล็กๆ บางครั้งก็มีความเสี่ยงจากปัจจัยและสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวลูกที่เป็นตัวแปร แต่หากได้รู้จัก รู้ทันอาการเอาไว้ก่อน ก็น่าจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รับมือหาทางป้องกัน หรือถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไม่กังวลกันเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ที่มักพบได้บ่อยครั้งในเด็กตัวเล็กๆฉบับนี้ พญ. สุรีรัตน์ พงศ์พฤกษา กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ หอบหืด และวิทยาภูมิคุ้มกัน จะเป็นผู้อธิบายคลายความสงสัยในเรื่องนี้ค่ะ

สาเหตุการเกิด

โรคติดต่อทุกโรค สามารถติดต่อกันได้ทั้งทางการหายใจ ทางปากหรือทางผิวหนัง แต่โรคติดต่อส่วนใหญ่ในเด็กเล็กเป็นโรคติดต่อทางด้านระบบทางเดินหายใจเป็นเส้นทางหลัก โดยเด็กๆ จะรับเชื้อโรคผ่านทางการหาย ใจเข้า-ออก ผ่านไปตามอวัยวะสําคัญต่างๆ ของระบบหายใจ ตั้งแต่จมูก หลอดลม ลงไปทีปอดตามลําดับ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทําให้เด็กเจ็บป่วย

โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2-3 ปี (เด็กก่อนวัยเรียน) กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ พบว่าการเจ็บป่วยเนื่องจากระบบทางเดินหายใจ มาจากการติดเชื้อไวรัส เพราะช่วงอายุหลัง 4-6 เดือนไปแล้ว ภูมิคุ้มกันโรคตั้งต้นที่ได้รับจากแม่เริ่มลดลง ถ้าได้รับเชื้อโรค อาการเจ็บป่วยก็เกิดขึ้นได้ บางครอบครัวที่มีเด็กอยู่ร่วมกันหลายคน หรือมีพี่ที่อยู่ในวัยเรียน ก็มีโอกาสรับเชื้อได้ และยังพบว่าเชื้อแบคทีเรีย ก็มีส่วนทําให้ลูกเจ็บป่วยได้เช่นกัน

โรคอะไรบ้าง ที่ต้องระวัง
 ไข้หวัด

เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ ที่พบได้บ่อยและเกิดกับเด็กเล็กแทบทุกคนก็ว่าได้ ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัส อาการมักเริ่มด้วยการมีน้ำมูกใส ไอ จาม คัดจมูก หายใจครืดคราด ไข้ไม่สูง (ตัวรุมๆ) หากไอมาก ก็อาจกินนมน้อยลง ถ้าเด็กมีเสมหะ หลังจากกินนมก็อาจอาเจียนออกมา

โดยทั่วไป หากคุณพ่อคุณแม่ดูแลอย่างถูกวิธีในเบื้องต้น อาการก็จะหายดีเป็นปกติ(ประมาณ 2-5 วัน) เพราะร่างกายจะสามารถกําจัดเชื้อออกไปเองตามธรรมชาติ แต่ก็ใช่ว่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าอาการป่วยของลูกดีขึ้น เพราะยังมีเชื้อแบคทีเรีย เป็นตัวแปรสําคัญอีกหนึ่งตัว ที่ทําให้ลูกน้อยเกิดภาวะแทรกซ้อน ตามมาเล่นงานลูกน้อย

 ไซนัสอักเสบ

เป็นอีกหนึ่งโรคที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ใหญ่ และเด็กตัวเล็กๆ แต่หากเทียบกับโรคอื่นๆ เรียกว่าโอกาสที่จะเกิดนั้นมีน้อย เพราะไซนัสในเด็กเล็กนั้น ยังพัฒนาได้ไม่ดีพอ ต้องรอเวลาในช่วงวัยที่เด็กโตขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ ไม่ทันระวังไว้ก่อน โรคไซนัสอักเสบ เป็นโรคแทรกซ้อนของโรคหวัด จะเกิดหลังจาก เป็นหวัด ตามปกติเด็กที่เป็นหวัด ควรจะหายภายใน 1 สัปดาห์ ถ้ามีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกเป็นเวลานาน ควรพาไปหาคุณหมอ เพราะอาการภายนอกใกล้เคียงโรคภูมิแพ้

 หวัดเรื้อรัง ระวังเป็นภูมิแพ้

เนื่องจากโรคภูมิแพ้ เกิดจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาไวเกินต่อสิ่งแปลกปลอม ทําให้เยื่อบุทางเดินหายใจตั้งแต่จมูกไปจนถึงหลอดลม มีปฏิกิริยาการอักเสบเล็กน้อยตลอดเวลา (มีน้ำมูกไหลเรื้อรัง) บางครั้งมีอาการหอบคล้ายหืด พอหลอดลมตีบ ออกซิเจนเข้าไปไม่พอ เด็กก็จะพยายามหายใจให้เร็วขึ้น เวลาหายใจมีเสียงวี๊ดๆ และยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ กลายเป็นโรคอื่นๆ ได้ง่าย เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบ เยื่อบุจมูกอักเสบ หรือไซนัสอักเสบ จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่รวมกันมากๆ อากาศไม่ถ่ายเท และที่สําคัญก็คือสารก่อภูมิแพ้นั่นเอง

 คอหรือทอนซิลอักเสบ

คอหรือทอนซิลอักเสบในเด็กก็เกิดขึ้นได้ แม้แต่ในเด็กเล็กๆ ติดตรงที่ว่า ลูกน้อยไม่สามารถบอกได้ว่าเจ็บคอ ต้องใช้วิธีสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด สัญญาณบ่งบอก อาจดูจากอาการต่อไปนี้
+ มีไข้
+ กินอาหารน้อยลงหรือไม่ยอมกินอาหาร
+ น้ำลายไหล ร้องเสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไปจากเดิม
+ ต่อมน้ำเหลืองโตจนคลําหรือมองเห็นได้บริเวณลําคอหรือใต้คาง มีอาการไข้และการเจ็บคอ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบ

 หลอดลมอักเสบ

หลอดลมอักเสบ คือ การติดเชื้อในหลอดลม ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย อาการที่พบ คือ มีไข้ ไอมาก อาจจะไอแห้งๆ หรือแบบมีเสมหะ หายใจเร็ว บางรายมีอาการหอบเหนื่อย หรือเวลาหายใจได้ยินเสียงหายใจดังครืดคราด เนื่องจากมีเสมหะมากและเหนียว

การรักษาอาการ บางครั้งจําเป็นต้องให้ยาเพื่อลดอาการไอ เช่น ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ และดื่มน้ำให้มากขึ้น (ลดการดื่มน้ำเย็น เนื่องจากกระตุ้นอาการไอมากขึ้น) กรณีที่ติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย จําเป็นต้องเพิ่มยาปฏิชีวนะตามไปด้วย

 ปอดบวมหรือปอดอักเสบ

เชื้อที่ทําให้เกิดโรคปอดบวม พบได้ทั้งเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย นอกจากนี้ภาวะตัวเย็นหรืออุณหภูมิร่างกายต่ำ ก็เป็นสาเหตุให้เกิดโรคปอดบวมในเด็กได้ อาการของโรคปอดบวมที่พบโดยทั่วไป เด็กจะมีไข้สูง อาการไข้เกิดขึ้นก่อนหรือเกิดขึ้นพร้อมกับการมีปอดบวมก็ได้ ไอมาก ไอแห้งๆ หรือไอแบบมีเสมหะ หายใจเร็ว บางรายมีอาการหอบเหนื่อยได้ หรือเวลาหายใจ จะเห็นปีกจมูกบาน บางรายได้ยินเสียงหายใจครืดคราด เนื่องจากมีเสมหะมากและเหนียว กรณีที่เชื้อรุนแรงหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทําให้เสียชีวิตได้

 หอบหืด

ส่วนหอบหืดนั้น เกิดจากหลอดลมหดตัวผิดปกติ เมื่อเด็กไม่สบายในวันแรกๆ คุณแม่สังเกตได้ว่า ลูกจะไอรุนแรง และหายใจเร็ว เกิดจากหลอดลมอุดกั้นหรืออุดตัน (หายใจเข้าได้ แต่หายใจออกไม่ค่อยสะดวก) ควรพาไปพบคุณหมอ โรคนี้สามารถส่งผ่านทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับโรคภูมิแพ้ทั่วไป แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เองภายหลัง โดยไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม หากได้รับสารกระตุ้นให้เกิดอาการ

 ปัจจัยเสริม ต่อการได้รับเชื้อโรค

+ มีโรคประจําตัว หรือร่างกายเด็กอ่อนแอ
+ ความรุนแรงของเชื้อโรค ว่าเป็นชนิดใด เช่น เชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดแพร่กระจาย ที่อันตราย สามารถทําให้เกิดโรคติดเชื้อรุนแรงในระบบอวัยวะต่างๆ ถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต
+ อากาศ ก็เป็นปัจจัยที่ทําให้เด็กเล็กๆ ที่ภูมิคุ้มกันยังไม่ดีพอ ได้รับเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนต่อหนาว ช่วงที่อากาศชื้นเย็น จึงควรดูแลเรื่องการสวมใส่เสื้อผ้า อุณหภูมิในร่างกายของเด็ก



แหล่งที่มา : women.kapook.com , นิตยสาร Mother&Care

อัพเดทล่าสุด