ผักไฮโดรโปนิกส์ pantip ไฮโดรโปนิกส์ สวนจตุจักร ปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิค
สวัสดีจ้ามาพบกันอีกครั้งกับคอลัมน์ DIY วันนี้พี่ Skoolbuz พาน้องๆ มาพบกับความรู้กับการปลูกผักไฮโดรโปนิค เอาไว้ทานเองที่บ้านแบบง่ายๆ ทำไม่ยากเลย ใครอยากลองทำก็ลองดูได้เลยนะจ๊ะ
1.ขีดฟองน้ำตามภาพ
2.ตัดให้เป็นลูกเต๋า
3.เอาหัวแร้ง มาเจาะรูแก้ว กว้าง 1นิ้ว (แก้วเล็กจะทนกว่า )
โต๊ะปลูก ใช้ตาข่าย เจาะรู หรือ โฟม
โฟมหนา1" เจาะรูตามขนาดของแก้ว
โฟม 1 แผ่น... เจาะแถวละ 7รู...จะได้ 7 ช่อง...จะปลูกผักได้ 49รู...
ฟองน้ำแช่น้ำให้ฉ่ำ ถ้าผักที่มีเมล็ดเล็กๆ ให้ใส่ฟองน้ำตื้นๆ สำหรับเม็ดผักบุ้งแช่น้ำไว้ 1 คืน เนื่องจากเม็ดใหญ่ จากนั้นก็ คีบเม็ดที่พองๆ ใส่ฟองน้ำชิ้นละ 4 เม็ด เรียงใส่ถาด เอาน้ำใส่สูง 1 เซ็น ปิดด้วยหนังสือพิมพ์เปียกน้ำ นำไปวางในที่ร่ม
วันเมื่อเริ่มงอก เปิดหนังสือพิมพ์ออก เติมน้ำถ้าแห้ง วางในที่มีแสงแดดอ่อนๆ อีก 2 วันก็พร้อมลงแก้ว
เมื่อผสมน้ำปุ๋ยแล้ว 3cc/น้ำ 1 ลิตร เทน้ำใส่ถังโดยแต่ละแถววางแก้ว ที่เจาะรูไว้แล้ว 1 แก้ว เพื่อที่จะให้เป็นตัววัดระดับน้ำ น้ำจะชนก้นแก้วพอดี จากนั้นลุย เอาผักบุ้งต้นเล็กๆ ใส่แก้ว เสียบลงรูโฟม แล้วไม่ต้องทำไรมาก แค่คอยดูห่างๆ คอยมองหาแมลง เมื่อผักโตประมาณวัยรุ่นผัก ช่วงนี้ผักจะดูดน้ำเร็ว เติมน้ำเพิ่ม ให้รากจมในน้ำ 2 ส่วนอีก 1 ส่วนลอยกลางอากาศเพื่อรับออกซิเจน (ตอนลงผัก วันแรก ตัวฟองน้ำจะจมน้ำหมด แต่ไม่ให้น้ำท่วมก้นแก้วนะคะ เดี๋ยวผักตาย หลังจากนั้นต้นผักจะโตขึ้น พร้อมกับฟองน้ำที่ลอย พ้นน้ำ แต่ราก 2 ส่วนจะต้องจมน้ำนะคะ อีก 1 ส่วนลอยกลางอากาศเป็นรากหายใจ เราต้องคอยดูไม่ให้น้ำแห้ง )
ภาพข้างบน ตาข่ายเขียวอย่างเดียวไม่ดี น้ำเจอแดดจะขึ้นตะไคร่น้ำ ต้องหาเสี่อน้ำมันมาปิด
ภาพนี้ผักขาดสารอาหารเกิดจากฝนตกทำให้ปุ๋ยจืด วิธีแก้เติมปุ๋ยตามปริมาณของน้ำ 3 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร
ผักโตพร้อมถอน ราก กับน้ำ จะอยู่ประมาณนี้จะเห็นว่าน้ำใสแทบจะเป็นน้ำเปล่า
ปลูกในตะกร้าก็ได้
ผักสวยงาม
วิธีดูปุ๋ย.แบบไหนเรียกว่าปุ๋ยจืด...แก้วบนซ้าย มือให้ดูสีของน้ำปุ๋ย...ถ้าปุ๋ยจืดน้ำจะสีจางๆ จนถึงใส...แต่ถ้าอยู่ใน ถังยาวๆ ก็ให้ดูที่ผิวของน้ำ...จะมีแผ่นฟิล์มใสๆ ที่ผิวน้ำคล้ายน้ำมันบางๆ แสดงว่ายังมีปุ๋ยแผ่นฟิล์มที่ว่าลอยน้ำประมาณ 30%...ของผิวน้ำก็ใช้ได้ ถ้า ฝนตกบ่อยๆ ปุ๋ยจืด...ผักก็ยังต้นเล็ก...จะทำอย่างไร...กะปริมาณของน้ำที่มีในถังว่ามีกี่ลิตรเติมปุ๋ยเพียวๆ เลยแล้วก็หา ไม้มากวนปุ๋ย
ถ้ามีหนอนให้จับออก (ใช้ตีมตีบ) คีมคีบหนอน...สังเกตุฟองน้ำมั้ยยังฉ่ำน้ำอยู่...ถ้าผักโตขึ้นกว่านี้จะปล่อยให้ฟองน้ำฉ่ำไม่ได้...ควรจะต้องแห้ง...ไม่งั้นโคนต้นผักจะเน่า
ล้างถังปลูกบ่อยๆ ถ้าปลูกซ้ำน้ำเดิมหลายรอบผักจะต้นเล็กลงเรื่อยๆ ดูผักกาดขาวซ้ายมือ กำลังโต ต้องแยกออกให้อยู่ห่างๆ กัน แน่นเกินไปผักจะไม่โต
วิธีการดูว่า ผักได้สารอาหารที่ต้องการพอแล้วหรือไม่
- ถ้าใบเหลือง แสดงว่า คุณให้น้อยไป ให้ใส่เพิ่ม ในปริมาณที่เท่าๆ กัน
- ถ้าใบเขียวเข้ม หรือเขียวแก่ ผิดจากผักทั่วไปตามสายพันธุ์ แสดงว่า คุณให้ปุ๋ยเยอะไป ให้เติมน้ำเข้าไป
*** หมั่นดูน้ำในกะละมังด้วย ยิ่งผักโตไวเท่าไหร่ ยิ่งกินน้ำปุ๋ยมากเท่านั้น อย่าให้มันขาดน้ำ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- น้ำปุ๋ยเก่าที่ต้องการจะเปลี่ยน สามารถนำไปรดน้ำต้นไม้ทั่วไปได้
- ต้นกล้าที่เหลือ เพาะเกินเสียดายทำไง? เอาไปเพาะลงดินได้
- ผักที่ปลูก หากไม่ต้องการให้แมลงรบกวน ควรทำตาข่ายรูถี่ๆ กั้นปิดโดยรอบกะละมังไว้ แต่ให้สูงเผื่อผักโตเต็มที่ด้วย
- น้ำ + อากาศในน้ำ (จากตัวพ่นออกซิเจน) + ออกซิเจนจากอากาศทั่ว + แดด เป็นสิ่งที่พืชต้องการ เพราะงั้น ควรนำกะละมังอยู่ที่ๆ มีแดด
***แต่ ถ้าต้นกล้าที่เพิ่งเพาะใหม่ๆ ลงโฟม แนะนำว่า ไม่ควรตากแดดแรงๆ อาจจะเป็นที่ร่มที่พอมีแสงผ่าน ไปก่อนเพราะมันยังเล็ก อาจจะตายได้ ถ้ามันโตขึ้นกว่าขนาดต้นกล้ามากสักหน่อย(มันมีใบสัก 4 - 5 ใบ) ค่อยเอามันออกแดดแรงๆ ได้(มันชอบมาก)
- แล้วเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า ผักไม่แก่เกินไป? ประมาณ 1 เดือนในช่วงหน้าหนาว 1 เดือนครึ่งในช่วงหน้าร้อน
- ผักแก่ กับ ผักกำลังกิน แตกต่างกันอย่างไร? ผักแก่จะเหนียว และแข็ง ผักกำลังกินจะกรอบ เมื่อนำไปผัดจะนิ่มกว่าผักที่ปลูกในดิน
- ระยะเวลาการปลูกในดิน กับในน้ำต่างกันเท่าไหร่? ในดินจะใช้เวลาเพิ่มอีกครึ่งหนึ่งของในน้ำ
แหล่งที่มา : skoolbuz.com