น่ารู้ วังปารุสกวัน วังปารุสกวัน pantip วังปารุสกวันตอนที่2 พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน
เจ้าวังปารุสก์
ฐานะทางสังคมของเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถถือว่าสำคัญในลำดับต้นๆ เมื่อเทียบกับพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์อื่นๆ ในรัชกาลที่ ๕ เพราะนอกจากทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชินีนาถแล้ว ยังเป็นพระราชอนุชาลำดับถัดมาจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธอีกด้วย
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งขอเอ่ยในที่นี้เพียงสั้นๆว่า "สมเด็จพระพันปี" ทรงมีพระราชโอรสธิดา ทั้งหมด ๙ พระองค์ ตามลำดับดังนี้
๑. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพาหุรัดมณีมัย พ.ศ. ๒๔๒๑-๒๔๓๐ ในรัชกาลที่ ๖ ทรงได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระเทพนารีรัตน์
๒. พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
๓. สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรีเพชรุตม์ธำรง
๔. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
๕. สมเด็จเจ้าฟ้าชายศิริราชกกุธภัณฑ์
๖. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง สิ้นพระชนม์ในวันที่ประสูติ
๗. สมเด็จเจ้าฟ้าชายอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
๘. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย
๙. พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรีเพชรุตม์ธำรง สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์มาก แค่พระชนม์ได้ ๗ พรรษา ก็เท่ากับเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงเป็นลำดับต่อมาในการสืบราชสันตติวงศ์ หากว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชไม่มีพระโอรส กล่าวกันว่าสมเด็จพระพันปีทรงทูลขอพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ว่า ขอให้ลำดับการสืบราชสมบัติตกอยู่กับสายพระราชินีนาถก่อนจะไปถึงสายพระมเหสีเทวีพระองค์อื่น มิได้ลำดับตามอายุของเจ้าฟ้าแม้ต่างพระราชชนนีอย่างแต่แรกเริ่ม เมื่อสถาปนาเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชโอรสในสมเด็จพระศรีสวรินทราฯ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสธิราชพระองค์แรก
เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถเสด็จไปศึกษาต่อที่อังกฤษ เมื่อพระชนม์ได้ ๑๔ พระนิสัยเป็นอย่างไร พอจะมองเห็นได้จากพระราชหัตถเลขาในสมเด็จพระบรมราชชนก พระราชทานไปยังพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ผู้ดูแลพระราชโอรสทั้งปวงที่เสด็จไปศึกษาในยุโรป
" ชายบริพัตร( หมายถึงเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระราชโอรสในพระนางสุขุมาลมารศรี) แลชายเล็ก( เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลก) นั้นเป็นคนคิดไม่นิ่ง ชายเล็กกล้ากว่าชายบริพัตร แต่มีพุ่งได้บ้าง ชายบริพัตรหย่อนข้างกล้าแต่ระวังมาก ความสังเกตทรงจำเข้าใจว่าเหมือนกัน แต่ถ้าในกระบวนเข้าสมาคมโต้เถียงเล่นฤาจริง เล็กคล่องกว่า แต่ชายบริพัตรละเอียดลออกว่า ทั้งในความคิดแลฝีมือทำการ
ทางที่จะเสียของลูกชายเล็กมีอย่างเดียวแต่เรื่องจองหอง เพราะเป็นผู้ที่ไม่ใคร่จะได้เคยถูกปราบปราม แต่ก็เห็นว่าถ้ากลัวลานหนักไปก็ไม่ดีเหมือนกัน "
พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ กราบบังคมทูลตอบว่า
" ข้าพระพุทธเจ้าได้ไปฟัง(โต้วาที) วันเสาร์หนึ่ง เห็นทูลกระหม่อมเล็กเก่งเต็มที่ ในการสปีชว่องไว เฉียบแหลม เกินคาดหมายที่จะทรงสปีชในภาษาอังกฤษดีดังนั้น ทำให้ข้าพระพุทธเจ้ามีความปีติยินดีขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยว่าข้างหน้าต่อไปสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นี้จะไม่ปราดเปรื่องเฉียบแหลมในราชการบ้านเมือง "
แล้วก็เป็นจริงดังที่พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตไว้ ต่อมาเสด็จไปศึกษาต่อในประเทศรัสเซีย ตามที่สมเด็จพระเจ้านิโคลัสที่ ๒ จักรพรรดิรัสเซียได้ทรงขอไว้ ซึ่งทางประเทศรัสเซียได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ ทั้งได้มอบให้ผู้บัญชาการโรงเรียนมหาดเล็ก และนายร้อยเอก นายทหารม้ารักษาพระองค์ เป็นนายทหารช่วยเหลือในการศึกษา และคอยถวายความสะดวกดูแลทุกประการ
การเรียนทหารในรัสเซียหนักไม่ใช่เล่น สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสได้รับสั่งใหัเจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯทรงเข้าศึกษาวิชาในโรงเรียนมหาดเล็ก ซึ่งเป็นโรงเรียนนายทหารบกที่มีอยู่ ๙ ชั้น ให้สอบไล่ได้ในกำหนด ๔ ปี เพราะฉะนั้นในการศึกษาชั้นต้นๆ จึงจำเป็นจะต้องให้ได้รับการศึกษาวิชาเพื่อเตรียมพระองค์เข้าเป็นนักเรียนชั้น ๖ ทีเดียว คือ เริ่มจัดครูมาสอนในที่ประทับไปพลางก่อน ต่อมาจึงได้เริ่มทรงศึกษาเพื่อให้เป็นไปตามกำหนด ๔ ปี (คือให้ได้ชั้น ๙) เมื่อครบตามกำหนดแล้ว จากผลการสอบ ได้ทรงสอบไล่ได้เป็นที่ ๑ ของนักเรียนทั้งหลายในโรงเรียนนั้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ และทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัยทหาร ทรงสอบไล่ได้เป็นที่ ๑ ของโรงเรียนอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘
สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ ๒ ทรงพอพระทัยยิ่ง ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็น พันเอกพิเศษในกองทัพบกรัสเซีย และเป็นนายทหารพิเศษในกรมทหารม้าฮุสซาร์ของสมเด็จพระจักรพรรดิ กับพระราชทานสายสะพายเซนต์อันเดรย์ ซึ่งเป็นตราสูงสุดของประเทศรัสเซียสมัยนั้น รวมทั้งตราเซนต์วลาดิเมียร์อีกด้วย
เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถเสด็จกลับสยาม
เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถเสด็จกลับสยาม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ เมื่อสำเร็จการศึกษา พร้อมเกียรติประวัติงดงาม เป็นที่ปลาบปลื้มพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระพันปียิ่งนัก
จนกระทั่งมีข่าวแพร่เข้ามาว่า ณ เมืองสิงคโปร์มีหญิงสาวตะวันตก เพิ่งมาพำนักอยู่ ใช้ชื่อว่า มาดาม เดอ พิษณุโลก พระเจ้าอยู่หัวทรงสอบถามพระราชโอรสว่า เจ้าฟ้าชายทรงมีหม่อมเป็นชาวตะวันตกหรือ ก็ได้รับคำทูล ว่าเป็นความจริง ทำให้ทั้งพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระพันปีกริ้วมาก
แต่ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าซาร์ หรือพระเจ้าแผ่นดินสยาม หรือความเป็นตะวันตกและตะวันออกที่ขวางกั้นกันครึ่งโลก ก็ไม่ทำให้เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถหวั่นไหวได้ ทรงพาหม่อมคัทรินหรือชื่อเล่นๆว่าแคทยา หญิงสาวชาวรัสเซียที่รักกันตั้งแต่ทรงศึกษา เข้ามาในสยามอย่างไม่ปิดบังอีกว่าเป็นชายา จัดให้พักที่วังปารุสกวันร่วมกัน ในฐานะเจ้าของวังร่วมกันกับพระองค์
แต่ปีทั้งปี แคทยาก็แทบจะไม่ได้ย่างเท้าออกจากวัง เว้นแต่ไปนั่งรถยนต์เล่นในตอนค่ำคืน เธอไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถอย่างสะใภ้หลวง ทั้งสองพระองค์มิได้ทรงยอมรับเธอ แต่ก็มิได้พระทัยร้ายถึงกับขับไล่ไสส่งหรือยื่นคำขาดให้พระราชโอรสทรงละทิ้งหม่อม
ชีวิตในวังปารุสกวันผ่านไปด้วยความราบรื่น เจ้าฟ้าชายเห็นพระทัยหม่อมคัทริน ก็ทรงทำทุกอย่างที่จะให้เธออยู่อย่างเป็นสุขและสะดวกสบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ที่ช่วยเป็นกำลังใจสนับสนุนอีกแรงหนึ่งคือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ แคทยาเคารพและมองพระองค์ท่านด้วยความเชื่อมั่นในหลายๆด้าน
แหล่งที่มา : vcharkarn.com