ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เชียงใหม่ สมัครงานไฮโดรโปนิกส์ ปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ก็รวยได้!
ยังจำผัก "ไฮโดรโปนิกส์" กันได้มั้ย ธุรกิจที่คนตกงานเคย "คลั่ง" กันพักหนึ่ง แต่แล้วก็หายไป วันนี้แม่ทัพ "เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม" มาร่วมไขคำตอบว่า ปลูกผักปลอดสารแบบไหนให้กลายเป็นธุรกิจแถวหน้าของประเทศได้
หลายคนบอกปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ "ไม่เวิร์ค" ทำแล้วมีแต่ตาย กับตาย แต่สำหรับ เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ แบรนด์ Super Fresh และ ชุดปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์ แบรนด์ Super Green ธุรกิจนี้สดใส จากเพียงพื้นที่ 1 ไร่ วันนี้ "อาณาจักร" แห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในกรุงเทพและแปดริ้ว ด้วยกำลังการผลิตสูงระดับ 600 ตันต่อปี พร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ออกมาไม่หยุดนิ่ง
นี่คือบทพิสูจน์ของความสำเร็จที่เกิดขึ้น หลังจาก "เกษมสันต์ เคียงสิริ" ลองข้ามจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม "เอซีเค" ที่เขาคุ้นเคย มาทดลองปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ สนองตลาดคนรักสุขภาพ
"คุณพ่อ (เกษมสันต์ เคียงสิริ) ท่านเป็นคนรักสุขภาพ มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศแล้วได้ทานผักสลัด ก็เกิดความคิดว่าทำไมบ้านเราถึงไม่ทำอย่างเขาบ้าง จึงมาคิดการทำเกษตรรูปแบบใหม่ด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ ค่อยๆ ทดลองทำ ไปพร้อมกับค้นคว้าหาความรู้ เราเริ่มจากพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ที่ฟาร์มอ่อนนุช เขตสวนหลวง ในปี 2542 และมาจดเป็นบริษัท เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม จำกัด ปี 2544 ที่ผ่านมา" พัณณิดา เคียงสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด ทายาท เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม บอกกับเรา
จากจุดเริ่มต้นแค่ความสนใจส่วนตัว แต่เมื่อการพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่ง ในที่สุดก็สามารถส่งผักคุณภาพดีออกสู่ตลาดได้สำเร็จ พวกเขาเริ่มจากส่งผักน้องใหม่เข้าไปอวดโฉมในโมเดิร์นเทรดต่างๆ ด้วยคอนเซปต์ สินค้าเพื่อสุขภาพ ปลูกเองในไทย ทดแทนการนำเข้าได้
คนรักสุขภาพกินผักได้อร่อยขึ้น ทั้งยังมีพัฒนาการจากกินเล่นๆ เป็นผักสลัดมาเป็นมื้ออาหาร ที่สาวๆ รักสวยแสนชื่นชอบ อิ่มเบาๆ ดีกับสุขภาพ ทำให้ผักคนเมืองไฮโซกลายเป็นผักที่แพร่หลายในที่สุด ถ้าแค่ปลูกผักขายพวกเขาคงเป็นแค่เกษตรกรธรรมดา แต่เพราะไม่หยุดนิ่งทำให้ธุรกิจนี้ "ไม่ตัน"
ด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลาย ผักสดพร้อมปรุง ผักสดคู่น้ำสลัด ผักสมุนไพร ภายใต้แบรนด์ Super Fresh ที่มีโรงงานแปรรูปเป็นเรื่องเป็นราว รวมทั้งผลักดันตัวเองให้ได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ เพื่อรองรับการเติบใหญ่ในโมเดิร์นเทรด และการทำตลาดในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน Super Fresh มีจำหน่ายแล้วในเอเชียอย่าง มาเลเซีย และฮ่องกง
การผสมผสานธุรกิจปลูกผัก กับ มาร์เก็ตติ้ง ทำให้พัณณิดา มองไปอีกสเตป นั่นคือ เจาะตลาดกลุ่มคนที่ต้องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ไว้ทานเองที่บ้าน รวมไปถึงทำเป็นธุรกิจเล็กๆ เสริมรายได้
เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม จึงขยายบทบาทตัวเองมาสู่ การรับออกแบบและติดตั้งโรงเรือนปลูกผักด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ จำหน่ายชุดปลูกขนาดต่างๆ มีทั้งขนาดเล็กสำหรับการปลูกเพื่องานอดิเรก และขนาดใหญ่สำหรับการเริ่มต้นปลูกเพื่อการค้า จำหน่ายอุปกรณ์การปลูกพืชพร้อมทั้งเมล็ดพันธุ์ เหล่านี้เป็นต้น
"เรามีชุดอุปกรณ์ที่ขายเป็นเซตให้กับลูกค้าทั้งชุดเล็กชุดใหญ่แล้วแต่ขนาดพื้นที่ที่ลูกค้ามี อยากปลูกผักไทยหรือผักสลัดแล้วแต่ความต้องการ สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผักไว้รับประทานเองที่บ้าน หรืออย่างร้านอาหารเพื่อสุขภาพปลูกไว้เป็นวัตถุดิบ รวมถึง คนที่ต้องการปลูกในเชิงการค้า โดยเราสามารถไปตั้งโรงเรือนให้ได้ และถ้าปลูกแล้วหาลูกค้าไม่ได้ ก็สามารถมาเป็นฟาร์มลูกข่ายป้อนผลิตผลให้กับเราได้ด้วย"
ความหลากหลายของชุดอุปกรณ์เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกรูปแบบ ในราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 4,500 บาท สำหรับผู้ที่จะปลูกเพื่อการค้า สามารถลงทุนที่ ตารางเมตรละ 1,200-1,500 บาท ในพื้นที่ 1 ไร่ ใช้เวลาคืนทุนประมาณ 3-5 ปี ขึ้นกับระบบที่ปลูก ราคาผักที่ขายได้ และประเภทของผักด้วย โดยผักที่ขายดีคือกลุ่มผักสลัด อย่าง กรีนโอ๊ค และเรดโอ๊ค สำหรับระยะเวลาในการปลูกอยู่ที่ 45 วัน
มาถึงตรงนี้คนนอกสนามอาจคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่สำหรับพวกเขา ธุรกิจนี้ยังมีอะไรให้พัฒนาต่อไปอีกมาก โดยเฉพาะการมามุ่งสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง เพื่อทำให้ Super Fresh กลายเป็นที่จดจำและระลึกถึงเป็นชื่อแรกๆ เมื่อผู้บริโภคต้องการผักไฮโดรโปนิกส์คุณภาพ
นอกจากการเข้าร่วมอบรมการสร้างแบรนด์กับทางสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) แล้ว เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม ยังหาช่องทางเปิดตัวเองมากขึ้น ด้วยการร่วมในงานแสดงสินค้าต่างๆ อย่างงานบ้านและสวนที่ผ่านมา การออกบูธในห้างสรรพสินค้า การทำกิจกรรมร่วมกับโมเดิร์นเทรด การพัฒนาผลิตภัณฑ์รับสถานการณ์อย่าง ออกชุดกระเช้าปีใหม่ ชุดผักสำหรับวันเกิด ชุดเยี่ยมไข้ รวมถึงการขยายไปยังงานแต่งงาน งานอีเวนท์ ที่ต้องการฉีกไอเดีย มาใช้ผักสดประดับตกแต่งแทนดอกไม้เป็นต้น ทำให้ธุรกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พร้อมๆ กับการพยายามผลักดัน "แบรนด์" ให้เป็นที่รู้จัก เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านด้วยความมุ่งมั่น ก็สร้างดอกผลเป็นรายได้งามๆ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี หลังจากเคยเติบโตแบบก้าวกระโดดมาแล้ว เมื่อครั้งขยายพื้นที่ปลูกจากฟาร์มอ่อนนุชที่กว่า 5 ไร่ ไปยังฟาร์มแปดริ้ว (ฉะเชิงเทรา) บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ เมื่อ 3-4 ปี ที่ผ่านมา เพิ่มกำลังการผลิตสูงถึง 50 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 600 ตันต่อปี สำหรับปีหน้า ท่ามกลางกระแส "วัวบ้า" แต่กับ เอซีเค ไฮโดรฟาร์ม พวกเขาบอกเราว่ารายได้จะแตะที่ 100 ล้านบาท แล้ว ก้าวย่างต่อไปของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผักปลอดสารพิษระบบไฮโดรโปนิกส์ คือการพัฒนาตราสินค้าเกี่ยวกับผักสลัดเพื่อสุขภาพ พัฒนาสินค้าให้ตอบรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายลูกฟาร์ม บวกกับการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาต่อไป
นี่คือบทพิสูจน์ว่า ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ก็รวยได้
แหล่งที่มา : nationejobs.com