การรักษาโรคสะเก็ดเงิน ยาทาโรคสะเก็ดเงิน แชมพูสมุนไพรแก้โรคสะเก็ดเงิน
การรักษาโรค"สะเก็ดเงิน"ด้วยวิถีทางโภชนาการ |
สะเก็ดเงิน ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ประชากรโลกเป็นกันมากถึงร้อยละ 1-3 ของประชากรทั้งหมด สูงมากจนน่าตกใจ องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปีเป็น วันสะเก็ดเงินโลก สำหรับสาเหตุของโรคยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน บ้างว่าเกิดจากพันธุกรรม แต่โดยส่วนใหญ่บอกว่าเกิดจากเซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวผิดปกติ แพทย์แผนปัจจุบันจัดให้เป็น โรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด และ ไม่ได้เกิดจากการรับประทานอาหาร อาหารไม่มีส่วนทำให้เกิดโรคแต่อย่างใด
สะเก็ดเงิน เป็นหนึ่งในโรคภูมิแพ้หรือภูมิเพี้ยนเป็นปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันของเราที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแปลกปลอมภายนอก สารแปลกปลอมเรียกว่าสารก่อภูมิแพ้ (ALLERGEN) ภูมิแพ้แบ่งออกเป็น 2 ระยะ
แพทย์แผนปัจจุบัน รักษาสะเก็ดเงินส่วนใหญ่ให้ยาแก้อักเสบที่มีส่วนผสมของสเตอร์รอยหรือไม่มี ทั้งแบบทานและทา(มีการฉายรังสี UV และเคมีบำบัดร่วมด้วย) เช่น เมโทรเท็กเซท, อันทราลิน, เดอโมเวท, LCD, TAR LOTION, เรตินอยด์ ทั้งหมดเป็นเพียงการรักษาอาการเฉพาะหน้าและระงับได้ชั่วคราวเท่านั้น
ส่วน แพทย์องค์รวมหรือแพทย์ทางเลือก มีการวินิจฉัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แพทย์องค์รวมวินิจฉัยว่า เป็นเพราะความบกพร่องจากการขาดความสมดุลของกรดไขมันในร่างกาย และเกิดจากอนุมูลอิสระ (OXIDATIVE STRESS OS) เป็นต้นเหตุของโรคแห่งความเสื่อม เป็นโรคที่ไม่พบตัวเชื้อ(โรคไม่ติดเชื้อ)
1. เพราะกรดไขมันที่เราบริโภคกันอยู่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย น้ำมันพืชที่ใช้เป็นน้ำมันผ่านกรรมวิธีหรือ RBD โดยส่วนใหญ่เป็นน้ำมันถั่วเหลือง ทานตะวัน, ข้าวโพด,ดอกคำฝอย,รำข้าว, ซึ่งมีกรดไขมัน Omega-6 สูง โดยปกติกรดไขมันที่มีความจำเป็นที่ร่างกายต้องการคือ Omega-6 และ Omega-3 ซึ่งควรมีสัดส่วนอยู่ที่ 2 ต่อ 1 คือ Omega-6 สองส่วนต่อ Omega-3 หนึ่งส่วน แต่ปัจจุบันอาหารแทบทุกชนิดใช้ Omega-6 เป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราส่วนเป็น 20-40 ต่อ 1 ซึ่ง Omega-6 ที่สูงหรือมากเกินไปจะทำให้เกิดการอักเสบแก่ร่างกายได้ เพราะมีพรอสตาแกลนดิน ชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบสูงเกินไป
2. อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เช่น หมู เป็ด ไก่ วัว ปลา ส่วนใหญ่ใช้กากถั่วเหลือง ข้าวโพด ซึ่งมี Omega-6 สูง นำมาเป็นอาหารสัตว์ ทำให้เนื้อสัตว์ที่เรารับประทานส่วนใหญ่มี Omega-6 สูง เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเรามี Omega-6 สูงไปด้วย
3. เป็นเหตุจากอนุมูลอิสระเข้าไปทำปฏิกิริยาต่อเซลล์เม็ดเลือดขาว (T CELL) ภูมิคุ้มกันของร่างกายวิเคราะห์เนื้อเยื่อปกติของร่างกายว่าเป็นศัตรู เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ากำจัดก่อให้เกิดการอักเสบ บวม แดง “ภูมิเพี้ยน ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง”(AUTO IMMUNE DISEASE) ไม่ว่าภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่านวิเคราะห์ผิด,หรือทำงานเกินความพอดี ถ้าเกิดขึ้นอวัยวะส่วนไหนจะเรียกชื่อตามอวัยวะของโรคส่วนนั้น เช่น โรคSLE สะเก็ดเงิน, รูมาตอยด์, หอบหืด, แพ้อากาศ, ลมพิษ |
แหล่งที่มา : naturalmind.co.th