โรคริดสีดวงจมูก การรักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงในจมูก มีอาการแบบไหน


820 ผู้ชม


โรคริดสีดวงจมูก การรักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงในจมูก มีอาการแบบไหน

 

ริดสีดวงจมูกโรคร้ายใกล้ตัว

 โรคริดสีดวงจมูก การรักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงในจมูก มีอาการแบบไหน

ถ้าเอ่ยชื่อ “ริดสีดวงจมูก” หลายคนอาจจะทำหน้างง ๆ ไม่รู้จัก ว่า มันคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วอาการคล้ายกับริดสีดวงทวารหรือไม่ ?

ดังนั้นเพื่อให้ผู้อ่านหายข้องใจ ผู้เขียนจึงได้สัมภาษณ์ ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน สาขาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ผศ.นพ.ปารยะ อธิบายว่า ริดสีดวงจมูกเกิดจากการที่เยื่อบุจมูกอักเสบ บวมขึ้นเรื่อย ๆ มีน้ำคั่ง กลายเป็นก้อนในจมูก เหตุผลที่เรียกริดสีดวงจมูก เนื่องจากมีลักษณะเป็นก้อนคล้ายริดสีดวงทวารที่ยื่นออกมาในจมูก ซึ่งความจริงก็คือ เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงในจมูกนั่นเอง

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคภูมิแพ้ ซึ่งจะมีการอักเสบของเยื่อบุจมูกเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน เมื่อมีการอักเสบนาน ๆ เยื่อบุจมูกจะมีการบวมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในคนที่ไม่รักษาหรือรักษาไม่ถูกต้อง ปล่อยให้มีการอักเสบซ้ำ ๆ ซาก ๆ เยื่อบุจมูกก็จะบวมออกมากลายเป็นริดสีดวงจมูก

ทั้งนี้การอักเสบเรื้อรังจะมี 2 แบบด้วยกัน คือ เยื่อบุอักเสบจากภูมิแพ้ และเยื้อบุอักเสบชนิดไม่แพ้ ทั้ง 2 อย่างทำให้เกิดริดสีดวงจมูกได้ทั้งนั้น หรือในคนไข้ที่เป็น ไซนัสอักเสบเรื้อรังนาน ๆ เยื่อบุของไซนัสก็จะบวมออกมากลายเป็นริดสีดวงได้ แต่เราจะไม่เรียกริดสีดวงไซนัส

อาการของคนที่เป็นริดสีดวงจมูก ถ้าขนาดไม่โตมากคนไข้อาจจะไม่มีอาการอะไร แต่ถ้าเยื่อบุจมูกบวมมาก ๆ อากาศผ่านจมูกไม่ได้ คนไข้จะมีอาการคัดแน่นจมูก นอกจากนี้จมูกยังมีหน้าที่รับกลิ่น เมื่อไหร่ก็ตามอากาศไม่สามารถเข้าไปในจมูกถึงเซลล์ประสาทรับกลิ่นได้ ก็จะทำให้คนไข้มีปัญหาเรื่องการรับกลิ่นเสียไป หรือไม่ได้กลิ่น  และอย่างที่บอกริดสีดวงจมูกจะเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้และการอักเสบเรื้อรัง นอกจากอาการคัดจมูกแล้ว คนไข้อาจจะมีอาการคัน จาม น้ำมูกไหล ร่วมด้วย หรือถ้าริดสีดวงจมูกไปอุดรูเปิดของไซนัสที่เปิดเข้ามาในโพรงจมูก คนไข้อาจจะมีไซนัสอักเสบร่วมด้วย

การรักษาแบ่งเป็น 2 วิธี คือ การให้ยา และ การผ่าตัด ยาหลักในการรักษาที่สำคัญ คือ ยาสเตียรอยด์ มีทั้งชนิดกินและชนิดฉีดพ่นเข้าไปในจมูก ทำให้ริดสีดวงจมูกยุบและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ แต่ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานใช้นานไม่ได้ จะใช้ได้ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นยาหลักในการรักษาระยะยาวคือยาสเตียรอยด์ชนิดพ่น ซึ่งปลอดภัยกว่า และสามารถพ่นได้นานหลายดือน หรือหลายปี

ส่วนการผ่าตัด จะใช้ในกรณีที่ให้ยาเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้น ยังมีอาการคัดแน่นจมูก ไม่ได้กลิ่น หรือให้ยาเต็มที่แล้วดีขึ้น แต่ลดยาไม่ได้ พอลดยาลงคนไข้กลับมามีอาการเหมือนเดิม ในกรณีนี้แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดให้กับคนไข้

มีบางคนบอกว่า การใช้ยาพ่นจมูกจะยิ่งทำให้ริดสีดวงบวมขึ้นจริงหรือไม่ ? ผศ.นพ.ปารยะ กล่าวว่า อันนั้นเป็นยาอีกประเภท คือ ยาหดหลอดเลือด คือ เวลาคนไข้มีปัญหาคัดจมูกไปที่ร้านขายยา เภสัชกรมักจะสั่งยาพวกนี้ให้ เนื่องจากพ่นแล้วมันโล่ง แต่พอใช้ไปนาน ๆ แทนที่เยื่อบุจมูกที่บวมจะยุบ กลับบวมมากขึ้น ดังนั้นการใช้ยาหดหลอดเลือดขอแนะนำว่าไม่ ควรใช้เกิน 7-10 วัน

คนไข้ที่เป็นริดสีดวงจมูกต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ? ผศ.นพ.ปารยะ กล่าว ว่า อันดับแรกต้องรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ริดสีดวงจมูกโตมากขึ้น คนไข้จะได้หลีกเลี่ยง เพราะถึงแม้จะผ่าตัดออกแล้วก็มีโอกาสที่จะบวมกลับมาเป็นใหม่ได้อีก เมื่อสาเหตุหลัก ๆ คือ ปฏิกิริยาภูมิแพ้ คนไข้จะต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่น ควัน สิ่งระคายเคืองทั้งหลาย จัดบ้านเรือนให้สะอาด ลดสารก่อภูมิแพ้ นอกจากนี้ควรออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความไวของเยื่อบุจมูกลง

นอกจากนี้สาเหตุอีกอย่าง คือ การติดเชื้อ โดยเฉพาะหวัดที่เป็นกันบ่อย ถ้าปล่อยให้เป็นหวัดเยื่อบุจมูกอักเสบ ริดสีดวงจมูกก็จะกลับมาเป็นใหม่ ดังนั้นจะต้องป้องกันไม่ให้เป็นหวัด ในการป้องกันก็ต้องรู้ว่าสาเหตุของหวัดเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่หวัดมักจะเกิดจากภูมิต้านทานที่ต่ำลง โดยมีที่มาจาก ความเครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ โดนอะไรเย็น ๆ เช่น อาบน้ำเย็น โดนแอร์ พัดลมเป่า หรืออยู่ใกล้กับคนที่ไม่สบาย เป็นหวัด ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้มากขึ้น ดังนั้นก็หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้ ถ้าหลีกเลี่ยงทั้งหวัด สารก่อภูมิแพ้ และหมั่นออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ก็จะทำให้ริดสีดวงไม่โตมากขึ้น


แหล่งที่มา : thaihealth.or.th , หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

อัพเดทล่าสุด