รักษาโรคงูสวัดด้วยสมุนไพร ปลายประสาทอักเสบจากโรคงูสวัด วิธีรักษาโรคงูสวัด+ตั้งครรภ์
งูสวัด 3...รักษาทันบรรเทาโรคด้วยสมุนไพรใกล้ตัว...
อย่างที่เคยกล่าวไว้แล้วว่าคนที่เป็นโรคงูสวัดจะต้องเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน เมื่อภูมิต้านทานอ่อนแอลงจึงกลายเป็นโรคงูสวัดและโรคงูสวัดจะเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิตนี้ ซึ่งต่างกับโรคเริมที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก (ยกเว้น ผู้ที่มีความต้านทานต่ำมาก ๆ เช่น เอดส์อาจกลับมาเป็นโรคงูสวัดซ้ำได้อีก):จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี และเมื่อเกิดโรคขึ้นมาแล้วการรักษาย่อมเป็นของคู่กัน การรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นหัวใจสำคัญของทุกการเจ็บป่วย โรคงูสวัดก็เช่นกัน ยิ่งรักษาเร็วยิ่งหายเร็วและลดความรุนแรงของโรคได้ ในการรักษา จะประกอบไปด้วย การรักษาตามอาการ เช่น ปวด ก็ให้ยาแก้ปวด คัน ก็ให้ยาแก้คัน นอกจากนี้ในบางราย เช่นผู้ป่วยที่มีอายุมากจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส ซึ่งมีทั้งยารับประทานและยาทา ตรงนี้แหละค่ะที่บอกว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะการให้ยาต้านไวรัส จะได้ผลดีต่อเมื่อเริ่มให้ภายใน 48 - 72 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ โดยจะไปลดความรุนแรง และย่นระยะเวลาให้หายเร็วขึ้น รวมทั้งอาจลดอาการปวดเส้นประสาทแทรกซ้อนในภายหลังได้ ส่วนในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ตุ่มน้ำใสที่แตกเพราะอาจเผลอไปแกะเกา ก็รักษาด้วยการดูแลความสะอาดบาดแผลและใช้ยาปฏิชีวนะ พูดถึงยาต้านไวรัสชนิดทา ก็เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ทารักษาตุ่มเริม หากใครเคยใช้จะรู้ว่า มีราคาสูงเอาการ ตามร้านขายยาจะขายซองละ 20 บาทในปริมาณบรรจุ 1 กรัมเท่านั้น หากเอาไปทาเริมที่มักขึ้นที่ริมฝีปากก็ไม่เท่าไหร่ เพราะใช้ยาน้อยแค่ซองเดียวทาบ่อยๆทุกสามชั่วโมงก็อาจหายได้ แต่ถ้าเป็นอีสุกอีใสหรืองูสวัด จะต้องใช้ยาปริมาณเท่าไหร่ ก็ลองคำนวณกันดูแล้วกัน ดังนั้นการแพทย์ไทยจึงมียาทาที่ทำจากพืชสมุนไพรที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชถอนพิษ นั่นคือ เสลดพังพอน นั่นเอง ซึ่งยาทาพวกเสลดพังพอนนี้ ใช้ทาระงับอาการได้ดีพอสมควร และที่สำคัญราคาไม่แพง ยกตัวอย่างเช่น ยาทาเสลดพังพอนในรูปแบบของครีมพญายอ ซึ่งมีผลการวิจัยทางคลินิกว่าในผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฏว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกแผลจะตกสะเก็ดภายใน 4-7 วัน และหายภายใน 10-14 วัน ผู้ป่วยกลุ่มที่รักษาด้วยครีมพญายอ จะมีระดับความเจ็บปวดลดลงรวดเร็วกว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาหลอก และไม่พบอาการข้างเคียงใด ๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ นี่แหละ..ที่คนไข้ชอบพอกแผลมาหละ มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยโรคงูสวัดที่มารักษา แม่ยายมาฯพบว่า มักจะมีอะไรบางอย่างพอกปิดผื่นตุ่มน้ำใสมาด้วย ผู้ป่วยจะเล่าให้ฟังว่า เป็นพืชอะไรก็ไม่รู้(คนไข้ไม่รู้นะ ไม่ใช่คนฟังไม่รู้) คนนั้นคนนี้บอกมา บางคนก็เอาว่านหางจระเข้ทา หลายต่อหลายวิธีที่คนไข้อยากให้ตัวเองหายจากความทรมาณ เจอแบบนี้นับว่าเข้าทางแม่ยายมาฯ ที่ได้โอกาสแนะนำผู้ป่วยว่า แท้ที่จริงแล้ว พืชสมุนไพรที่สามารถบรรเทาความรุนแรงของโรคงูสวัดได้ คือ ต้นเสลดพังพอนต่างหาก โดยที่สารสกัดจากเสลดพังพอน จะมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส ต้านการอักเสบ สามารถยับยั้งไม่ให้เชื้อเข้าสู่เซลล์ และ สามารถฆ่าเชื้อในเซลล์ได้รวมถึงฆ่าเชื้อไวรัสงูสวัดได้ ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดความเข้มข้นเป็นหลัก สองภาพบน: เสลดพังพอนตัวเมีย (พญาปล้องทอง) มีชื่ออื่น คือ ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่) พญาปล้องดำ (ลำปาง) พญาปล้องทอง (ภาคกลาง) ลิ้นมังกร โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง) ดอกสีแดงสวยเชียว ส่วนภาพนี้ เสลดพังพอนตัวผู้ (ซองระอา) หรือมีชื่ออื่นๆ ว่า พิมเสนต้น (ภาคกลาง) ทองระอา ช้องระอา ลิ้นงูเห่า เสลดพังพอนตัวผู้ (กรุงเทพฯ) คันชั่ง (ตาก) อังกาบ อังกาบเมือง (ไทย) ก้านชั่ง (พายัพ) ดอกสีเหลือง มีหนามแหลมสมเป็นตัวผู้เชียว หน้าคลินิกแม่ยายมาฯมีเสลดพังพอนปลูกไว้สองสามปีแล้ว เป็นของกำนัลที่ได้มาจากคนไข้นั่นแหละ ที่เห็นว่าหมออยากรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรก็เลยหามาฝาก อย่างละ 1 ต้น ที่ว่า อย่างละ 1 ต้นก็คือ เสลดพังพอนน่ะมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งในการใช้รักษาโรค สามารถใช้ได้ทั้งสองชนิด เพียงแต่ว่าเสลดพังพอนตัวผู้มีฤทธิ์อ่อนกว่าเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงนิยมนำเสลดพังพอนตัวเมียมาทำเป็นยารักษางูสวัด สองภาพบน เป็นเสลดพังพอนตัวเมียปลุกไว้ในกระถาง ยังไม่มีดอกให้เชยชม ส่วนสองภาพถัดลงมาเป็นเสลดพังพอนตัวผู้ ปลูกมานานสามปีละ โตได้ขนาดนี้แหละ ดีที่ไม่ใจเสาะตายไปซะก่อน แล้วลองแพนสายตาไปกว้างๆสิคะ ต้นไม้แน่นไปหมด ตามเนื้อที่ที่จำกัด แถมหญ้ายังงดงามอีกต่างหากจะเรียกว่าฝีมือได้ไหมน้อ.. ในการใช้พืชสมุนไพรนี้มารักษาตัวเอง สามารถทำได้โดย ใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสด 10-20 ใบ (เลือกใบสีเขียวเข้มสดเป็นมันไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป)นำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว หรือน้ำเปล่าคั้นเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล ทาหรือเปลี่ยนกากพอกแผลวันละประมาณ 4-5 ครั้ง ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 4-5 วัน จะช่วยลดอาการแสบร้อนและทำให้ตุ่มน้ำยุบลงได้ เมื่อเกิดเจ็บป่วยทุกคนย่อมอยากหายเร็วที่สุด แต่งูสวัดไม่ใช่ไข้หวัดนี่คะ สภาพตุ่มผื่นที่ปวดแสบปวดร้อนจนนอนไม่หลับ ระยะเวลาของโรคที่กินเวลาหลายวัน มิหนำซ้ำการรักษาก็ไม่ทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นแบบเนรมิต ย่อมทำให้ผู้เป็นเกิดความท้อแท้ จนอยากให้มีปาฏิหารย์เข้ามาช่วยให้หายเร็วๆ คำถามที่คนไข้มักจะถามแม่ยายมาฯคือ " ไปเป่าได้ไหม? " ...หมอเป่าคือใคร มีวิธีรับมือกับโรคนี้อย่างไร ใช่ปาฏิหารย์หรือไม่ เอนทรีหน้าไปลงลึกกับหมอเป่างูสวัดกับแม่ยายมาฯกันค่ะ |
แหล่งที่มา : oknation.net