อาหารบํารุงสมองและความจำในเด็กวัย 13 ปี รูป อาหารบํารุงสมอง รายการอาหารบํารุงสมองลูกน้อย


625 ผู้ชม


อาหารบํารุงสมองและความจำในเด็กวัย 13 ปี รูป อาหารบํารุงสมอง รายการอาหารบํารุงสมองลูกน้อย

 

 

อาหารบํารุงครรภ์ : กินอย่างไรให้ลูกน้อยแข็งแรง

 

          อาหารมีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะช่วงที่คุณตั้งครรภ์  ลูกน้อยของคุณต้องการสารอาหารในการเจริญเติบโตและพัฒนา คุณควรต้องกินเพิ่มให้ได้อย่างน้อยวันละ 300 แคลอรี่ต่อวัน (แต่การกินมากเกินไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับลูกน้อยนะคะ) นอกจากปริมาณที่คุณต้องกินเพิ่มขึ้นแล้ว การเลือกประเภทของอาหารที่จะรับประทานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน คุณแม่จะต้องเลือกทานอาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วย เทคนิคในการเลือกทานอาหารบำรุงครรภ์มีดังนี้

เคล็ดลับเลือกอาหารบำรุงครรภ์ :

  • ควรเลือกทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อจะได้สารอาหารที่ครบถ้วน อย่ายึดติดกับอาหารประเภทที่ชอบหรือทานเป็นประจำ เพราะอาหารแต่ละชนิดก็มีคุณค่าทางสารอาหารที่แตกต่างกัน เช่น ควรกินอาหารจำพวกแป้ง, ข้าว, ขนมปัง ให้ได้ประมาณ 6 – 11 เสริฟวิ่ง, ผลไม้ควรทานให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 -4 เสริฟวิ่ง, ผักให้ได้อย่างน้อยวันละ 4 เสริฟวิ่ง, นมวันละ 4 เสริฟวิ่ง,  และวันละ 3 เสริฟวิ่งสำหรับอาหารจำพวกโปรตีน เช่น ปลา, ถั่ว, และ ไข่
  • ให้เลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ข้าวก้อง, ผัก, และผลไม้
  • คุณแม่ต้องแน่ใจว่าจะได้รับ วิตามินและเกลือแร่เพียงพอในแต่ละวันขณะที่กำลังท้อง ดังนั้นควรต้องรับประทาน ไวตามินบางประเภทเสริม สูตินารีแพทย์จะสามารถจัดวิตามินบำรุงให้กับคุณแม่ได้ หรืออาจจะซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
  • แคลเซียมเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการสร้างกระดูกและฟันและมันยังช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้อย่างเป็นปรกติ และในระหว่างการตั้งครรภ์ร่างกายคุณแม่ต้องใช้แคลเซียมในปริมาณมาก การกินและดื่มผลิตภัณฑ์ประเภทนมให้ได้อย่างน้อย 4 เสริฟวิ่งต่อวันเป็นเรื่องสำคัญเพื่อที่จะให้คุณแม่ได้รั แคลเซียมอย่างเพียงพอ คุณแม่ควรจะได้รับแคลเซียมในปริมาณ 1000- 1300 mg ต่อวันระหว่างการตั้งครรภ์ นอกจากนี้การขาดแคลเซียมในระหว่างการตั้งครรภ์อาจส่งผลให้คุณแม่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนภายหลังการตั้งครรภ์ได้
  • ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่สำคัญในการสร้าง ฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารสำคัญในเลือดที่ช่วยนำอ๊อกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ในระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายใช้ธาตุเหล็กมากกว่าปรกติ ดังนั้นคุณแม่ควรจะต้องได้รับ ธาตุเหล็กอย่างน้อยวันละ 27 mg ต่อวัน ดังนั้นควรจะต้องทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 เสริฟวิ่ง อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงได้แก่ ตับ, เนื้อสัตว์, กุ้ง, ปลาซาดีน เป็นต้น
  • ไวตามิน C เป็นไวตามินที่สำคัญกับการตั้งครรภ์ ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับไวตามิน C อย่างน้อย 70 mg ต่อวัน อาหารที่สูงไปด้วยไวตามิน C มี ส้ม, สตอเบอรี่, มะละกอ, บล็อคโคลี่, มะเขือเทศ, ถั่วงอก, พริกเขียว เป็นต้น
  • กรดฟอลิค เป็นอีกสารอาหารที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ดังนั้นควรเลือกทานอาหารที่สูงไปด้วยกรดฟอลิคในทุกๆวัน อาหารที่สูงไปด้วยกรดฟอลิคคือ ผักใบเขียวและถั่ว คุณแม่ควรจะได้รับกรดฟอลิค อย่างน้อย 0.4 mg ต่อวันเพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดกับลูกน้อย
  • ทานอาหารที่มีแหล่งของไวตามิน A เช่น แครอท, ฝักทอง, มันฝรั่ง, แคนตาลูป แต่อย่างไรก็ดีการได้รับไวตามินมากเกินไป (มากกว่า 10,000 IU ต่อวัน) สามารถทำให้เกิดความผิดปรกติต่อทารกในครรภ์ได้
  • ควรจำกัดปริมาณคลอเรสเตอรอลไม่ให้ได้รับเกิน 300 mg ต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงการทานปลาเช่น ฉลาม, ปลาดาบ, ปลาปลาแมคเคอเรลซี่งมีปริมาณของสารตะกั่วสูง
  • หลีกเลี่ยงการทานสุรา การทานสุราระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด, การแท้ง, ความพิการของทารกในครรภ์ได้
  • จำกัดปริมาณของคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับต่อวัน ปริมาณของคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับไม่ควรจะเกิดวัน 300 mg ต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงสารให้ความหวานประเภทซัคคาริน เพราะมันอาจทำอันตรายต่อรกและเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์ได้ หากคุณจำเป็นต้องทานให้ความหวานควรเลือกใช้เฉพาะประเภทที่เหมาะสมกับสตรีตั้งครรภ์
  • หลีกเลี่ยงการทานปลาดิบ โดยเฉพาะ หอยนางรม และ หอยแคลง

คุณสามารถไดเอ็ทระหว่างตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ? :
ไม่ควรคะ ลูกในครรภ์และตัวคุณแม่เองต้องการสารอาหารอย่างครบถ้วน ดังนั้นการไดเอ็ทในช่วงตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ

คุณสามารถกินเจระหว่างตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ? :
การกินเจยังเป็นิส่งที่สามารถทำได้ระหว่างตั้งครรภ์ เพราะคุณแม่สามารถรับสารอาหารที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์ได้ด้วยการกินผัก เช่น คุณแม่สามารถกินถั่วเพื่อเสริมโปรตีนให้กับร่างกายแทนเนื้อสัตว์ แต่อย่างไรก็ดีคุณแม่ที่กินเจต้องแน่ใจว่าจะได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ จากการกินผักประเภทต่างๆ
               

แหล่งที่มา : sukapapdeedee.com

อัพเดทล่าสุด