แบบทดสอบเรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำ ชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค ม.1 หาชนิดและหน้าที่ของคำภาษาไทย


5,670 ผู้ชม


แบบทดสอบเรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำ ชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค ม.1 หาชนิดและหน้าที่ของคำภาษาไทย

 

 

ชนิดของคำในภาษาไทย

               คำไทยแบ่งออกเป็น 7 ชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกันออกไป การเรียนรู้เรื่องลักษณะของคำเพื่อสร้างเป็นกลุ่มคำและประโยคเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนและการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน     คำแต่ละคำมีความหมาย ความหมายของคำจะปรากฏชัดเมื่ออยู่ในประโยค

           การสังเกตตำแหน่งและหน้าของคำในประโยคจะช่วยให้เราทราบชนิดของคำรวมทั้งความหมายด้วย ดังนั้นการศึกษาให้เข้าใจหน้าที่และชนิดของคำในประโยคจึงมีความสำคัญมากเพราะจะช่วยให้เราสามารถใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการในการใช้ภาษาจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทราบว่าคำไนมีที่ใช้อย่างไร เพื่อประโยชน์ในการสื่อสาร นักไวยากรณ์ได้สังเกตความหมายและหน้าที่ของคำในประโยค    แล้วจึงแบ่งคำในภาษาไทยออกเป็นชนิดได้ 7 ชนิด คือ
                 1. คำนาม
                 2. คำสรรพนาม
                 3. คำกริยา
                 4. คำวิเศษณ์
                 5. คำบุรพบท
                 6. คำสันธาน
                 7. คำอุทาน

           คำนาม คือ คำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ อาคาร สภาพและลักษณะทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมคำนามแบ่งออกเป็น 5 ชนิด  

         1. สามานยนาม  

         2. วิสามานยนาม  

         3. สมุหนาม  

         4. ลักษณนาม  

         5. อาการนาม  

         1. สามานยนาม คือ คำนามสามัญที่ใช้เป็นชื่อทั่วไป เช่น หนู เป็ด โต๊ะ บ้าน หรือเป็นคำเรียกสิ่งต่างๆ โดยทั่วไป ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น คน ,รถ , หนังสือ, กล้วย เป็นต้น สามานยนามบางคำมีคำย่อยเพื่อบอกชนิดย่อยๆของสิ่งต่างๆ เรียกว่า สามานยนามย่อย เช่น คนไทย, รถจักรายาน,หนังสือแบบเรียน , กล้วยหอม เป็นต้น  

ตัวอย่างของสามานยนาม เช่น  

           ดอกไม้อยู่ในแจกัน  

            แมวชอบกินปลา  

         2วิสามานยนาม คือ คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สถานที่หรือเป็นคำเรียกบุคคล สถานที่เพื่อเจาะจงว่าเป็นคนไหน สิ่งใด เช่น นายอัตถ์ ตูบ หรือ ชื่อวัน ชื่อเดือน เช่น วันจันทร์ เดือนมกราคม หรือชื่อจังหวัดธรรมศาสตร์ , วัดมหาธาตุ , รามเกียรติ์ เป็นต้น 
ตัวอย่างของวิสามานยนาม เช่น  

            นิดและน้อยเป็นพี่น้องกัน  

            อิเหนาได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดของกลอนบทละคร

         3. ลักษณนาม คือ คำนามที่ทำหน้าที่ประกอบนามอื่น เพื่อบอกรูปร่าง ลักษณะ ขนาดหรือปริมาณของนามนั้นให้ชัดเจนขึ้น เช่น รูป , องค์ ,กระบอก เป็นต้น

ตัวอย่างของลักษณนาม เช่น

            คน 6 คน นั่งรถ 2 คน

            ผ้า 20 ผืน เรียกว่า 1 กุลี


         4. สมุหนาม คือ คำนามบอกหมวดหมู่ของสามานยนาม และวิสามานยนามที่รวมกันมากๆ เช่น ฝูงผึ้ง , โขลงช้าง , กองทหาร เป็นต้น

ตัวอย่างของสมุหนาม เช่น

               กองยุวกาชาดมาตั้งค่ายอยู่ที่นี่

              พวกเราไปต้อนรับคณะรัฐมนตรี

         5. อาการนาม คือ คำเรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีขนาด จะมีคำว่า “การ” และ “ความ” นำหน้า เช่น การกิน , กรานอน , การเรียน , ความสวย, ความคิด , ความดี เป็นต้น

ตัวอย่างของอาการนาม เช่น

           การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่ต้องใช้ความเร็ว การเรียนช่วยให้มีความรู้

          ข้อสังเกต คำว่า “การ” และ “ความ” ถ้านำหน้าคำชนิดอื่นที่ไม่ใช่คำกริยา หรือวิเศษณ์จะไม่นับว่าเป็นอาการนาม เช่น การรถไฟ , การประปา ,ความแพ่ง เป็นต้น คำเหล่านี้จัดเป็นสามานยนาม

         หน้าที่ของคำนาม

         1. ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น น้องร้องเพลง ครูชมนักเรียน นกบิน

         2. ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น แมวกินปลา ตำรวจจับผู้ร้ายน้องทำการบ้าน

         3. ทำหน้าที่เป็นส่วยขยายคำอื่น เช่น สัตว์ป่าต้องอยู่ในป่า ตุ๊กตาหยกตัวนี้สวยมาก นายสมควรยามรักษาการเป็นคนเคร่งครัดต่อหน้าที่มาก

         4. ทำหน้าที่ขยายคำกริยา เช่น แม่ไปตลาด น้องอยู่บ้าน เธออ่านหนังสือเวลาเช้า

         5. ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มของคำกริยาบางคำ เช่น เขาเหมือนพ่อเธอคล้ายพี่ วนิดาเป็นครู เธอคือนางสาวไทย มานะสูงเท่ากับคุณพ่อ

         6. ทำหน้าที่ตามหลังบุพบท เช่น เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว พ่อนอนบนเตียง ปู่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล

         7. ทำหน้าที่เป็นคำเรียกขาน เช่น คุณครูคะหนูยังไม่เข้าใจเลขข้อนี้ค่ะ คุณหมอลูกดิฉันจะหายป่วยไหม นายช่างครับผมขอลากิจ 3 วัน

 

แหล่งที่มา : krujun111.wordpress.com

อัพเดทล่าสุด