หลินฮุ่ยคุณแม่มือใหม่


665 ผู้ชม


คำว่า"มือใหม่" เป็นคำประสมเปรียบเทียบจะมีความหมายเป็นสำนวน และมักนำคำอื่นมาประกอบด้วย   

 

หลินฮุ่ยคุณแม่มือใหม่

หลินฮุ่ยคุณแม่มือใหม่

ภาพจาก  news.sanook.com

           เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 หลินฮุ่ยได้ให้กำเนิดลูกแพนด้า น้ำหนักประมาณ 200 กรัม จำนวน 1 ตัว
 ซึ่งเป็นผลจากการผสมเทียมเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 อายุครรภ์ประมาณ 3 เดือน 
ต่อมาเวลา  10.39  น.  หลินฮุ่ยได้เบ่งลูกอีกครั้งจนคลอดลูกออกมาบนพื้น  โดยหลินฮุ่ยพยายามคาบลูกไว้ใน
อ้อมกอด  ซึ่งเป็นจุดสำคัญว่าหลินฮุ่ยสามารถเลี้ยงลูกได้  พฤติกรรมหลินฮุ่ยเป็นแม่มือใหม่  แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเลี้ยงลูกเป็น และมีสัญลักษณ์ของการเป็นแม่ที่ดี  ถึงแม้ว่าจะเป็นท้องแรก 

        จากข่าวของหลินฮุ่ยซึ่งสร้างความตื่นเต้นและดีใจของปรชาชนทั้งในประเทศและนอกประเทศ  เฝ้าติดตาม     การเลี้ยงลูกของหลินฮุ่ย   ทุกคนก็ต้องโล่งใจ  เพราะถึงแม้หลินฮุ่ยจะเป็นแม่มือใหม่แต่สิ่งที่ปรากฎคือ  หลินฮุ่ยเลี้ยงลูกได้ดี  เมื่อติดตามอย่างต่อเนื่อง หลินฮุ่ยเป็นแม่ที่ดี รักและห่วงใยลูกมาก โดยไม่ห่วงตัวเองเลย 

                                                    หลินฮุ่ยคุณแม่มือใหม่

                                                    ภาพจาก  www.matichon.co.th

         เมื่อชั่วโมงภาษาไทย  ได้เข้าสอนชั้นประถมศึกษาปีที่  ๖  สอนนักเรียนเรื่องคำประสมเปรียบเทียบซึ่งมีคำว่า  มือใหม่ เช่นกันจึงเล่าเรื่องหลินฮุ่ยให้นักเรียนฟังและให้นักเรียนบอกความหมายถึงคำว่า  มือใหม่

             
     
คำประสมเปรียบเทียบ

            คำประสมพวกนี้มักมีความหมายเป็นสำนวน และมักนำคำอื่นมาประกอบด้วย เช่น หน้าตา ประกอบเป็น หน้าเฉย ตาเฉย นับหน้าถือตา เชิดหน้าชูตาบางคำประสมกันแล้วหาคำอื่นมาประกอบให้สัมผัสคล้องจองตามวิธีของคนเจ้าบทเจ้ากลอนเพื่อให้ได้คำใหม่เป็นสำนวน เช่น กอดจูบลูบคลำ คู่ผัวตัวเมีย จับมือถือแขนเย็บปักถักร้อย หน้าใหญ่ใจโต ลูกเล็กเด็กแดง ห้สังเกตว่าที่ยกมานี้คล้ายวลี ทุกคำในกลุ่มนี้มีความหมายแต่พูดให้คล้องจองกันจนเป็นสำนวนติดปาก แต่มีบางคำดังตัวอย่างต่อไปนี้    ที่บางตัวไม่มีความหมายเพียงแต่เสริมเข้าให้คล้องจองเท่านั้น เช่น กำเริบเสิบสาน โกหกพกลม ขี้ปดมดเท็จ รู้จักมักจี่ หลายปีดีดัก ติดสอยห้อยตาม   บางทีซ้ำเสียงตัวหน้าแล้วตามด้วยคำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ทำให้เป็นกลุ่มคำที่เป็นสำนวนขึ้น เช่น ตามมีตามเกิด ตามบุญตามกรรม 
ขายหน้าขายตา ติดอกติดใจ กินเลือดกินเนื้อ ฝากเนื้อฝากตัว
 

              ตัวอย่างสำนวน  ที่ขึ้นต้นด้วยมือ เช่น    มือไว  มือบอน   มืออ่อน   มือขวา   มือแข็ง  มือที่สาม  มือมืด    มือสะอาด      มือถือสากปากถือศีล    มือไม่พายเอาเท้ารานำ   มือสั้นตีนสั้น    มือห่างตีนห่าง

 ประเด็นคำถาม

         ๑.  นักเรียนรวบรวมสำนวนที่ขึ้ต้นด้วย มือ แล้วบอกความหมาย
         ๒.  แต่งเรื่องหรือนิทานให้ตรงกับสำนวนแล้วนำมาเล่า

กิจกรรมเสนอแนะ

    เล่าเรื่องสั้น ทนายมือใหม่ (หมาดๆ)   โดย: vooddy   (www.pantown.com)

             พอดีข่วงนี้ผมว่าง เรื่องที่ผมจะเล่า เป็นเรื่องที่เกิดจากความไม่รู้ และเป็นเรื่องที่ไม่หนักเกินไป นะครับ คงมีเยอะนะ ค่อยๆออกมาจากความทรงจำ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองบ้าง เคยพบบ้าง หรือบางครั้ง เป็นเรื่อง พี่ทนายความที่ผมเคารพนับถือเล่าให้ฟัง ผมจะขออนุญาตท่านเหล่านั้น มาเล่าให้ท่านๆ ฟัง อาจเป็นประโยชน์บ้างนะครับ หรืออ่าน ขำๆนะครับ      เรื่องเปิดประเดิม นะครับ

           เรื่องนี้มีอยู่ว่า มีคดีหนึ่ง นัดพร้อมหรือสืบพยานโจทก์ เวลา 13.30 น.เป็นคดี ไม่มีข้อยุ่งยาก ดูการแต่งตัวของทนายโจทก์ก็ทราบ ว่าใหม่จริงๆ  สังเกตจากคลุยที่ใส่ ภู่บนบ่า รีดอัดแป้ง แข็งจนชี้ ไม่แนบกับลำตัว ดิ้นสีทอง เหลืองสุกอร่าม หน้าตาดูไม่ออกหลอก เดี๋ยวนี้ ทนายใหม่  กับเป็นทนายมานาน หากผมไม่หงอก วางท่ามาก ก็คิดว่า ทนายกลางเก่ากลางใหม่ แต่"คลุย"นี้ จะบอกถึงความใหม่ของทนายได้ดีที่สุด  คดีไม่มีอะไรมาก นัดสืบโจทก์ ในคดี ไม่มีข้อยุ่งยาก จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และไม่มาศาล ศาลมีคำสั่งให้ส่งเอกสารแทนการสืบ  ทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อยดี จนศาลให้ยืนฟังรายงาน "นัดพร้อมและสืบพยานโจทก์วันนี้ จำเลยไม่มาศาล ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา อนุญาตให้โจทก์ส่งเอกสาร แทนการสืบพยาน โจทก์แถลงหมดพยาน(ที่จริงทนายโจทก์ไม่ได้พูดไรเลย ครับๆ แล้วยื่นส่งเอกสารให้ศาลอย่างเดียว) คดีเป็นอันเสร็จกระบวนพิจารณา นัดฟังคำพิพากษา วันนี้" แล้วทนายหนุ่มน้อย นายนั้นก็รับสำนวนมาเพื่อลงลายมือชื่อทนายโจทก์ หน้าบัลลังก์ก็พูดว่า พี่ทนายคะ อย่าลืมเซ็นหน้าปกด้วยนะคะ 
ทนายโจทก์วัยละอ่อน ก็รับคำ แล้วเอาเดินมาที่ที่นั่ง ทนายฝ่ายโจทก์ เซ็นชื่อเสร็จก็ เก็บสำนวน ถอดเสื้อคลุย แล้วโค้งให้ท่านผู้พิพากษา และออกจากบัลลังก์ไป ขณะนั้น เวลาก็ราวๆ 14.00 น.ได้  
เรื่องน่าจะจบแล้วนะครับ ท่านที่อ่านอาจงงว่า จะมาเล่าทำไม ก็พื้นๆ ยังครับ ตามต่อนะครับ  
หน้าบัลลังก์ ก็มัวนั่งพิมพ์ คำเบิกความคดีอื่น ที่ยังไม่เสร็จ จนจบคดีสุดท้าย เวลา ราวๆ 16.15 น.จึงมาตรวจสำนวน ทุกคดี เพื่อนำเก็บที่ศูนย์หน้าบัลลังก์ 
ก็ตกใจ แล้วอุ้มสำนวน ที่ ทนายมือใหม่ เป็นทนายโจทก์ กระฮืดกระหอบ ไปประชาสัมพันธ์ เพื่อประกาศตามหา ทนายโจทก์ผู้นี้ ใจก็ไม่หวังว่าจะได้พบ เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว คดี เขาจบไปตั้งแต่บ่ายสองโมง ใครมันจะอยู่ 
เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์เดินคอตก กลับห้องบัลลังก์ของตน ก็พบ ทนายหนุ่มน้อย หน้าอิดโรย นั่งรออยู่ในบัลลังก์ เธอทั้งดีใจที่พบ และก็โกรธที่ "เอาสำนวนไปเซ็นปก ที่เธอบอกตอนรับสำนวนจากมือศาลนั้น เซ็นที่ปกจริงๆ เซ็นต่อจากลายมือชื่อผู้มอบคดีให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน  แหม เป็นที่ๆ สอบผู้ช่วย ผ่านใหม่ๆ ยังไม่มีสิทธิ เซ็นเลย ตรงนั้นนะ ระดับ ผู้พิพากษา    หัวหน้าศาลหรือผู้แทนเซ็นปกตามความหมายของเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์หมายถึง ปกด้านใน (แผ่นที่ 2 )จะมีช่องให้คู่ความลงลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ ก็ชี้ให้เซ็น ในช่องที่ถูกต้อง เธอก็จะไปรวบรวมสำนวน อุ้มไปศูนย์หน้าบัลลังก์ แล้วล๊อกห้องบัลลังก์ เธอจึงพูดไปว่า เดี๋ยวหนูจะปิดห้องแล้วนะ  พี่รออะไรหรือ ทนายหนุ่มหน้าตาเบื่อโลก ตอบว่า ผมก็รอฟังคำพิพากษาสิครับ ศาลบอกพิพากษา วันนี้ ผมก็นั่งรอ  เธอจึงประติดประต่อเรื่อง ได้แล้ว ว่า ที่ เธอตามทนายโจทก์มาแก้ไข ในการลงลายมือชื่อ แม้จะเย็นแค่ไหน เขาก็ยังอยู่ เพราะเขารอฟังคำพิพากษา หากทนายผู้นี้ ทราบขั้นตอน วิธีปฎิบัติของศาล ว่า ศาลสั่งฟังวันนี้ ก็ไม่ต้องรอฟัง ค่อยมาขอตรวจสำนวน และขอคัดวันหลัง ท่านผู้พิพากษา ยังไม่ได้ร่างคำพิพากษา หน้าบัลลังก์ยังไม่ได้พิมพ์ จะ หาคำพิพากษาที่ไหน มาอ่านให้ ทนายหนุ่มฟัง/เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ คงต้องถูกท่านผู้พิพากษาดุแน่ๆ ที่ไม่ตรวจสอบความเรียบร้อยให้ดี ก่อนที่จะให้ทนายกลับไป    
ก็เป็นบุญของ เจ้าหน้าที่ละครับ ที่ทนายหนุ่ม วัยละอ่อน รอศาลอ่านคำพิพากษาให้ฟัง
 
บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
 

         บูรณาการกับวิชาภาษาอังกฤษ หาสำนวนภาษาอังกฤษให้ตรงกับสำนวนไทย
 
         บูรณาการกับวิชาศิลปะ วาดภาพให้ตรงกับความหมายของสำนวน

อ้างอิงแหล่งที่มา
  
  vooddy   (www.pantown.com)

   ภาพจาก  www.matichon.co.th

   ภาพจาก   www.konmun.com

   ภาพจาก   news.sanook.com
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=604

อัพเดทล่าสุด