ความลับสุดยอดของดาราเกาหลี และความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเกาหลี ปัจจุบันคงไม่มีใครปฏิเสธกระแสความดังที่มาจากประเทศเกาหลีได้เลย ในยุคนี้ถึงกับเป็นยุคที่เรียกกันว่า ยุค"เกาหลีฟีเวอร์" กันเลยทีเดียว โดยเริ่มแรกประเทศเกาหลีได้ปล่อยซีรีย์ หนังเกาหลีที่มีพระนางหน้าตา สวยใส จิ้มลิ้ม เรียกได้ว่าหล่อสวย สไตล์เกาหลี รวมทั้งส่งผลให้มีสินค้าเกาหลีเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยกันอย่างแพร่หลาย ทั้งซีรีย์เกาหลี ซีดีเพลงต่างๆ เสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าทั่วไป ฯลฯ เป็นที่ทราบกันดีว่าดาราเกาหลีส่วนใหญ่นั้น มักสวยใสด้วยมีดหมอเป็นส่วนมาก ดังจะเห็นได้จากเวปไซด์ทั่วไปที่แฉความลับ ความงามของบรรดาสาวๆที่เราเห็นกันทั้งในจอและนอกจอ ซึ่งเป็นผลให้เกิดค่านิยมที่ผิดตามมาได้ เช่น การศัลยกรรมตา จมูก คาง เป็นต้น มาทำความรู้จักกับประเทศที่ฮิตติดกระแสกันตอนนี้ดีกว่านะคะ ! สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) | | สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) หรือที่รู้จักกันในนาม เกาหลีใต้ (South Korea) ซึ่งในภาษาเกาหลี เรียกว่า“แทฮันมินกุก ()” หรือเรียกสั้นๆว่า “ฮันกุก ()” หมายถึง ชาวฮั่นหรือชาวเกาหลี และบางครั้งชาวเกาหลีใต้จะเรียกตนเองว่า “นัมฮัน ()” หมายถึง ชาวฮั่นทางใต้ ส่วนชาวเกาหลีเหนือจะเรียกเกาหลีใต้ว่า “นัมโชซอน ()” หมายถึง โชซอนใต้ เกาหลีใต้ ได้รับสมญานามว่าเป็น “ดินแดนแห่งความสงบยามเช้า (The Land of Morning Calm)” หรือ“โคโยฮัน อาชิมเอนารา ()” ในภาษาเกาหลี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมที่สืบทอดต่อกันมายาวนานถึง 5,000 ปี | คำขวัญ | Broadly bring benefit to humanity หรือ นอลรี อินกัน เซคเยรึล อีรพเก ฮารา () หมายความว่านำผลประโยชน์อันมหาศาลมาสู่มวลมนุษย์ | | ภูมิศาสตร์ และภูมิประเทศ | | ประเทศเกาหลีใต้ตั้งอยู่ ละติจูดที่ 33 – 39 องศาเหนือ และ ลองจิจูดที่ 125 – 131 องศาตะวันออก มีพื้นที่ทั้งหมด 99,208 ตารางกิโลเมตร รวมพื้นที่ของน้ำ (ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ) ที่อยู่ภายในดินแดนนั้นด้วยโดย 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศเป็นภูเขาซึ่งขนาดเนื้อที่ของ ประเทศเกาหลีใต้นั้น ใหญ่เป็นอันดับที่ 108 ของโลก เกาหลีใต้เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมทางใต้ ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ และมีประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีทะเลญี่ปุ่นและ ช่องแคบเกาหลีกั้นไว้ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ล่อแหลมนี้เอง ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์จึงพบว่า ประเทศเกาหลีเคยตกเป็น อาณานิคมของประเทศญี่ปุ่น (ค.ศ. 1910) จนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม โลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1945) คาบสมุทรเกาหลีได้ถูกแบ่งแยกเป็นสองส่วน คือ ตอนเหนือเป็นของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) และตอนใต้เป็นของสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) | | เมืองหลวง | เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ คือ กรุงโซล จัดเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดของประเทศ | | | ประชากร | เกาหลีใต้มีจำนวนประชากร 48,482,000 คน มากเป็นอันดับที่ 26 ของโลก ซึ่งข้อมูลนี้สำรวจโดย United States Census Bureau ประจำปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) | | ภูมิอากาศ | | เวลา | เวลาในประเทศเกาหลีใต้ เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง | | ภาษา | ชาวเกาหลีใต้สื่อสารกันด้วยภาษาเดียวกัน คือ ภาษาเกาหลี ส่วนใหญ่เรียกภาษาของตนว่า “ฮันกุกมัล ()” หรือ “ฮันกุกอ ()” บางครั้งอาจเรียกแบบภาษาชาวบ้านว่า “อูรีมัล ()” แปลว่า ภาษาของเรา โดยในกรุงโซลและเขตปริมณฑลจะใช้เป็นภาษากลาง ส่วนภาษาท้องถิ่นก็มีใช้กันตามภาคต่างๆ แต่ถึงกระนั้นชาวเกาหลีใต้ก็สามารถสื่อสารเข้าใจกันเป็นอย่างดี ยกเว้นภาษาท้องถิ่นของเกาะเชจู ซึ่งเข้าใจยากกว่าท้องถิ่นอื่นๆ ภาษาเกาหลี มีตัวอักษรที่เรียกว่า “ฮันกึล ()” เป็นอักษรที่กษัตริย์เซจงทรงประดิษฐ์ขึ้น ประกอบไปด้วย พยัญชนะ 14 ตัว และสระ 10 ตัว ซึ่งสามารถผสมกันเป็นพยางค์และคำต่างๆได้มากมาย อักษรฮันกึลได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอักษรที่ประดิษฐ์ขึ้นตามหลักการทาง วิทยาศาสตร์มากที่สุด เป็นอักษรที่สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย | | ศาสนา | ชาวเกาหลีใต้มีศาสนาที่ตนนับถือกันอย่างหลากหลาย กล่าวคือ นับถือศาสนาคริสต์ 26.3% (นิกายโปรแตสแตนท์ 19.7% และ นิกายโรมันคาทอลิก 6.6%) ศาสนาพุทธ 23.2% และศาสนาอื่นๆ 1.3% ส่วนกลุ่มที่ไม่นับถือศาสนาใดเลย 49.3% | | การเมืองการปกครอง | สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของ ประชาชนให้เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และประธานาธิบดี จะเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา | | การแบ่งเขตการปกครอง | | สกุลเงิน | สกุลเงินของประเทศเกาหลีใต้ คือ “วอน ()” สัญลักษณ์ คือ และตัวย่อตามมาตรฐาน สากล ISO 4217 คือ KRW (Korea won) เงินของเกาหลีใต้ประกอบไปด้วย เหรียญและธนบัตร ดังนี้ | | เหรียญ (ทงจอน “”) มี 6 ชนิด คือ | | เหรียญ จำนวน 1 วอน (1) | | | เหรียญ จำนวน 5 วอน (5) | | | เหรียญ จำนวน 10 วอน (10) | | | เหรียญ จำนวน 50 วอน (50) | | | เหรียญ จำนวน 100 วอน (100) | | | เหรียญ จำนวน 500 วอน (500) | | | ** เหรียญ 1 และ 5 วอน ในปัจจุบันหายาก เพราะไม่ค่อยได้ใช้กันแล้ว | | ธนบัตร (จี-พเย “”) มี 3 ชนิด คือ | | | ธนบัตร จำนวน 1,000 วอน (1,000) | | | | | | | ธนบัตร จำนวน 5,000 วอน (5,000) | | | | | | | ธนบัตร จำนวน 10,000 วอน (10,000) | | เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ | | | ธงประจำชาติ | | | | เพลงชาติ | | | | เพลงชาติประเทศเกาหลีใต้ ในภาษาเกาหลีเรียกว่า “เอกุกกา ()” หมายถึง เพลงของผู้รักชาติเนื่องจากชาวเกาหลี เป็นคนที่รักในชาติิของตนมาก เพลงชาติจึงมีความหมายอันสื่อถึงความรักชาติ อย่างยิ่งยวด ในช่วงที่เกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศญี่ปุ่นเพลงนี้ถูกร้อง โดยชาวเกาหลีโพ้นทะเลเพื่อขอพรให้ประเทศของตนได้รับอิสรภาพ ซึ่งเชื่อกันว่าคำร้องได้ประพันธ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1896 โดย ยอนชิโน () ผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชของเกาหลีและเป็นนักการศึกษา ต่อมาในปี ค.ศ. 1935 ได้มีผู้ประพันธ์ทำนองเพลงนี้ขึ้น คือ อันอิกแท ()นักดนตรีีเกาหลีในสเปน เพลงนี้ได้บรรเลงในพิธีฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐเกาหลีในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1948โดยนายลีซึงมาน ()ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐ เกาหลี หลังการปลดปล่อยเป็นอิสระจากญี่ปุ่นเป็นเวลาสามปี และนำมาใช้เป็น เพลงชาติในปีเดียวกันจวบจนปัจจุบัน | | | ดอกไม้ประจำชาติ | | | ดอกมูกุงฮวา (무궁화) หรือ Rose of Sharonเป็นดอกไม้ประจำชาติ ิของเกาหลีใต้ “มูกุงฮวา” มาจากรากศัพท์ “มูกุง” หมายถึง ความเป็นอมตะ สะท้อนถึงความเป็นอมตะของประวัติศาสตร์ และความมุ่งมั่นอดทนของชาวเกาหลีใต้ ดอกมูกุงฮวาจะบานสะพรั่งทั่วประเทศ ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม คุณสมบัติเด่นของดอกไม้ชนิดนี้คือ สามารถทนสภาพอากาศที่เลวร้าย และศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี | | เครื่องแต่งกายประจำชาติ | | เครื่องแต่งกายของชาวเกาหลีใต้ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อเรียกว่า “ฮันบก (한복)” ซึ่งหากแยกคำ “ฮัน” จะหมายถึง ชาวฮั่นหรือชาวเกาหลี และ “บก” หมายถึง ชุด ความหมายรวมจึงเป็น “ชุดของชาวเกาหลี” นั่นเอง ความงามและความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมเกาหลี มักถูกถ่ายทอดออกมาผ่าน ทาง ภาพถ่ายของสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายฮันบกนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ชุด ฮันบกจะเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของประเทศเกาหลี เครื่องแต่งกายทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย จะมีลักษณะหลวมเพื่อความสะดวกสบาย ในการเคลื่อนไหว และเสื้อผ้าจะใช้ผ้าผูกแทนกระดุมหรือตะขอ โดยส่วนประกอบของชุดฮันบก มีดังนี้ ชุดผู้หญิง | ชุดผู้ชาย | | แพนที = กระโปรงชั้นใน ซ็อกชีมา = แถบผ้าขนาดใหญ่ ใช้มัดทรวงอกแทนเสื้อยกทรง ชีมา = กระโปรงชั้นนอก ยาวคลุมเท้า จอโกรี = เสื้อนอกแขนยาว | ปันซือ / แพนที = กางเกงชั้นใน พาจี = กางเกงขายาวชั้นนอก รวบปลายขาด้วย แทมิน แทมิน = แถบผ้าใช้มัดขากางเกง บันโซเม = เสื้อรัดรูปแขนสั้นใส่ข้างใน จอโกรี = เสื้อนอกแขนยาวไม่มีปก ไม่มีกระเป๋า | การผลิตชุดฮันบก มีประเภทเนื้อผ้าที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับโอกาสและวัยของ ผู้สวมใส่ โดยเด็กผู้หญิงหรือหญิงสาว (ที่ยังไม่แต่งงาน) จะสวมเสื้อสีเหลือง กระโปรงสีแดง และจะเปลี่ยนเป็นเสื้อสีเขียว กระโปรงสีแดงเมื่อแต่งงานแล้ว นอกจากนี้ ชาวเกาหลียังคำนึงถึงความเหมาะสมของเนื้อผ้ากับสภาพ อากาศประเทศของตนอีกด้วย โดยในฤดูหนาวจะใช้ผ้าฝ้าย และสวมกางเกงขายาวที่มีสายรัดข้อเท้า ช่วยในการเก็บความร้อนของร่างกาย ส่วนในฤดูร้อนจะใช้ผ้าป่านลงแป้งแข็ง ซึ่งช่วยในการดูดซับและแผ่ระบายความร้อนในร่างกายได้ดี ในปัจจุบันการสวมชุดประจำชาติฮันบก จะใช้เฉพาะในโอกาสพิเศษต่างๆเท่านั้น เช่น งานมงคลสมรส, ซอลนัล (วันขึ้นปีใหม่ของเกาหลี) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุก็ยังคงสวมใส่ชุดฮันบกกันอยู่ | | | | กีฬาประจำชาติ | | | | เทควันโด เป็นกีฬาที่ถือกำเนิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่มีมาตั้งแต่ 2 พันกว่าปี ซึ่งคำว่า “เทควันโด (Taekwondo)” มาจากการรวมของคำ 3 คำ คือ เท (tae) แปลว่า มือ, ควัน (kwon) แปลว่า เท้า, และ โด (do) แปลว่า สติปัญญา หรือ การมีสติ เมื่อรวมกันแล้ว จะได้ความหมายว่า ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว โดยใช้มือและเท้าอย่างมีสติ ซึ่งการใช้มือและเท้า หมายความถึง ใช้สำหรับโจมตีและตั้งรับคู่ต่อสู้ ส่วนใช้อย่างมีสติ หมายความถึง การฝึกจิตกับกายให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งถือเป็นจุดหลักของกีฬาประเภทนี้ ประวัติความเป็นมาของเทควันโดนั้น มีต้นกำเนิดมาจาก การต่อสู้ที่เรียกว่า แทกคียอน ซึ่งเป็นการต่อสู้แบบดั้งเดิมของชาวเกาหลี โดยในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 4 – 7 สมัยที่ 3 อาณาจักรได้แก่ โกคูรยอ ชิลลา และแพกเจ ต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในคาบสมุทรเกาหลีนั้น แทกคียอนมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งต่อมาก็ได้มีการพัฒนามากขึ้น และในช่วงที่ผู้ที่มีทักษะในการต่อสู้ได้รับการนับถือกันมาก แทกคียอนก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเลื่อนยศของกองทัพ แต่พอมาถึงยุคสมัยแห่งโชซอน (ค.ศ. 1392 – 1910) สิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไป มีการใช้ดาบกันมากขึ้น และบทบาทของแทกคียอนก็ค่อยๆ ลดลง อย่างไรก็ตาม ในอดีต ได้มีการจัดแทกคียอนขึ้นอยู่เป็นประจำเมื่อมีการจัดเทศกาลพื้นบ้านต่างๆ หรือการแข่งขันกันกับหมู่บ้านใกล้เคียง ในปลายยุคโชซอน ได้ให้คำอธิบายที่ถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับแทกคียอนซึ่งถูกบันทึกไว้ ว่า “มีบางสิ่งที่เรียกว่า กักซุล (ชื่อเดิมของแทกคียอน) ในวิธีการเดิม ซึ่งคู่ต่อสู้สองคนเผชิญหน้ากัน และมีการเตะกัน เพื่อให้อีกฝ่ายล้ม โดยการเตะมีด้วยกัน 3 ระดับ คือ 1) ระดับขา ในผู้ที่มีทักษะน้อย 2) ระดับหัวไหล่ ในผู้ที่มีทักษะสูง และ 3) ระดับศีรษะ ในผู้ที่เก่งที่สุด บรรพบุรุษของเราใช้มันเพื่อการล้างแค้น และแม้กระทั่งการพนัน หรือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผู้หญิง” ซึ่งในปัจจุบัน การต่อสู้นี้ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นการให้คะแนนในกีฬาเทควันโดระดับสากล โดยนักกีฬาจะเน้นการใช้ส่วนที่ต่ำกว่าข้อเท้าทำคะแนนบริเวณเป้าหมาย คือ ส่วนที่สูงกว่าเอวขึ้นไป และสามารถใช้หมัดได้ที่หน้าอกเท่านั้น ส่วนการ กอด ผลัก ทุ่ม ศอก เข่า จะไม่ได้คะแนน | | อาหารเกาหลี | อาหารของเกาหลีใต้มีสารอาหารสูงและแคลอรี่ต่ำสามารถรับประทานได้ตามความต้องการโดยมีให้เลือกมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ที่มีทั้งข้าวนึ่ง และข้าวต้ม, แกง, ซุป, สตูว์, อาหารประเภททอด / ปิ้งย่าง / ตุ๋น / นึ่ง, เมนูผักใบเขียว, อาหารทะเลหมักเกลือ, เมนูจานกระทะร้อน, และอาหารประเภทยัดไส้ ซึ่งในที่นี้จะขอหยิบยกรายการอาหารเด่นๆ ที่ขึ้นชื่อของประเทศเกาหลีใต้ มาให้ได้รู้จักกันนี้ | | | ผักดองเกาหลีกิมจิ () กิมจิเป็นผักดองเค็มชนิดหนึ่งอันเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหาร เฉกเช่นเดียวกับเครื่องเคียงอย่างอื่นถึงกระนั้นกิมจิกลับเป็นรายการหลัก ที่ขาดไม่ได้เลยในมื้ออาหารของชาวเกาหลีเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มรสชาติ ในการรับประทานอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้น โดยที่มาของกิมจินั้น ก็เนื่อง มาจากมนุษย์เล็งเห็นคุณค่าของผักซึ่งมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุมากมายแต่ใน ฤดูหนาวสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการเพาะปลูกมนุษย์จึงได้คิดค้นวิธีการ ถนอมอาหารโดยวิธีการหมักดอง กิมจิจึงได้ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 7 ต่อมาในระหว่างศตวรรษที่ 12 ได้มีการทำกิมจิรูปแบบ ใหม่ที่มีส่วนผสม ของเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสและในศตวรรษที่ 18 พริกเผ็ดป่นก็ได้มาเป็น ส่วนผสมที่สำคัญของกิมจิในที่สุดอีกทั้งยังมีการนำเอากะหล่ำปลีเข้ามา ในศตวรรษที่ 19 มาทำเป็นกิมจิอันเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน | | สตูว์ / จีเก () จีเกจะมีลักษณะคล้ายซุปข้น มีทั้งทเวนจังจีเก (จีเกเต้าเจี้ยว) และกิมจิจีเก ซึ่งมักจะมีรสชาติเผ็ดร้อน และเสิร์ฟในชามหินร้อน | | ไก่ตุ๋นโสม / ซัมเกทัง () ซุปไก่ยัดไส้โสม จะใช้ไก่อายุ 45 วัน ยัดข้าวตุ๋นกับโสม, เกาลัด, พุทราแห้ง, กระเทียม, ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำ เสิร์ฟทั้งตัว รับประทานกับบะหมี่ชนิดเส้นใหญ่ และเหล้าโสม ซุปชนิดนี้นิยมรับประทานเพื่อเรียกกำลังวังชาในช่วงฤดูร้อน | | บะหมี่เย็น / แนงมยอน () ในช่วงที่สภาพอากาศร้อน หรืออบอ้าว นอกจากเมนูของหวานอย่างไอศกรีมแล้ว เมนูอาหารอีกอย่างหนึ่งที่ชาวเกาหลีจะนึกถึง ก็คือ บะหมี่เย็น นั่นเอง เป็นอาหารที่ประกอบด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากแป้งสาลีนุ่มและเหนียว เสิร์ฟในน้ำซุปรสหวานกลมกล่อม แช่เย็นด้วยน้ำแข็ง พร้อมหอมสับ หัวไชเท้า และแตงกวาซอยเป็นเส้นๆ เนื้อปรุงรสด้วยน้ำมันงา มัสตาร์ดเผ็ด และน้ำส้มสายชู เป็นเมนูที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น | | ข้าวยำ / บิบิมพับ () เมนูข้าวที่ประกอบด้วยผักต่างๆ (เช่น ใบเฟิร์นเบรก รากดอกบอลลูน ถั่วงอก) เนื้อวัวที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พริกแดงบด และน้ำมันงาผัดกับผัก ปรุงรสกับไข่ คลุกกับโคชูจัง (ซอสพริกรสเผ็ด) เป็นเครื่องปรุงสไตล์เกาหลี เวลารับประทานชาวเกาหลีจะคลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ซึ่งเมนูจานนี้มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาและคุณค่าทางโภชนาการ | ขอบคุณที่มาของข้อมูลและภาพ : คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม study in Korea ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=448 |