ประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เพลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของประเทศไทยประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์ ในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา ซึ่งแต่งขึ้นภายหลังในปีเดียวกันต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อร้องอีกหลายครั้งและได้เปลี่ยนมาใช้เนื้อร้องฉบับปัจจุบันเมื่อพ.ศ. 2482
ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์)
ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงชาติฉบับแรกสุด
ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้มีการใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงถวายความเคารพพระมหากษัตริย์ต่างชาติที่เสด็จเยี่ยมประเทศสยามตามธรรมเนียมสากลแม้เพลงดังกล่าวไม่ใช่เพลงชาติของประเทศสยามอย่างเป็นทางการก็ตามแต่ก็ถืออนุโลมว่าเป็นเพลงชาติโดยพฤตินัยตามหลักดังกล่าว เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใน พ.ศ. 2475คณะราษฎรได้ประกาศใช้เพลงชาติมหาชัย ซึ่งประพันธ์เนื้อร้องโดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นเพลงชาติอยู่ 7 วัน (ใช้ชั่วคราว ระหว่างรอพระเจนดุริยางค์แต่งเพลงชาติใหม่)แต่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาเป็นเพลงชาติฉบับที่แต่งทำนองโดยพระเจนดุริยางค์ เป็นเพลงชาติอย่างเป็นทางการแทนเพลงสรรเสริญพระบารมี
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)
ผู้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติ
ที่มาของทำนองเพลงชาติปัจจุบันนั้น จากบันทึกความทรงจำของพระเจนดุริยางค์ได้เล่าไว้ว่า ราวปลายปี พ.ศ. 2474 เพื่อนนายทหารเรือชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งของท่าน คือ หลวงนิเทศกิจ (กลาง โรจนเสนา) ได้ขอให้ท่านแต่งเพลงสำหรับชาติขึ้นเพลงหนึ่ง ในลักษณะของเพลงลามาร์แซแยสซึ่งพระเจนดุริยางค์ได้บอกปฏิเสธเพราะถือว่าเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงชาติอยู่แล้วทั้งการจะให้แต่งเพลงนี้ก็ยังไม่ใช่คำสั่งของทางราชการด้วย แม้ภายหลังหลวงนิเทศกลกิจจะมาติดต่อให้แต่งเพลงนี้อีกหลายครั้งก็ตามพระเจนดุริยางค์ก็หาทางบ่ายเบี่ยงมาตลอด เพราะท่านสงสัยว่าการขอร้องให้แต่งเพลงนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองประกอบกับในเวลานั้นก็มีข่าวลือเรื่องการปฏิวัติอย่างหนาหูด้วย
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ผ่านไปได้ประมาณ 5 วันแล้ว หลวงนิเทศกลกิจ ซึ่งพระเจนดุริยางค์รู้ภายหลังว่าเป็น 1 ในสมาชิกคณะราษฎรด้วย ได้กลับมาขอร้องให้ท่านช่วยแต่งเพลงชาติอีกครั้ง โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของคณะผู้ก่อการ ท่านเห็นว่าคราวนี้หมดทางที่จะบ่ายเบี่ยงเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ จึงขอเวลาในการแต่งเพลงนี้ 7 วัน และแต่งสำเร็จในวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ตนได้กำหนดนัดหมายวันแต่งเพลงชาติไว้ขณะที่นั่งบนรถรางสายบางขุนพรหม-ท่าเตียน เพื่อไปปฏิบัติราชการที่สวนมิสกวัน จากนั้นจึงได้เรียบเรียงเสียงประสานสำหรับให้วงดุริยางค์ทหารเรือบรรเลงและมอบโน้ตเพลงนี้ให้หลวงนิเทศกลกิจนำไปบรรเลงในการบรรเลงตนตรีประจำสัปดาห์ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมในวันพฤหัสบดีถัดมาพร้อมทั้งกำชับว่าให้ปิดบังชื่อผู้แต่งเพลงเอาไว้ด้วย
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ศรีกรุงก็ได้ลงข่าวเรื่องการประพันธ์เพลงชาติใหม่โดยเปิดเผยว่าพระเจนดุริยางค์เป็นผู้แต่งทำนองเพลงนี้ ทำให้พระเจนดุริยางค์ถูกเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์เสนาบดีกระทรวงวัง ตำหนิอย่างรุนแรงในเรื่องนี้ แม้ภายหลังพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี จะได้ชี้แจงว่าท่านและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้คิดการแต่งเพลงนี้ และเพลงนี้ก็ยังไม่ได้รับรองว่าเป็นเพลงชาติเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการทดลองก็ตาม แต่พระเจนดุริยางค์ก็ได้รับคำสั่งปลดจากทางราชการให้รับเบี้ยบำนาญ ฐานรับราชการครบ 30 ปี และหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งเป็นบำนาญอีกครึ่งที่เหลือเป็นเงินเดือน โดยให้รับราชการต่อไปในอัตราเงินเดือนใหม่นี้ในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเอง
แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง | ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า |
สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์บุราณลงมา | ร่วมรักษาเอกราษฎร์ชนชาติไทย |
บางสมัยศัตรูจู่มารบ | ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่ |
ตะลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท | สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา |
อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย | น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า |
เอกราษฎร์คือกระดูกที่เราบูชา | เราจะสามัคคีร่วมมีใจ |
ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสสระเสรี | ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้ |
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย | สถาปนาสยามให้เทิดชัยไชโย |
เพลงชาติสยามฉบับราชการ พ.ศ. 2477
ฉันท์ ขำวิไล
ผู้ประพันธ์เพลงชาติสยามฉบับราชการ บทที่ 3 และบทที่ 4
เพลงชาติสยามฉบับสังเขป พ.ศ. 2478
ท่อนของเพลงชาติที่ตัดมาใช้บรรเลงแบบสังเขปนั้น คือท่อนขึ้นต้น (Introduction) ของเพลงชาติ (เทียบกับเนื้อร้องเพลงชาติฉบับปัจจุบันก็คือตั้งแต่ท่อน สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี จนจบเพลง) ความยาวประมาณ 10 วินาทีไม่มีการขับร้องใดๆ ประกอบ
เพลงชาติไทย พ.ศ. 2482 – ปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2482 “ประเทศสยาม” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ประเทศไทย” รัฐบาลจึงได้จัดประกวดเนื้อร้องเพลงชาติไทยใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไขยังคงใช้ทำนองของพระเจนดุริยางค์อยู่เช่นเดิมแต่กำหนดให้มีเนื้อร้องความยาวเพียง 8 วรรคเท่านั้น และปรากฏคำว่า “ไทย” ซึ่งเป็นชื่อประเทศอยู่ในเพลงด้วย ผลการประกวดปรากฏว่าเนื้อร้องของพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ ซึ่งส่งประกวดในนามกองทัพบกได้รับรางวัลชนะเลิศรัฐบาลไทยจึงได้ประกาศรับรองให้ใช้เป็นเนื้อร้องเพลงชาติไทย โดยแก้ไขคำร้องจากต้นฉบับที่ส่งประกวดเล็กน้อย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2482 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เนื้อร้องของหลวงสารานุประพันธ์
ซึ่งส่งประกวดในนามกองทัพบกไทยก่อนแก้ไขเป็นฉบับทางการมีดังนี
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย | เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน |
อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล | ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี |
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด | เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ |
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี | เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย |
การประกวดเพลงชาติครั้งนี้ได้ปรากฏหลักฐานว่ามีกวีและผู้มีชื่อเสียงในทางการประพันธ์เพลงหลายท่านเช่น เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี แก้ว อัจฉริยะกุล ชิต บุรทัต เป็นต้นซึ่งรวมถึงผู้ประพันธ์เนื้อเพลงชาติสองฉบับแรก (ขุนวิจิตรมาตรา และฉันท์ ขำวิไล) ได้ส่งเนื้อร้องของตนเองเข้าประกวดด้วย แต่ปรากฏว่าไม่ผ่านการตัดสินครั้งนั้นเฉพาะเนื้อร้องที่ขุนวิจิตรมาตราแต่งใหม่นั้น ปรากฏว่ามีการใช้คำว่า “ไทย” ถึง 12 ครั่ง
เนื้อเพลงชาติไทย
ฉบับปัจจุบัน
- ทำนอง: พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)
- คำร้อง: พันเอก หลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์)
ในนามกองทัพบก
- ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
- เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
- อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
- ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี
- ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
- เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
- สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
- เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย
ฉบับ พ.ศ. 2477
ประพันธ์ทำนองโดยพระเจนดุริยางค์ ใช้เป็นเพลงชาติไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2475 (ในลักษณะไม่เป็นทางการ) โดยช่วงแรกใช้คำร้องที่ประพันธ์โดย ขุนวิจิตรมาตรา(สง่า กาญจนาคพันธุ์) ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลได้จัดการประกวดเนื้อร้องเพลงชาติ และประกาศรับรองเนื้อร้องที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่โดยขุนวิจิตรมาตราและเนื้อร้องที่แต่งโดยนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นฉบับที่ชนะการประกวด เป็นเนื้อร้องเพลงชาติฉบับทางราชการ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2477
ทำนอง: พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)คำร้อง: ขุนวิจิตรมาตรา (บทที่ 1 และบทที่ 2) แต่งเมื่อ พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 | ทำนอง: พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)คำร้อง: ฉันท์ ขำวิไล (บทที่ 3 และบทที่ 4) แต่งเมื่อ พ.ศ. 2477 ประกาศใช้เพิ่มเติมจากเนื้อร้องเดิมในปีเดียวกัน |
|
|
ที่ม่า : วีกีพีเดีย
ประเด็นคำถาม
1. ผู้ประพันธ์เนื้อร้องเพลงชาติไทย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือใคร ?
2. ผู้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือใคร ?
3. ชื่อเดิมของ "ประเทศไทย" มีชื่อว่าอะไร ?
4. ประเทศไทยชักธงขึ้นสู่ยอดเสาเวลาเท่าไร และชักธงลงจากยอดเสาเวลาเท่าไร ?
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ลองสังเกตดูว่าในเวลาที่มีการชักธงชาติขึ้นลงจากเสา คนไทยยืนตรงหรือเปล่า
2. เราเป็นคนไทย ต้องร้องเพลงชาติไทยให้ถูกต้องทั้งเนื้อร้องและทำนองเพลง ควรใช้เวลาว่างฝึกหัดร้องเพลงไทยให้ถูกต้องด้วย
การบูรณาการกับสาระการเรียนรูอื่น ๆ
1. กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม : ประวัติความเป็นของประเทศสยาม, การเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย, หน้าที่พลเมือง
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย : ทักษะการฟัง, ทักษะการเขียน (เขียนเนื้อร้องเพลงชาติไทยได้ถูกต้อง
3. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ : ทักษะการจำ (เวลาในการชักธงขึ้นลงจากยอดเสา)
4. กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา : การพัฒนาตน การพัฒนาบุคลิกภาพ
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3828