โรคอ้วน มักจะเกิดกับผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว นอกจากจะหมดสวยแล้วยังเสียบุคคลิกอีกด้วย มาลดความอ้วนกันเถอะ
โรคอ้วน ภัยเงียบของผู้หญิง
ที่มา : https://www.siamhealth.net/public_html/Disease/picture/ball1.jpg
โรคอ้วน หมายถึง ภาวะร่างกายที่เก็บไขมันไว้ในส่วนที่ต่าง ๆ มากจนเกินไป และไม่นำออกมาใช้เลย จึงทำให้เกิดอาการอ้วน
สาเหตุของการเกิดโรคอ้วน
1. พันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นโรคอ้วน ลูกที่เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูง
2. รับประทานอาหารมากเกินไป แล้วไม่มีเวลาออกกำลังกาย พลังงานที่ได้รับจากการรับประทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ไปในการออกกำลังกาย เช่น ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง เช่น หนังไก่ทอด มันหมู หมูสามชั้น ขาหมู ครีม เค้ก ฯลฯ แล้วไม่ยอมหาเวลาว่างออกกำลังกายเพื่อให้มีการใช้พลังงานที่ได้รับเข้ามา
3. พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมทำให้มีการใช้พลังงานต่ำ และทำให้เสียโอกาสในการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายที่มีประโยชน์ต่อ สุขภาพ เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพ ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องนั่งเฉยบนรถยนต์หลายชั่วโมงต่อวัน ลักษณะงานที่ต้องนั่งทำงานตลอดเวลา พฤติกรรมชอบรับประทานอาหารจุกจิก เป็นต้น
4. โรคบางชนิด เช่น Cushings Syndrome ซึ่งจะทำให้ร่างกายของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อ้วนโดยสาเหตุของโรคนี้เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย จนทำให้อ้วนบริเวณใบหน้า ลำตัว ต้นคอด้านหลัง แต่แขนขาจะเล็ก และไม่มีแรง ในกรณีนี้จะต้องรักษาที่ต้นเหตุคือ ฮอร์โมนที่มีความผิดปกติจึงจะสามารถหายอ้วนได้ ที่มา : https://www.gpo.or.th/rdi/html/obes.html
ที่มา : https://www.telecomth.com/health/images/fat.gif
วิธีการรักษา
1 การควบคุมอาหาร (diet) ในการลดน้ำหนักคนอ้วน คือ ให้พลังงานจากอาหารน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ ร่างกายจึงสลายพลังงานที่เก็บสะสมในร่างกายออกมาใช้แทน น้ำหนักก็จะลดลง การควบคุมอาหารเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความแน่วแน่ของตัวท่านเองเพราะถ้าท่านยังไม่สามารถตัดใจในเรื่องอาหารได้ ความสำเร็จในการลดน้ำหนักก็จะลดลงด้วย ลองตั้งใจเต็ม 100% ในการควบคุมอาหาร แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จ แต่มีข้อแนะนำว่าท่านไม่ควรงดอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างเด็ดขาด หรือไม่ยอมรับประทานอาหารในมื้อนั้น ๆ เพื่อจะลดน้ำหนักแต่ควรมีการควบคุมปริมาณอาหารที่ได้รับแต่ละมื้อมากกว่า เพราะถ้างดอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างเด็ดขาดอาจทำให้ท่านขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างการได้และถ้าท่านไม่ยอมรับประทานอาหารในมื้อใดมื้อหนึ่งอย่างเด็ดขาด ก็อาจทำให้ท่านเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้เช่นกัน
2. การออกกำลังกาย (exercise) เป็นวิธีที่สำคัญในการลดน้ำหนัก กล่าวคือ
เป็นส่วนของการใช้พลังงานที่ถูกสะสมไว้ในรูปของไขมันซึ่งถ้าสัดส่วนของการใช้พลังงานมากกว่าสัดส่วนของพลังงานที่ได้รับเข้าไปก็จะสามารถลดน้ำหนักได้ และวิธีการออก กำลังกายนี้สามารถลดน้ำหนักได้ในระยะยาว นอกจากมีผลดีในการลดน้ำหนักแล้วยังมีข้อดีอีกหลายประการ ไม่ว่าจะผลดีต่อระบบหายใจ ทำให้การทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้น แล้วยังลดปัญหาด้านภูมิแพ้ โดยจะเพิ่มความต้านทานแก่ร่างกายด้วย นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยทั่วไปมักใช้วิธีออกกำลังกายนี้ควบคู่กับการควบคุมอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรใช้เวลาประมาณ 30-60 นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
3. เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่ เหมาะสม ซึ่งข้อนี้ขึ้นอยู่กับคุณเองมากกว่าว่าสามารถเรียนรู้และแก้ไขตัวคุณเองมากแค่ไหน มีความตั้งใจแน่วแน่ และจิตใจตั้งมั่นในการลดน้ำหนักมากน้อยเพียงใด เช่นถ้าคุณชอบทานของจุกจิก ชอบทานขนมก่อนนอน ชอบทานอาหารมัน ๆ ก็ควรจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณเองโดยพยายามทานอาหารเฉพาะมื้อหลัก ๆ (งดเว้นอาหารว่างระหว่างมื้อ) และพยายามตัดใจเมื่อเจออาหารที่มีไขมันมาก ๆ
4. การใช้ยาช่วยลดน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนจะใช้ยารักษาโรคอ้วน เพราะยาอาจมีผลข้างเคียงโดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคตับ โรคไต ยาที่ใช้ในการลดน้ำหนักมีอยู่หลายประเภทได้แก่ ยาที่ใช้ลดความอยากอาหาร ยาที่ใช้แทนที่อาหาร ยาที่ชลอหรือขัดขวางการย่อยและดูดซึมสารอาหาร
รับประทานอาหารที่ได้จากธัญพืช
ที่มา : https://hospital.moph.go.th/nongkhai/images/Chainese_15_1.jpg
ที่มา : https://www.saunawell.com/img/exercise1.jpg
งดอาหารจุกจิก
ที่มา : https://www.jookku.com/webboard/photo/58185818.jpg
การใช้ยา
ที่มา : https://blog.eduzones.com/images/blog/entertain/20090223142005.jpg
โรคอ้วนนอกจากจะทำให้ไม่สวยแล้ว ยังทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย ที่สำคัญยังมีโรคอื่นติดตามมาอีกมากมาย
- ถึงเวลาที่จะลดความอ้วนแล้วยังเอ่ย
- ทำอย่างไรโรคอ้วนจะไม่มาเยือน
กิจกรรมเสนอแนะ
ใครมีอะไรดีๆ เล่าสู่กันฟังบ้าง
บูรณาการกับสาระการเรียนรู้
สุขศึกษาและพลานามัย
อ้างอิงที่มาของข้อความและภาพประกอบ
https://www.siamhealth.net/public_html/Disease/picture/ball1.jpg
https://www.gpo.or.th/rdi/html/obes.html
https://www.telecomth.com/health/images/fat.gif
https://hospital.moph.go.th/nongkhai/images/Chainese_15_1.jpg
https://www.saunawell.com/img/exercise1.jpg
https://www.jookku.com/webboard/photo/58185818.jpg
https://blog.eduzones.com/images/blog/entertain/20090223142005.jpg
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=112