เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์


730 ผู้ชม


เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์ ทำอย่างไรจึงจะไม่หลง โปรดติดตามในดวงหทัยพลัน   

เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์

เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์

ที่มา : https://www.dmc.tv

          รัฐบาลผู้น่าสงสารต้องไปดูงานถึงรัฐบาลเวียงจันทร์ ร็อกเรื่องของคนขาว แร๊พเรื่องของคนดำ นี่เป็นบทเพลงที่สะท้อน
ให้เห็นกระแสบริโภคนิยมที่เยาวชนไทยรับเข้ามา ซึ่งเป็นค่านิยมจากตะวันตก...เป็นเพราะอะไร หาทางออกได้ไหม...ก็ไม่ไกล
ไม่ใกล้แต่ไม่ยอมนำมาใช้
          มีชาวตะวันตกถามหลวงพ่อชา สุภัทโท ว่า "ผมจะมีเวลาปฏิบัติธรรมหรือครับ...หลวงพ่อตอบว่า"คุณหายใจหรือไม่" 
ทุกลมหายใจนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม...เยาวชนไทยก็เหมือนกันที่ไม่ยอมนำเอาหลักการปฏิบัติธรรม
          เรื่องของการนำสมาธิมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน  เมื่อปฏิบัติได้แล้ว เป็นนิสัย ทุกลมหายใจนั่นแหละจะทำให้
เกิดปัญญา แล้วปัญญาจะเป็นสิ่งคัดกรองจากสัมผัสทั้ง 6 ที่เข้ามาหาคุณ ทั้งทางตา จมูก หู ลิ้น กายสัมผัส ใจ...ซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นกุศลเอง แล้วจะไม่หลงวัฒน์ ...สมาธิคืออะไร ประโยชน์จริง ๆ เป็นอย่างไร ...มาศึกษากัน
          สมาธิคือการที่มีใจตั้งมั่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอย่างแน่วแน่ กล่าวในภาษาชาวบ้านก็คือ การมีใจจดจ่ออยู่ใน
เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ฟุ้งซ่านนั่นเอง 
          การทำสมาธิแบบนี้ไม่ได้เน้นการเข้าถึงนิพพาน หรือความสิ้นไปของอาสวะ แต่ก็เป็นพื้นฐานที่ดีหากต้องการปฏิบัติ
ต่อไปในขั้นสูง หากแต่มีประโยชน์ที่เห็นได้ทันทีก็ได้จากในชีวิตประจำวัน ทำให้เรามีจิตใจผ่องใส ประกอบกิจการงานได้
ราบรื่นและคิดอะไรก็รวดเร็วทะลุปรุโปร่ง เพราะว่าระดับจิตใจได้ถูกฝึกมาให้มีความนิ่งดีแล้ว เมื่อมีความนิ่งเป็นสมาธิดีแล้ว 
ย่อมมีพลังแรงกว่าใจที่ไม่มีสมาธิ ดังนี้เมื่อจะคิดทำอะไร ก็จะทำได้ดี และได้เร็วกว่าคนปกติ ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกสมาธิมาก่อน 

เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์

ที่มา : https://www.dmc.tv

          ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ มีพลังมีประโยชน์ ในปัจจุบัน คือทำให้ใจสบาย คลายทุกข์ หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใส 
ความจำ ทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือได้บุญ
         วิธีนั่ง ให้นั่งขัดสมาธิ คือขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรงหลับตาเอาสติมาจับอยู่ที่สะดือ ที่ท้องพองยุบ เวลาหายใจเข้า
ท้องพอง กำหนดว่าพองหนอ ใจนึกกับท้องที่พอง ต้องให้ทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน หายใจออกท้องยุบ กำหนดว่า 
ยุบหนอ ใจนึกกับท้องที่ยุบ ต้องทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน ข้อสำคัญให้สติจับอยู่ที่พอง ยุบ เท่านั้น อย่าดูลมที่จมูก 
อย่าตะเบ็งท้อง ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่า ท้องพองไปข้างหน้า ท้องยุบมาข้างหลัง อย่าให้เห็นเป็นไปว่า ท้องพองขึ้นข้างบน ท้องยุบลงข้างล่าง ให้กำหนดเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด เมื่อมีเวทนา เวทนาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด 
จะต้องบังเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติแน่นอน จะต้องมีความอดทน เพื่อเป็นการสร้างขันติบารมีด้วย ถ้าผู้ปฏิบัติขาดความอดทนเสียแล้ว 
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นก็ล้มเหลว ในขณะที่นั่งหรือเดินจงกรมอยู่นั้นถ้ามีเวทนา ความเจ็บ ปวด เมื่อย คัน เกิดขึ้น 
ให้หยุดเดิน หรือกำหนดพองยุบ ให้เอาสติไปตั้งไว้ที่เวทนาเกิด และกำหนดไปตามความเป็นจริงว่า ปวดหนอๆๆ เจ็บหนอๆๆ เมื่อยๆ คันหนอๆๆ เป็นต้น ให้กำหนดไปเรื่อยๆ จนกว่าเวทนาจะหายไปเมื่อเวทนาหายไปแล้ว ก็ให้กำหนดนั่งหรือเดินต่อไป

 เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์

ทีมา : https://www.dmc.tv

          จิตเวลานั่งหรือเดินอยู่ ถ้าจิตคิดถึงบ้าน คิดถึงทรัพย์สิน หรือคิดฟุ้งซ่าน ต่างๆ นานา ก็ให้เอาสติปักลงที่ลิ้นปี่ พร้อมกับ
กำหนดว่า คิดหนอๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะหยุดคิด แม้ดีใจ เสียใจ หรือโกรธ ก็กำหนดเช่นเดียวกันว่า ดีใจหนอๆๆๆ เสียใจหนอๆๆๆ โกรธหนอๆๆๆ เป็นต้น
          สมาธิไม่ใช่ของศาสนาใด ไม่มีศาสนาใดผูกขาด สมาธิเป็นของคนมีศาสนา เป็นทั้งของคนไม่มีศาสนาโดยที่สุด แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ต้องอาศัยสมาธิ ถ้าเขาไม่มีสมาธิ เขาก็เอาชีวิตรอดมาไม่ได้ 
           ประโยชน์ของสมาธิ พูดได้หลายอย่าง เช่น ประโยชน์ทางด้านอภิญญา ประโยชน์ทางด้านศาสนา ประโยชน์ทางด้านบุคลิกภาพ ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
          1.ประโยชน์ทางด้านอภิญญา เช่น ฝึกสมาธิแล้วได้อภิญญา(ความสามารถพิเศษเหนือสามัญชน) ได้แก่ หูทิพย์ ตาทิพย์ 
ทายใจคนอื่นได้ แสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ ประโยชน์ด้านนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระศาสนาโดยตรง
          2.ประโยชน์ที่เป็นจุดหมายทางพุทธศาสนา คือ
                (1)ประโยชน์ระดับต้น ฝึกสมาธิไประยะหนึ่ง จิตจะหายฟุ้งซ่าน จนถึงระดับได้ฌาน สามารถใช้สมาธิที่ได้ระงับ 
หรือข่มกิเลสได้ชั่วคราว แค่นี้ก็เรียกได้ว่าได้ "วิมุตติ"(หลุดพ้น)ระดับหนึ่งแล้ว เรียกว่า วิกขัมภมวิมุติ (หลุดพ้นด้วยข่มไว้)
ตราบใดที่ยังข่มได้อยู่ เจ้ากิเลสมันก็ไม่ฟุ้งดอกครับ อย่าเผลอก็แล้วกันเผลอเมื่อได เดี๋ยว "จะเป็นเรื่อง"
เมื่อท่านเจ้าประคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) เทศน์สองธรรมาสน์กับ สมเด็จวัดเทพศิรินทร์ เจ้าคุณอุบาลีฯ
ท่านอธิบายเรื่องกิเลส โลภ โกรธ หลง ยกศัพท์ยกแสงขึ้นมาอธิบายอย่างละเอียด สมเด็จท่านทักขึ้นว่า"แหม ว่าละเอียดเชียวนะ 
โลภมาจากธาตุนั้นปัจจัยนี้… ไหนลองบอกดูวิว่า ลาว มาจากธาตุอะไร"(ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯท่านเป็นชาวอีสาน ที่คนภาคกลาง
มักจะเรียกเหยียดๆว่า "ลาว")ท่านเจ้าคูณอุบาลีฯ ตอบว่า ลาว ภาษาบาลีว่า ลาโว แปลว่า "ผู้ตัด" มาจาก ลุ ธาตุ วิเคราะห์ว่า 
ลุนาตีติ ลาโว = ผู้ใดย่อมตัดผู้นั้นชื่อว่าลาว" "ตัดอะไร" สมเด็จซัก "ตัดหางเปียเจ็ก" เจ้าคุณอุบาลีฯสวนขึ้นทันที(สมเด็จท่านมี
เชื้อสายจีนชาวชลบุรีครับ) สมเด็จไม่ทันระวังตัว เพราะมัวไปแขวะคนอื่นเพื่อความมันส์โกรธหน้าแดงเลย นี่แหละครับ กิเลส
ที่มันสงบอยู่ดุจหญ้าถูกหินทับ พอถูกสะกิดเท่านั้นมันก็ฟุ้งขึ้นมาได้ ยกเรื่องจริงในยุทธจักรดงขมิ้นมาเล่าประดับความรู้ครับ
              (2)ประโยชน์ระดับสูงสุด ก็คือสมาธิอันเป็นบาทฐานวิปัสนาพิจารณาสภาวธรรมทั้งหลายรู้แจ้งไตรลักษณ์ กำจัดกิเลสได้
โดยสิ้นเชิง พูดอีกในหนึ่งก็คือสมาธินำไปสู่ความเป็นพระอรหันต์นั้นแหละครับ
          3.ประโยชน์สมาธิในด้านพัฒนาบุคลิกภาพ ผู้ที่ฝึกสมาธิประจำ ย่อมมีบุคลิกภาพที่พึงปรารถนาหลายประการเช่น
              (1)มีบุคลิกหนักแน่น เข้มแข็ง
              (2)มีความสงบเยือกเย็น ไม่ฉุนเฉียวเกรี้ยวโกรธ
              (3)มีความสุภาพ นิ่มนวล ท่าทีมีเมตตากรุณา
              (4)สดใส สดชื่น เบิกบาน
              (5)สง่า องอาจ น่าเกรงขาม
              (6)มีความมั่นคงทางอารมณ์
              (7)กระฉับกระเฉง ไม่เซื่องซึม
              (8)พร้อมเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ฉับไว ไม่ต้องอธิบาย เพียงเอ่ยถึง ก็คงเข้าใจแล้วนะครับ
          4.ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน คนมักถามว่าฝึกสมาธิแล้วได้ประโยชน์อะไรในชีวิตประจำวัน ฝึกแล้วบรรลุมรรคผลนิพพานน่ะ
รู้แล้วว่าพระคัมภีร์พูดไว้จริง แต่ได้จริงหรือเปล่า ยังไม่เคยเห็น ถ้าจะให้ทำเองก็ไม่ทราบว่าเมื่อไรจะเห็นผล เอาในชีวิตประจำวัน
เห็นๆกันนี้ดีกว่าว่าฝึกแล้วได้อะไรได้มากมายทีเดียวกันเช่น
             (1) ทำให้ใจสบาย ไม่เครียด มีความสุข ผ่องใส
             (2) หายหวาดกลัว หายกระวนกระวายโดยไม่จำเป็น
             (3) นอนหลับง่าย ไม่ฝันร้าย สั่งตัวเองได้(เช่น สั่งให้หลับหรือตื่นตามเวลาที่กำหนดไว้ได้) 
             (4) กระฉับกระเฉง ว่องไว รู้จักเลือกและตัดสินใจเหมาะแก่สถานการณ์
             (5) มีความแน่วแน่ในจุดหมาย มีความใฝ่สัมฤทธิ์สูง
             (6) มีสติสัมปชัญญะดี รู้เท่าปรากฏการณ์ และยับยั้งใจได้ดีเยี่ยม
             (7) มีประสิทธิภาพในการทำงาน ทำกิจกรรมสำเร็จด้วยดี
             (8) ส่งเสริมสมรรถภาพมันสมอง เรียนหนังสือเก่ง ความจำดีเยี่ยม
             (9) เกื้อกูลต่อสุขภาพร่างกาย เช่นชะลอความแก่ หรืออ่อนกว่าวัย
             (10)รักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคเครียด โรคท้องผูก โรคความดันโลหิต โรคหืด หรือโรคกายจิตอย่างอื่น
โรคกายจิต(อ่านว่าโรค กา-ยะ-จิต ) หมายถึง ไม่เป็นโรค แต่ใจคิดว่าเป็น คิดบ่อยๆเข้าก็เลยเป็นจริงๆ อาการอย่างนี้ฝึกสมาธิ
สักพักเดียวก็หาย...ลองฝึกสมาธิดูสิครับ วันละเล็กละน้อย ทำบ่อยๆเป็นกิจวัตร ไม่ช้าไม่นานเราจะรู้ตัวว่าเรากลายเป็นคนละคน
กับคนเก่า-ปานนั้นเชียว

เป็นพุทธแต่ปาก จึงหลงวัฒน์

ที่มา : https://www.dmc.tv

          มาถึงตรงนี้มาตอบคำถามกันสิครับเกี่ยวกับสมาธินะครับ
            1. การนำผลของการฝึกสมาธิมาใช้แก้ปัญหาต่อกระแสบริโภคนิยมของเยาวชนได้หรือไม่อย่างไร
            2. เป็นการแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ยั่งยืน จากการใช้แนวทางพุทธปฏิบัติ
            3. สมาธิมีประโยชน์ต่อการเป็นนักเรียนไหม ...ถ้ามีประโยชน์ขอให้บอกมาสัก 3 ตัวอย่าง
            4. คุณคิดว่าการฝึกสมาธิเป็นเรื่องยากหรือไม่...ทุกลมหายใจสามารถฝึกได้ไหม
            5. คำพูดของท่านหลวงพ่อพุทธทาสที่ว่า ... การทำงานคือการปฏิบ้ติธรรม...เห็นด้วยหรือไม่...อย่างไร

          สมาธิจะเหมาะกับเยาวชนทุกระดับชั้น และเกี่ยวโยงไปทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้...ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์...วิทยาศาสตร์...
การงานอาชีพ...ศิลบศึกษา....พลศึกษา...ภาษาไทย...ภาษาต่างประเทศ  ไม่เชื่อ...จะยกตัวอย่างสมาธิกับกลุ่มสาระพลศึกษา...
ถ้าเป็นนักกีฬาที่มีสมาธิกับเกมส์..นั่นหมายถึงชัยชนะอยู่แค่เอื้อมนะครับ....

            มาถึงตรงนี้....อยากให้เยาวชนนำวิธีการนี้ไปใช้ฝึกปฏิบัติ...เพื่อให้รู้จริงในชีวิตประจำวัน...พระพุทธองค์ตรัสว่า"อย่าพึ่งเชื่อ
จงปฏิบัติดูก่อน...ตามหลักกาลามสูตร...ที่สำคัญ...เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการจากกระแสวัฒน์ของตะวันตก...เกาหลี ฟีเวอร์
ญี่ปุ่นฟีเวอร์...เพราะสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาตลอด...เฮ้อ! อยากจะบอกว่า...คุณนะรับได้...แต่จงใช้ปัญญา...ที่มาจากสมาธิในการเลือกรับ
ในสิ่งดี ๆ ...คุณจะรู้เหรอว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจจะมีกระแสกัมพูชาฟีเวอร์เข้ามาก็ได้...ใครจะไปรู้

แหล่งข้อมูล :  https://www.kmitl.ac.th
https://www.dmc.tv/forum/uploads/monthly_10_2007/post-3612-1191409260_thumb.jpg
https://www.dmc.tv/forum/uploads/monthly_10_2007/post-3945-1191472393_thumb.jpg
https://www.dmc.tv/forum/uploads/monthly_10_2007/post-3945-1191472541.jpg
https://www.dmc.tv/forum/uploads/monthly_10_2007/post-2355-1191472621.jpg

ดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่นี่
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=124

อัพเดทล่าสุด