มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล เป็นมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่พบหลักฐานในยุโรปรอให้มนุษย์เราในยุคปัจจุบันมาเปิดเผยความลับกัน เนื้อหาสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช่วงชั้นที่ 3 , 4 ได้มีกลุ่มนักสำรวจที่เข้าไปสำรวจถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อเอลซีดรอนทางเหนือของสเปนในเดือนมีนาคม ปี คศ.1994 พบกระดูกขากรรไกรล่างสองชิ้นของมนุษย์โผล่ขึ้นมาจากดินปนทราย ตอนแรกคิดว่าเป็นกระดูกของทหารที่มาซ่อนตัวอยู่สมัยสงครามกลางเมืองสเปนในช่วงปลายทศวรรษ 1930 แต่เมื่อส่งไปตรวจสอบโดยสถาบันนิติพยาธิวิทยาในกรุงมาดริดพบว่าเป็นฟอสซิลของมนุษย์ นีแอนเดอร์ทัล(Neanderthal)กลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่และอาจจบชีวิตลงอย่างโหดร้ายเมื่อราว43,000 ปีก่อน เมื่อนักวิทยาศาสตร์ที่นั่นตรวจวิเคราะห์เสร็จสิ้น และเวลาเกิดเหตุก็สอดรับกับช่วงแห่งความลึกลับช่วงหนึ่งในวิวัฒนาการมนุษย์พอดี มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลหรือญาติใกล้ชิดกับเราที่สุดในยุคก่อนประวัติศาสตร์ครอบครองยูเรเชียเป็นเวลาเกือบ 200,000 ปี พวกเขาไปทั่วยุโรปและมุ่งหน้าลงใต้สู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากช่องแคบยิบรอลตาร์ไปจนถึงกรีซและอิรัก ขึ้นเหนือไปถึงรัสเซียทาง ตะวันตกก็ไปจนถึงอังกฤษ ส่วนทางตะวันออกก็ไปจนเกือบถึงมองโกเลีย ที่มา : https://www.google.co.th นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่าแม้ในยุคที่นีแอนเดอร์ทัลรุ่งเรืองที่สุดในยุโรปตะวันตกพวกเขาก็น่าจะมีจำนวนรวมกันไม่เกิน 15,000 คน แต่ไม่สามารถเอาตัวรอดแม้อากาศอันเหน็บหนาวได้เปลี่ยนถิ่นอาศัยส่วนใหญ่ของพวกเขาให้มีสภาพไม่ต่างจากทางเหนือของสแกนดิเนเวียในปัจจุบัน นั่นคือเขตทุนดาอันแห้งแล้งและหนาวเย็น ครั้นพอถึงช่วงเวลาที่โศกนาฏกรรมในถ้ำเอลซีดรอนเกิดขึ้น มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลกลับตกอยู่ในสภาพดิ้นรนหนีตาย และดูเหมือนจะไปจนมุมในไอบีเรียพื้นที่เล็กๆในยุโรปตอนกลางและชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนทางใต้ เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายลง และต่อมายังถูกจำกัดวงให้แคบเข้าจากการรุกคืบสู่ตะวันตกของมนุษย์ที่มีลักษณะทางกายวิภาคคล้ายมนุษย์สมัยใหม่ ซึ่งเดินทางจากแอฟริกาสู่ตะวันออกกลางและไกลออกไป ภายในอีกราวๆ 15,000 ปี นับจากนั้นมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลก็สิ้นสุดเผ่าพันธุ์ลงเหลือเพียงกระดูกจำนวนหนึ่งกับคำถามมากมายไว้เบื้องหลัง พวกเขาเป็นมนุษย์ที่รู้จักเอาตัวรอดชาญฉลาดและมุ่งมั่นเหมือนเรา หรือจะเป็นมนุษย์ที่งุ่มง่ามไม่สามารถปรับตัวได้จนต้องตายกันหมดเมื่อประมาณ 45,000 ปี ถึง 30,000 ปีที่แล้ว เมื่อมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลต้องแบ่งปันดินแดนยูเรเชียที่พวกเขาครอบครองอยู่แก่มนุษย์สมัยใหม่ที่อพยพมาจากแอฟริกา แล้วทำไมมนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่งถึงอยู่รอดขณะที่อีกเผ่าพันธุ์กลับสาบสูญไป นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีการขุดพบชิ้นส่วนกระดูกราว 1,500 ชิ้นจากบริเวณที่เรียกว่า กาเลเรียเดลโอซารีโอ หรือ “อุโมงค์แห่งกระดูก” ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่พบกระดูกปริศนาเมื่อปี 1994 โดยเป็นกระดูกจากร่างของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลอย่างน้อยเก้าคน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ใหญ่ห้าคน วัยรุ่นสองคนเด็กอายุราวแปดขวบหนึ่งคนและเด็กวัยหัดเดินอายุสามขวบอีกหนึ่งคน กระดูกทั้งสองชิ้นมีขอบหยักๆ กระดูกพวกนี้ถูกตัดด้วยเครื่องมือหินนั่นแปลว่าคนที่ลงมือต้องการสมองและไขกระดูกจากกระดูกแขน ที่มา : https://www.google.co.th/ นอกจากนี้บนกระดูกยังชี้ชัดว่าพวกเขาถูกฆ่ากินเนื้อจะเป็นเพราะความหิวโหยหรือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมกันก็ไม่ทราบแน่ และซากเหล่านี้เป็นอมตะได้อย่างน่าอัศจรรย์ มีดินโคลนและทรายเป็นเกราะป้องกันและอุณหภูมิคงที่ของถ้ำช่วยรักษาสภาพ อีกทั้งมีกระดูกซึ่งกลายเป็นหินทำหน้าที่คล้ายกล่องเก็บโมเลกุลรหัสพันธุกรรมของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลให้ปลอดภัย รอเวลาเพื่อให้เราค้นหาเบาะแสว่ามนุษย์เหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไรและเพราะเหตุใดพวกเขาจึงสาบสูญไป ที่มา : https://www.google.co.th เมื่อปี 1856 ในเยอรมนีพบชิ้นส่วนกะโหลกส่วนบนที่มีสันคิ้วโค้งนูนออกมาและกระดูกแขนท่อนโตๆ แสดงว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ถ้ำที่ไม่ฉลาดและป่าเถื่อน ขนาดและรูปร่างของกระดูกบ่งบอกลักษณะทางกายภาพที่เตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียว เพศชายสูงเฉลี่ย 160 เซนติเมตร หนัก 84 กิโลกรัม มีกล้ามเนื้อกำยำล่ำสันและซี่โครงผายกว้างซึ่งน่าจะมีไว้รองรับปอดขนาดใหญ่ สตีเฟน อี.เชอร์ชิลล์ นักมานุษยบรรพกาลวิทยาจากมหาวิทยาลัยดุ๊กคำนวณว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทัลต้องการพลังงานไม่ต่ำกว่าวันละ 5,000 แคลอรีจึงจะสามารถรักษามวลร่างกายขนาดนี้ในสภาพอากาศอันหนาวเย็นได้ สันคิ้วโหนกนูนกะโหลกทรงโค้งต่ำของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลกลับบรรจุสมองที่มีปริมาตรเฉลี่ยมากกว่าสมองของมนุษย์ปัจจุบันเล็กน้อยจากการถอดรหัสพันธุกรรมเหล่านั้นและพบว่า จากกระดูกแขนมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล ดีเอ็นเอดังกล่าวแตกต่างจากของมนุษย์ในปัจจุบัน แสดงว่าตระกูลของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลและมนุษย์สมัยใหม่แยกจากกันเนิ่นนานก่อนที่มนุษย์สมัยใหม่จะอพยพออกจากแอฟริกาเสียอีก ที่มา : https://www.google.co.th เมื่อไม่นานมานี้เองที่นักโบราณคดีออกมาระบุถึงการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ40,000 ปีก่อนในยุโรป เมื่อการสร้างเครื่องมือหินอันแสนยากเย็นของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลที่เรียกว่า “มูสตีเรียน” ตามชื่อแหล่งขุดค้นเลอมูสตีเยร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ถูกแทนที่ด้วยเครื่องมืออันหลากหลายที่ทำจากหินและกระดูก เครื่องประดับร่างกาย และร่องรอยของการแสดงออกทางสัญลักษณ์อื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับการปรากฏตัวของมนุษย์สมัยใหม่ นักวิทยาศาสตร์บางคนอย่างเช่น ริชาร์ด ไคลน์ นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดยังเชื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอย่างใหญ่หลวงในสมองซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางภาษาที่ช่วยให้มนุษย์สมัยใหม่ยุคแรกๆสามารถแผ่อิทธิพลทางวัฒนธรรมได้ขณะที่บรรพบุรุษคิ้วยื่นต้องเป็นฝ่ายจากไป ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในห้องเรียน 1. มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลเป็นใครอยู่ที่ไหน 2. มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลต่างจากเผ่าพันธ์มนุษย์ปัจจุบันอย่างไร 3. มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลทำไมถึงหายสาบสูญไป กิจกรรมเสนอแนะ 1. ค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล 2. จัดป้านนิเทศ การบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ สามารถบูรณาการกับกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล / ภาพประกอบ https://www.ngthai.com/ngm/0810/feature.asp?featureno=1 ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2447 |