การนำหลักสูตรไปใช้อีกวิธีหนึ่งคือ วิธีการสอนของครูที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมีความสุขในการร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกับครูและเพื่อนๆ
การนำหลักสูตรกลุ่มสาระศิลปะไปใช้ในโรงเรียน (ตอนที่ 2)
วิธีสอน
วิธีสอน คือ การใช้วิธีการต่างๆ ในการจัดสถานการณ์เพื่อก่อประโยชน์ให้แก่ผู้เรียนให้เข้าใจเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ครูที่สอนเก่งคือ ครูที่สามารถชักจูงให้นักเรียนเกิดความเพลิดเพลินในบทเรียน ซึ่งวิธีการเหล่านี้ต้องอาศัยจิตวิทยาการเรียนรู้ของเด็กวัยต่าง ๆ การมีวินัย ความสนใจ ความตั้งใจ และแรงกระตุ้นเป็นหลักธรรมชาติของหลักสูตร ที่เน้นถึงการสอนที่สามารถทำให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น จำเป็นต้องมีวิธีสอนที่เหมาะสม ผู้สอนต้องพิจารณาวิธีสอนวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธี เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ในหลักสูตร วิธีการสอนที่ไม่ดีย่อมมีผลการทบต่อมาตรฐานของหลักสูตร เพื่อให้การนำหลักสูตรไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ครูสามารถเลือกใช้วิธีการสอนได้หลายวิธี เช่นวิธีการสอนโดยแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม วิธีสอนโดยใช้บทบาทสมมุติ วิธีสอนโดยใช้กระบวนการกลุ่มวิธีสอนโดยใช้บทเรียนโปรแกรม (รายละเอียดการสอนแต่ละวิธี จะนำเสนอในตอนต่อไป)
วิธีสอนดนตรีนาฏศิลป์ในระดับประถมศึกษา
ถ้าพิจารณาตามหลักสูตรแล้วจะเห็นว่าเน้นหนักไปทางนาฏศิลป์มากกว่า เพราะดนตรีและนาฏศิลป์เป็นเรื่องที่แยกกันมาออก ก่อนจะรำนักเรียนควรฟังเพลงได้ รู้จังหวะ เข้าใจท่วงทำนองที่จะสอดให้ลีลาอารมณ์ลงไปในการฟ้อนรำได้ เอกลักษณ์ของวิชานี้เป็นทักษะวิชาที่มีการฝึกฝนที่ถูกแบบ ฝึกผู้เรียนให้มีนิสัยในการฝึกตนเองและมีการแก้ไขเมื่อมีการฝึกผิดวิธี การวางรากฐานในการสอนนาฏศิลป์จึงไม่ใช้เรื่องง่ายนัก ครูผู้สอนต้องรู้จักพลิกแพลงเลือกวิธีสอนและใช้วิธีการเฉพาะตน ในการถ่ายทอดความรู้เพื่อสร้างความนิยม ความรักในวิชาการ และสุนทรียะกับตัวของผู้เรียน การเตรียมการสอนควรมีขั้นตอนเป็นลำดับ
1. การเตรียมตัวครู
1.1 ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระศิลปะ สาระดนตรี – นาฏศิลป์ ให้ทราบเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ ให้รู้จักคุณค่าของประสบการณ์ดนตรีและนาฏศิลป์ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ให้มีความรู้และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับดนตรีนาฏศิลป์ ให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง มีส่วนร่วมในกิจกรรมนาฏศิลป์ตามความถนัดและความสนใจของตน แสดงออกตามความคิดและจินตนาการของตนและนำประสบการณ์ทางดนตรีนาฏศิลป์ไปช่วยส่งเสริมปรับปรุงบุคลิกภาพของงาน
1.2 ศึกษาแนวการอสนดนตรีนาฏศิลป์ ถึงแม้ว่าจะสามารถบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นได้ก็ควรคำนึงถึงตัวชี้วัดของดนตรีนาฏศิลป์ด้วย ควรศึกษาเอกสารต่างๆ ที่มีนอกเหนือจากหลักสูตร เช่นคู่มือหลักสูตร แนวการใช้หลักสูตรเอกสารอ่านอบรมต่างๆ เอกสารเผยแพร่ โดยเฉพาะครูที่ขาดทักษะทางดนตรีนาฏศิลป์มีความจำเป็นต้องศึกษามากที่สุด วึ่งวิชาดนตรีนาฏศิลปะประกอบด้วยกิจกรรม 4 กิจกรรม กิจกรรมเน้นจังหวะ กิจกรรมเน้นการร้องเพลง กิจกรรมการพังและกิจกรรมนาฏศิลป์ ซึ่งส่วนมากเป็นการสอนแบบสาธิตก่อนในขณะเดียวกันก็ผสมผสานวิธีการสอนแบบอื่นด้วยเป็นบางครั้ง จัดการสอนอย่างมีลำดับขั้นตอนทั้งการเรียนภาคทฤษฏีและปฏิบัติควบคู่กันไปและต้องสื่อประกอบเช่น รูปภาพ เทปเพลง ชุดการสอน เครื่องประกอบจังหวะ
1.3 ศึกษาการแบ่งเนื้อหากิจกรรมดนตรีนาฏศิลป์ เป็นวิชาที่ต้องปฏิบัติซ้ำๆ กัน จึงจำเป็นต้องแบ่งเนื้อหาให้ชัดเจนและจัดเวลาแต่แผนให้ครบถ้วน ควรเป็นแผนที่สืบเนื่องกันไปทุกคนแสดงออกและมีส่วนร่วมในกิจกรรม
1.4 ศึกษาสื่อการเรียนการสอนที่จำเป็นในการสอนดนตรีนาฏศิลป์ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนดนตรีนาฏศิลป์ ต้องการให้ผู้เรียนมีโอกาสแสดงออกและมีส่วนร่วมในกิจกรรม ดังนั้นสื่อการสอนจึงจำเป็นในการสร้างประสบการณ์ ซึ่งประกอบด้วย สื่อประเภทเอกสาร เช่น เอกสานใช้ประกอบการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อประเภทอุปกรณ์ เช่น เครื่องเคาะจังหวะ ภาพการแสดงต่างๆ ภาพเครื่องดนตรีไทย แผนภูมิเพลง บัตรคำ เทปเพลง เครื่องบันทึกเสียง กล่องชุดการสอน ฯลฯ
1.5 ศึกษาหลักการวัดประเมินผล ในการวัดประเมินผลทุกครั้งต้องแจ้งตัวชี้วัดให้นักเรียนทราบก่อนวัดและประเมินผลการเรียนซึ่งเป็นกระบวนการต่อเนื่องกับการสอน เพื่อให้ทราบผลการสอนของครู และนำข้อพกพร่องไปปรับปรุงวิธีการสอน นักเรียนปรับปรุงการเรียนของตนเอง ทราบว่าตนเองเรียนเก่งหรืออ่อน ครุสามารถแก้ไขเป็นรายบุคคลได้ ผู้บริหารสามารถนำไปปรับปรุงระบบบริหารการศึกษา
ที่มา : อมรา กล่ำเจริญ. วิธีสอนนาฏศิลป์ คณะวิชามนุษยศาสตร์ วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา. 2535.
มีต่อตอนที่ 3>>>
ที่มา : htts://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3114
จากหลักสูตร>>>สู่โรงเรียน ตอนที่ 2