ล้างแผลให้ถูกวิธีทำไม่ยาก ไม่ร้องไห้หนักมากเพราะไม่แสบแผลด้วย


2,965 ผู้ชม


ล้างแผลให้ถูกวิธีทำไม่ยาก ไม่ร้องไห้หนักมากเพราะไม่แสบแผลด้วย

เคยล้างแผลแล้วรู้สึกแสบจี๊ด ๆ มาตลอด โถ…ชีวิตนี้ทำไมต้องมาทนกับการล้างแผลที่ทำเราแสบฟรี ๆ อย่างนั้นด้วยล่ะคะ เพราะจริง ๆ แล้วการล้างแผลที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องราดแอลกอฮอล์ล้างแผลเพื่อกำจัดเชื้อโรค และโปรดจำไว้เสมอเลยว่า ความแสบไม่ได้ช่วยให้แผลสะอาดขึ้นแต่อย่างใด
    
แล้วควรทำอย่างไรดีเมื่อมีบาดแผล ?

          เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นมา สิ่งแรกคืออย่างเพิ่งตกใจกับเลือดที่ออก และหากบาดแผลไม่ใหญ่โตมากนัก พอมีเลือดออกนิด ๆ เลือดจะเป็นตัวช่วยกำจัดความสกปรกจากบาดแผลในเบื้องต้น และจากนั้นก็ถึงขั้นตอนของการล้างแผล และการทำแผลดังนี้

1. เมื่อมีเลือดออก
    
          เลือดเป็นสิ่งที่ช่วยทำความสะอาดแผลเบื้องต้น การมีเลือดออกจากแผลเล็กน้อยจึงถือเป็นสิ่งที่ดี
2. ล้างแผลให้สะอาด
          ด้วยน้ำเกลือปราศจากเชื้อ หรือน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9% สำหรับล้างแผลโดยตรง เพราะการล้างแผลด้วยน้ำเกลือจะไม่ทำให้รู้สึกแสบแผล อีกทั้งการล้างแผลด้วยน้ำเกลือยังช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคออกจากแผลได้ ลดการติดเชื้อ ที่สำคัญยังช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นอีกต่างหาก
3. เลือกยาใส่แผลให้เหมาะสม
    
          แผลที่เสี่ยงติดเชื้อ หรือแผลเปิด เช่น แผลมีดบาด แผลถลอก แผลฉีกขาด แผลถูกแทง แผลฉีกกระชาก และแผลตัดขาด อาจใช้ยาฆ่าเชื้อภายนอก (Topical Antiseptic) เช่น โพวิโดน-ไอโอดีน ทาแผลเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ
4. พันแผลด้วยพลาสเตอร์ยาหรือผ้าพันแผล
    
          การปิดแผลจะช่วยลดโอกาสที่เชื้อโรคจากภายนอกจะเข้าสู่บาดแผล โดยเฉพาะหากแผลนั้น ๆ มีโอกาสเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือรองเท้าโดยตรง ซึ่งการปิดแผลที่ดีก็ควรเปลี่ยนพลาสเตอร์หรือผ้าพันแผลทุกวัน รวมทั้งก่อนปิดแผลก็ควรล้างแผลและใส่ยารักษาแผลก่อนด้วยนะคะ

          อย่างไรก็ดี สำหรับแผลที่ค่อนข้างลึก ใหญ่ และบาดเจ็บอย่างรุนแรง หรือเป็นแผลบริเวณใกล้ดวงตา แผลเปิดกว้าง แผลเกิดจากของขึ้นสนิม หรือโดนสัตว์กัด เลือดไหลไม่หยุดยาวนานประมาณ 5-10 นาที หรือแม้แต่แผลเล็ก ๆ แต่มีอาการปวดแผล แผลบวมแดง มีน้ำหนอง หรือมีอาการไข้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าบาดแผลอาจเกิดการอักเสบ และควรพาตัวเองไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยนะคะ

ความจริงเกี่ยวกับการล้างแผลที่ถูกต้อง
    
          มีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการล้างแผลที่ถูกต้อง ดังนั้นเราจึงขอคลายความสงสัยด้วย 5 ความจริงเกี่ยวกับการล้างแผลดังนี้
1. ทำไมควรล้างแผลด้วยน้ำเกลือ
    
          น้ำเกลือปราศจากเชื้อสำหรับล้างแผลโดยตรง อย่างน้ำเกลือ Saline Kare เป็นน้ำเกลือที่มีตัวยาโซเดียม คลอไรด์ 0.9% โดยความเข้มข้นของน้ำเกลือชนิดนี้ จะมีความสมดุลกับเนื้อเยื่อของร่างกาย จึงไม่ทำให้รู้สึกแสบ อีกทั้งการล้างแผลด้วยน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9% ยังสามารถชำระความสกปรกและเชื้อโรคออกจากแผลได้อย่างสะอาด ปราศจากการระคายเคือง ลดโอกาสติดเชื้อ และทำให้แผลหายเร็วขึ้นอย่างที่บอกไปในช่วงแรก 
    
          ดังนั้นหากเคยไปล้างแผลที่โรงพยาบาลมาบ้าง ก็จะเห็นได้เลยว่าพยาบาลและแพทย์จะใช้น้ำเกลือล้างแผลให้เราตลอดยังไงล่ะคะ
2. ทำไมใช้น้ำเกลือล้างแผลถึงไม่แสบ
    
          ตัวยาโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ที่มีอยู่ในน้ำเกลือ เป็นสารละลายที่มีความสมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย จึงไม่ทำให้รู้สึกแสบเมื่อล้างแผลด้วยน้ำเกลือ
3. น้ำเกลือต่างกับน้ำทะเลอย่างไร
    
          น้ำทะเลจะประกอบไปด้วยธาตุ และส่วนประกอบไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเข้มข้นกว่าน้ำในเซลล์ร่างกาย จึงอาจทำลายความสมดุลของน้ำในเซลล์เนื้อเยื่อ เป็นเหตุให้รู้สึกแสบแผลเมื่อโดนน้ำทะเลได้
    
          ส่วนน้ำเกลือปราศจากเชื้อสำหรับล้างแผล มีส่วนประกอบที่สมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกายอยู่แล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแผลนั่นเอง
4. ใช้น้ำประปาล้างแผลได้หรือไม่
    
          น้ำประปาเป็นสารละลาย Hypotonic มีความเข้มข้นต่ำกว่าน้ำในเซลล์ร่างกาย จึงอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดและเซลล์เนื้อเยื่อสร้างใหม่ รบกวนการสมานแผล ทำให้รู้สึกแสบแผล และอาจทำให้แผลหายช้าลง
5. ใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลได้หรือไม่
    
          เชื่อไหมคะว่าเราอาจใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลแบบผิด ๆ มาทั้งชีวิต เพราะที่จริงแล้วแอลกอฮอล์เป็นยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ สำหรับเช็ดผิวหนังรอบแผลก่อนผ่าตัดหรือก่อนฉีดยาเท่านั้น เพื่อลดโอกาสที่เชื้อโรครอบปากแผลจะเข้าสู่แผลได้ นอกจากนี้เรายังไม่ควรใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลเปิดให้แสบฟรี ๆ อย่างยิ่ง เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำลายโปรตีนในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเนื้อตาย อาจรู้สึกระคายเคืองและแสบร้อนแผล และทำให้แผลหายช้า เห็นได้ชัดเลยว่า น้ำเกลือเป็นน้ำยาล้างแผลที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกข้อจริง ๆ แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกใช้น้ำเกลือที่ถูกวัตถุประสงค์ของการล้างแผลด้วยนะคะ โดยอาจเลือกใช้น้ำเกลือล้างแผลด้วยข้อสังเกตข้างล่างนี้
ควรเลือกน้ำเกลือแแบบไหนมาล้างแผล

          น้ำเกลือล้างแผลมีขายอยู่หลายยี่ห้อพอสมควร หลายคนเลยเกิดคำถามว่า แล้วเราควรเลือกน้ำเกลือล้างแผลแบบไหนมาใช้ดีล่ะ ขออนุญาตตอบข้อข้องใจตรงนี้ชัด ๆ ว่า ควรเลือกซื้อน้ำเกลือล้างแผลชนิดที่ปราศจากเชื้อ เช็กว่ามีความเข้นข้นของตัวยาโซเดียม คลอไรด์ 0.9% ไหม รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ก็ควรมีฝาปิดมิดชิด ใช้งานสะดวก เก็บรักษาได้ง่าย ไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนในน้ำเกลือ อย่างน้ำเกลือซาไลน์แคร์ (Saline Kare) เป็นต้น ซึ่งมีข้อแตกต่างจากน้ำเกลือล้างแผลอื่น ๆ ตามนี้
 
1. น้ำเกลือล้างแผลซาไลน์แคร์ไม่ทำให้แสบแผล
    
          นอกจากจะช่วยทำความสะอาดแผลและลดการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว น้ำเกลือซาไลน์แคร์ยังมีความเข้มข้นของตัวยาโซเดียม คลอไรด์อยู่ที่ 0.9% ซึ่งมีความสมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย จึงไม่ทำให้รู้สึกแสบแผลเลยสักนิด 
2. น้ำเกลือซาไลน์ เป็นน้ำเกลือปราศจากเชื้อ
    
          น้ำเกลือซาไลน์แคร์ เป็นน้ำเกลือปราศจากเชื้อที่ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ดังนั้นเมื่อเปิดขวดใช้แล้วควรใช้น้ำเกลือให้หมดภายใน 30 วัน
3. บรรจุภัณฑ์ดีไซน์มาตอบโจทย์
    
          ผลิตภัณฑ์ซาไลน์แคร์อยู่ในรูปขวดปลายแหลม มีระบบการเปิด-ปิดฝาที่ป้องกันการปนเปื้อนระหว่างการใช้ ทำให้ปลอดภัยต่อเชื้อโรค อีกทั้งขวดปลายแหลมยังช่วยให้มีแรงฉีดสำหรับชะล้างสิ่งสกปรกออกจากบาดแผลได้สะอาด โดยไม่ต้องใช้ผ้าก็อซหรือสำลีถูบริเวณแผลให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาการบาดเจ็บ เช่น ปากแผลเปิดกว้างมากขึ้น เป็นต้น
4. ปริมาณน้ำเกลือพอเหมาะกับการใช้งาน
    
          ขวดน้ำเกลือซาไลน์แคร์มีอยู่ขนาดเดียว คือ น้ำเกลือล้างแผลซาไลน์แคร์ขนาดบรรจุ 200 มิลลิลิตร ด้วยเหตุผลที่ว่า น้ำยาล้างแผลควรฉีดล้างด้วยปริมาณน้ำเกลือพอสมควร ให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากบาดแผลให้หมด และเพื่อให้น้ำเกลือพอดีกับการล้างแผลมากที่สุด ไม่ต้องเหลือน้ำเกลือทิ้งไปให้น่าเสียดาย
5. หาซื้อง่าย ใช้สะดวก
    
          น้ำเกลือซาไลน์แคร์สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าสะดวกซื้อ (7-Eleven) และร้านขายยาชั้นนำทั่วไป

          วิธีล้างแผลที่ถูกต้องจริง ๆ แล้วไม่ต้องใช้ท่ายากและขั้นตอนที่ซับซ้อนเลยสักนิด และหากคุณเลือกใช้อุปกรณ์ล้างแผลและล้างแผลได้ถูกวิธี แผลครั้งนี้จะไม่มีความแสบมาเยือนให้ทรมานใจ

ที่มา: kapook

อัพเดทล่าสุด